'' ไปเที่ยวเฉยๆเถอะ อย่าคิดจะไปอยู่ที่นั่นเลย '' คหสต หรือ ข้อเท็จจริง ณ ประเทศญี่ปุ่น

ส่วนตัวผมชอบประเทศนี้มากๆครับ เลยอยากจะลองไปใช้ชีวิตที่นั่นซัก4-5 ปีดู แต่ผมก้เคยอ่านกระทู้+เรียนรู้ด้วยตัวเองมาครับ หลายๆความเห็นก็บอกผมว่า '' ไปเที่ยวเฉยๆเถอะ อย่าคิดจะไปอยู่ที่นั่นเลย ''  เลยอยากจะรู้ว่ามันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ เฟลจัง เศร้า เศร้า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
สำหรับตัวผม จริงครับ

เป็นประเทศที่คุณมาเที่ยว  แต่ไม่ควรมาอยู่

ย้อนกลับไปช่วงปี  2002 ที่ญี่ปุ่นเกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพบอลโลก   ผมเป็น นศ. ปริญญาโท จาก ม.ภาคเหนือ
และคิดที่จะเรียนต่อปริญญาเอกที่ต่างประเทศ  ประเทศที่คิดไว้แต่แรกคือ ประเทศจีนครับ  เพราะคิดมาตลอดว่า
ยังไงก็ได้ใช้งานแน่นอน   แต่สุดท้าย ก็มาลงเอยที่ประเทศญี่ปุ่น

ผมมาเรียนที่โรงเรียนภาษาก่อน 2 ปี  พื้นฐานภาษาญี่ปุ่นไม่มี ขอข้าวเค้ากินยังไม่ได้เลย  แต่หลังจากเรียนไปได้ 1นึง
ก็ทันเพื่อนๆ ที่เรียน เอกญี่ปุ่นกันมา ได้อยู่ชั้นเดียวกัน ถือว่าเร็วพอสมควร    แต่จบ 2 ปี ยังไงก็ไม่สามารถนำมาใช้เรียน
ป.เอกได้ครับ  <ผมต้องการเรียน ป.เอกที่เป็น ภาษาญี่ปุ่น จากม.ญี่ปุ่นจริงๆ ไม่ใช่ ป.เอก หลักสูตรอินเตอร์ ที่เรียนกันเกร่อในตอนนี้>

หลังจากเรียนโรงเรียนสอนภาษา จึงเข้าเรียนเซมมอง ก่อนจะสอบเข้า ป.เอก  และอยู่นั่นมาตลอดจนเพิ่งกลับมาปัจจุบัน


ที่เกริ่นมายาว เพื่อจะบอกว่า  ชีวิตที่นั่นไม่ได้สวยงามเท่าไหร่นัก  หากคุณไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง  หรือพ่อแม่มีเงินให้คุณใช้
ผมต้องทำงานเอง  หาเงินจ่ายค่าเรียนเอง  ค่ากินค่าอยู่ก็หาเอง นี่ทำให้ผมได้ผจญภัย และได้รับรู้มุมต่างๆ มากกว่า หลายๆ คนเจอ

เรื่องการทำงาน การเรียน  ไม่มีคำว่า "ที่หนึ่ง " หรือ "ที่สอง"  มีแค่ "แพ้ หรือ ชนะ " ทุกอย่างเป็นการแข่งขัน
ทำงานเข้าเช้า เลิกดึก  ทั้งเช้าและเย็น คุณนอกจากสู้รบกับคนในโรงเรียน ในบริษัท คุณต้องมาสู้กับเวลาเดินทาง จำนวนคน
มากมายมหาศาลดังที่คุณเคยเห็นจากที่ต่างๆ

