ขอมาแชร์ความเจ็บปวดที่ทรมานที่สุดในชีวิตหน่อยนะคะ
เราจะเริ่มกันตั้งแต่วันแรกที่มีอาการเลยนะคะ
รูปนี้เป็นคล้ายๆผื่นทั่วไปและก็เริ่มคันแบบเล็กน้อย เราก็เลยคิดว่าแค่ผื่นธรรมดา เพราะตอนแรกที่ไปหาหมอ หมอบอกคล้ายอีสุกอีใสเลยให้ยามาทาและกิน หลังจากนั้นได้กินยาจนครบกำหนด และทายาตลอด แต่อาการเหมือนไม่ดีขึ้นเลยแถมผื่นก็ขึ้นเพิ่มขึ้นอีก กลับไปหาหมออีกครั้ง(คนใหม่) หมอส่งขูดเชื้อราและก็บอกว่าตรวจพบเชื้อราที่ขูดตรงผื่น และยาที่ได้รับไปครั้งที่แล้วมันทำให้ผื่นเห่อ จึงให้ยามาใหม่เป็นยาฆ่าเชื้อรา พอเรากินดูอาการไป 3 วัน ผื่นก็ไม่มีทีท่าว่าจะยุบลงเลย(ดังรูป 5 รูปด้านล่าง) ก็กลับไปหาหมอที่ รพ.เดิม ขอพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สุดในตอนนั้น แล้วหมอ(คนละคนกัน)ก็บอกว่าไม่แน่ใจเหมือนกัน เป็นเคสที่เจอน้อยมาก ขนาดหมอ 3 คนที่ไปหามายังบอกไม่ตรงกันเลย ทำให้ตอนนั้น เครียด วิตกกังวลมากๆ ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ เป็นโรคร้ายแรงอะไรที่ไม่รู้จักมาก่อนหรือเปล่า ตอนนั้นชีวิตมืดมิดเหลือเกิน พ่อกับแม่ก็เครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไงกันดี
มันคันมาก คันที่สุด คันจนจะทนไม่ไหว ยาอะไรที่ว่าดีกินแล้วหายคันก็กินมาหมดแล้ว ทาก็ทาด้วย ยาแก้แพ้แก้คัน มันจะทำให้ง่วงนอนใช่ไหมคะ แต่สำหรับดิฉันนั้นเปล่าเลย พยายามข่มตาให้หลับกว่าจะหลับได้ก็หลายชั่วโมง แต่พอหลับได้แล้ว อาการคันมันไม่ทุเลาลงต้องตื่นขึ้นมาทนกับอาการคันนี้อีก โอ้วไม่นะนี่เราเป็นอะไรกันแน่ ทำไมมันถึงได้คันทรมานขนาดนี้
** คือ ดิฉันมีอาชีพที่ต้องทำงานเป็นประจำทุกวัน ลาก็ลาไม่ได้เยอะ แถมมีเวรนอกเวลาที่ต้องรับผิดชอบอีก คือ ตอนนั้นดิฉันไม่สามารถขึ้นเวรได้เลยและมันก็รบกวนการใช้ชีวิตในประจำวันของดิฉันมากๆเลยค่ะ การพักผ่อนก็เป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพ แต่ดิฉันไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่เลยสักวัน ฉันเครียดจนเพื่อนร่วมงานเป็นห่วง เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนร่าเริงแจ่มใสมาก
วันนี้ดิฉันขอมาเล่าแค่นี้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเล่าต่อนะคะ หากมีใครอยากแชร์ประสบการณ์ในนี้ก็เชิญได้เลยนะคะ
***ค่าเรามาเล่ากันต่อดีกว่าค่ะ***
ขนาดหน้ามือที่ว่าค่อนข้างหนาที่สุดในร่างกายเรายังขึ้นผื่นได้เลยนะคะ สุดยอด(ตอนแรกตกใจมาก)