ปัญหาที่พบเยอะสุด  คนญี่ปุ่นจะมีหลักในการใช้ชีวิตมองทุกอย่างแค่สองคำ คือคำว่า uchi, 内 อุจิ  และ 外 そと โซะโตะ
อุจิ หมายถึงข้างใน  แต่ที่นี้คือ  พวกเรา   ของเรา
โซะโตะ หมายถึงข้างนอก  แต่ที่นี้คือ พวกเขา  ของเขา
คนญี่ปุ่นแบ่งแยกชัดเจน แม้ภายนอกจะดูเรียบร้อย มีน้ำใจ  แต่ใช้หลักแบบนี้ในการแบ่งคนตลอด  
คุณอาจเห็นคนญี่ปุ่นมีน้ำใจกับนักท่องเที่ยวแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนญี่ปุ่นเป็น


มุมมืดของญีปุ่่น เป็นอีกมุม ที่แย่มาก ไม่แพ้บ้านเรา  ผมเคยโดยดักเล่นงานมาแล้ว เพื่อชิงเงิน เพียงเพราะผมเป็นไกจิน <ต่างด้าว>
ที่ไม่สามารถสื่อสารขอความช่วยเหลือใครได้   โทรศัพท์ในตู้ก็โดนพวกล้อมตู้ ทุบตะโกนด่าตลอดเวลา   เพื่อนผู้หญิงโดนลวนลาม
ทั้งคำพูดและการกระทำก็บ่อยมาก

สิ่งนึงที่คนญี่ปุ่นและคนเกาหลีเป็นเหมือนกัน แยกกันไม่ออก  และอยากรู้ว่าใครจะ Claim ว่า แนวปฏิบัตินี้เป็นของใครกันแน่
เพราะเห็นแย่งกันเป็น Original เหลือเกิน ก็คือ  การแสดงออกที่รุนแรงด้านคำพูด เหมือนคนไร้วุฒิภาวะในทางอารมณ์  คือ
มีอะไร ตะโกน ตวาด แบบรุนแรง เหมือนคนขาดสติ  ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนร่วมงาน หรือ ญาติตัวเอง


ตลอด 10 ปีที่อยู่มา  บอกได้เลย ถึงไม่มีความทุกข์ มีเงินใช้  แต่ก็ไม่มีความสุข  มันเป็นความสุขปลอมๆ ที่ไม่รู้จะลงที่ไหน
เบื่อๆ  ก็ไปคาราโอเกะ  ไปเกเซ็น   ถ้าให้ดีหน่อย ก็ออกเดินทางท่องเที่ยว จึงถือเป็นการพักผ่อนอย่างแท้จริง

มิติในมุมของคนเราย่อมมองไม่เหมือนกัน   บางคนมาใช้ชีวิตแค่ 1 วัน 1 อาทิตย์ 1 เดือน หรือ จะ 1 ปี  
คุณก็จะเจอในมุม ในเวลาแค่นั้น  ทำให้คนเรามีมุมมองในญี่ปุ่นแตกต่างกัน  1-3 ปีแรก มันแค่ Long Stay ที่เป็นช่วงการเรียนรู้
รู้ในวัฒนธรรม การดำรงชีวิต  คุณสนุกสนาน  รับสิ่งที่แปลกใหม่   แต่คุณลองผ่านช่วง 5  ปีหลังไปสิ  คุณจะรู้เลยว่า ทำไม
คนญี่ปุ่นที่อยู่ญี่ปุ่นกันมาทั้งชีวิต ถึงอยากมาตั้งหลักปักฐานในเมืองไทย  


ตอนผมอยู่ญี่ปุ่น  ทำไบท์เสร็จทุกคืน กลับมานั่งคนเดียว ร้องเพลงๆ นึง ที่มันตรงใจผมตลอด  ร้องทุกคืนจริงๆนะ

" อยู่ในเมืองกรุงก็คงวุ่นวายและวกวน
มีแต่ผู้คนก็เหมือนกับคนไม่รู้จักกัน
ชีวิตผกผัน คิดถึงบ้าน