และหลังจากที่เป็นแล้วรู้สึกทรมานมากนั้น มีพี่เภสัชคนนึงสงสารดิฉันมาก จึงแนะนำให้ไปพบกับคุณหมอท่านนึง ท่านอยู่ที่ กทม. ซึ่งดิฉันอยากเดินทางไปรักษามาก แต่การเดินทางของดิฉันไม่ค่อยสะดวกและไม่อำนวยสักเท่าไร ไหนจะเรื่องรถตู้ที่ต้องนั่งไปแบบแออัด(กลัวว่าจะไปแพร่เชื้อให้คนอื่นอีกหรือไปทำท่ายุกๆยิกๆให้สังคมรังเกียจอีก) ไหนจะงานที่ไม่สามารถลาได้อีก เฮ้อ!! เครียดหนักเลยทีนี้ แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่ ช่วงนั้นก่อนที่จะได้เจอคุณหมอ ก็ได้ถ่ายรูปผื่นที่ขึ้นอยู่ส่งให้คุณหมอดูทุกระยะเวลา ทำให้สามารถผ่อนคลายความเครียดและกังวลได้ และหลังจากที่คุณหมอได้ดูอาการจากรูปที่ส่งไปให้แล้วนั้น คุณหมอสามารถบอกได้เลยว่าเป็นอะไร และกำลังสั่งยามาให้
ขณะที่รอยานั้น จากผื่นเล็กๆๆๆ มันก็กลายมาเป็นอย่างในรูป มันมารวมกัน มันทรมานที่สุด แถมยังขึ้นเรื่อยๆเป็นระลอกๆ อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
แต่อย่างน้อยก็ได้คำแนะนำจากคุณหมอ ว่าเราเป็นได้ก็สามารถหายได้ แล้วถ้ายิ่งเครียดก็จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ทั้งสุขภาพกายและจิตใจ พอได้คุยกับคุณหมอแล้วก็สบายใจขึ้นมากๆเลยค่ะ
วันนี้ง่วงจัง ไว้พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อนะคะ
หมอ...บางคนลงความเห็นว่าเป็นสะเก็ดเงิน
เราจะเริ่มกันตั้งแต่วันแรกที่มีอาการเลยนะคะ
รูปนี้เป็นคล้ายๆผื่นทั่วไปและก็เริ่มคันแบบเล็กน้อย เราก็เลยคิดว่าแค่ผื่นธรรมดา เพราะตอนแรกที่ไปหาหมอ หมอบอกคล้ายอีสุกอีใสเลยให้ยามาทาและกิน หลังจากนั้นได้กินยาจนครบกำหนด และทายาตลอด แต่อาการเหมือนไม่ดีขึ้นเลยแถมผื่นก็ขึ้นเพิ่มขึ้นอีก กลับไปหาหมออีกครั้ง(คนใหม่) หมอส่งขูดเชื้อราและก็บอกว่าตรวจพบเชื้อราที่ขูดตรงผื่น และยาที่ได้รับไปครั้งที่แล้วมันทำให้ผื่นเห่อ จึงให้ยามาใหม่เป็นยาฆ่าเชื้อรา พอเรากินดูอาการไป 3 วัน ผื่นก็ไม่มีทีท่าว่าจะยุบลงเลย(ดังรูป 5 รูปด้านล่าง) ก็กลับไปหาหมอที่ รพ.เดิม ขอพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สุดในตอนนั้น แล้วหมอ(คนละคนกัน)ก็บอกว่าไม่แน่ใจเหมือนกัน เป็นเคสที่เจอน้อยมาก ขนาดหมอ 3 คนที่ไปหามายังบอกไม่ตรงกันเลย ทำให้ตอนนั้น เครียด วิตกกังวลมากๆ ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ เป็นโรคร้ายแรงอะไรที่ไม่รู้จักมาก่อนหรือเปล่า ตอนนั้นชีวิตมืดมิดเหลือเกิน พ่อกับแม่ก็เครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไงกันดี
มันคันมาก คันที่สุด คันจนจะทนไม่ไหว ยาอะไรที่ว่าดีกินแล้วหายคันก็กินมาหมดแล้ว ทาก็ทาด้วย ยาแก้แพ้แก้คัน มันจะทำให้ง่วงนอนใช่ไหมคะ แต่สำหรับดิฉันนั้นเปล่าเลย พยายามข่มตาให้หลับกว่าจะหลับได้ก็หลายชั่วโมง แต่พอหลับได้แล้ว อาการคันมันไม่ทุเลาลงต้องตื่นขึ้นมาทนกับอาการคันนี้อีก โอ้วไม่นะนี่เราเป็นอะไรกันแน่ ทำไมมันถึงได้คันทรมานขนาดนี้
** คือ ดิฉันมีอาชีพที่ต้องทำงานเป็นประจำทุกวัน ลาก็ลาไม่ได้เยอะ แถมมีเวรนอกเวลาที่ต้องรับผิดชอบอีก คือ ตอนนั้นดิฉันไม่สามารถขึ้นเวรได้เลยและมันก็รบกวนการใช้ชีวิตในประจำวันของดิฉันมากๆเลยค่ะ การพักผ่อนก็เป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพ แต่ดิฉันไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่เลยสักวัน ฉันเครียดจนเพื่อนร่วมงานเป็นห่วง เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนร่าเริงแจ่มใสมาก
วันนี้ดิฉันขอมาเล่าแค่นี้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเล่าต่อนะคะ หากมีใครอยากแชร์ประสบการณ์ในนี้ก็เชิญได้เลยนะคะ
***ค่าเรามาเล่ากันต่อดีกว่าค่ะ***
ขนาดหน้ามือที่ว่าค่อนข้างหนาที่สุดในร่างกายเรายังขึ้นผื่นได้เลยนะคะ สุดยอด(ตอนแรกตกใจมาก)
และหลังจากที่เป็นแล้วรู้สึกทรมานมากนั้น มีพี่เภสัชคนนึงสงสารดิฉันมาก จึงแนะนำให้ไปพบกับคุณหมอท่านนึง ท่านอยู่ที่ กทม. ซึ่งดิฉันอยากเดินทางไปรักษามาก แต่การเดินทางของดิฉันไม่ค่อยสะดวกและไม่อำนวยสักเท่าไร ไหนจะเรื่องรถตู้ที่ต้องนั่งไปแบบแออัด(กลัวว่าจะไปแพร่เชื้อให้คนอื่นอีกหรือไปทำท่ายุกๆยิกๆให้สังคมรังเกียจอีก) ไหนจะงานที่ไม่สามารถลาได้อีก เฮ้อ!! เครียดหนักเลยทีนี้ แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่ ช่วงนั้นก่อนที่จะได้เจอคุณหมอ ก็ได้ถ่ายรูปผื่นที่ขึ้นอยู่ส่งให้คุณหมอดูทุกระยะเวลา ทำให้สามารถผ่อนคลายความเครียดและกังวลได้ และหลังจากที่คุณหมอได้ดูอาการจากรูปที่ส่งไปให้แล้วนั้น คุณหมอสามารถบอกได้เลยว่าเป็นอะไร และกำลังสั่งยามาให้
ขณะที่รอยานั้น จากผื่นเล็กๆๆๆ มันก็กลายมาเป็นอย่างในรูป มันมารวมกัน มันทรมานที่สุด แถมยังขึ้นเรื่อยๆเป็นระลอกๆ อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
แต่อย่างน้อยก็ได้คำแนะนำจากคุณหมอ ว่าเราเป็นได้ก็สามารถหายได้ แล้วถ้ายิ่งเครียดก็จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ทั้งสุขภาพกายและจิตใจ พอได้คุยกับคุณหมอแล้วก็สบายใจขึ้นมากๆเลยค่ะ
วันนี้ง่วงจัง ไว้พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อนะคะ