มองไปทางใดก็มีแต่ตึกสูงสวยงาม
แต่ใจคนไม่งามเหมือนกับคนที่บ้านเรา
ยามนี้ฉันเหงา คิดถึงบ้าน "


ผมว่าบ้านเราน่าอยู่ที่สุดแล้ว.......
ความคิดเห็นที่ 8
วาทกรรม "มาเที่ยวมันไม่เหมือนกับมาอยู่หรอก" มักจะถูกนำมาใช้กับญี่ปุ่นบ่อยๆ
คนที่อยากมาอยู่ญี่ปุ่นหลายๆคน  พอได้ยินคำพูดแบบนี้เข้าแล้วก็จิตใจห่อเหี่ยว และล้มเลิกความตั้งใจไปก็มี  

แต่ถ้าหากเราพยายามมองสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง โดยไม่ปล่อยให้อารมณ์เข้ามามีอิทธิพลแล้ว
วาทกรรม "มาเที่ยวมันไม่เหมือนกับมาอยู่หรอก" มันเป็นเรื่อง common sense ที่ทุกประเทศบนโลกก็เป็นกัน ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยเองครับ
โดยธรรมชาติแล้ว การเที่ยว กับการใช้ชีวิตอยู่ มันเป็นคนละเรื่องกัน
ความสุขที่ได้จากการเที่ยว กับความสุขที่ได้จากการใช้ชีวิตอยู่ มันก็เป็นคนละแบบกัน  

โดยส่วนตัว ผมว่าการจะอยู่ต่างประเทศ (ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นหรือประเทศใดๆ)ได้อย่างมีความสุขนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยสองเรื่องครับ

1. จริตส่วนตัว

คนเรามีความชอบ มีโจทย์ส่วนตัวไม่เหมือนกัน
บางคนชอบอยู่บ้านหลังใหญ่ แต่ไม่ซีเรียสมากนักเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมรอบบ้าน
บางคนยอมอยู่บ้านเล็กก็ได้ แต่ชุมชนรอบๆ ต้องสะอาดปลอดกัย

บางคนชอบของถูก  ง่าย รวดเร็วทันใจ ไม่ต้องลงทุนมาก
แต่บางคนให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า ต่อให้จ่ายแพงก็ยอม  

บางคนอาจจะชอบการทำงานแบบไม่หนักมาก
บางคนยอมทำงานหนักก็ได้ แต่ต้องได้พักและสิ่งตอบแทนที่คุ้มค่าเหนื่อย

ประเทศต่างๆ ก็มีขีดความสามารถในการตอบโจทย์ด้านต่างๆ ไม่เหมือนกันครับ


2. คุณเริ่มต้นการ"อยู่" ในประเทศนั้นอย่างไร

ถ้าวิถีชีวิตของคุณ เอื้อให้คุณสัมผัส"ข้อดี" ของ"การอยู่"ประเทศนั้นได้ก่อนที่ "ข้อเสีย" คุณก็มีแนวโน้มที่จะอยู่ในประเทศนั้นๆ ได้อย่างมีความสุข
เพราะเมื่อคุณเจอกับข้อเสีย ข้อดีที่คุณเคยสัมผัสมานั้น ก็จะเป็นกำลังใจให้คุณสู้ต่อไป และเตือนใจคุณว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่จะสู้

แต่ถ้าวิถีชีวิตคุณ เอื้อให้ได้สัมผัสข้อเสียของ"การอยู่"ประเทศนั้นได้ก่อน "ข้อดี" คุณก็จะอยู่ได้อย่างไม่ค่อยมีความสุขนัก

เท่าที่สังเกตมา คนที่มาอยู่ญี่ปุ่นแล้วไม่ชอบ "มักจะ" (อาจจะมีกรณียกเว้นอยู่เหมือนกัน)เริ่มต้นการมาอยู่ด้วย
- การถูกหน่วยงานในไทยส่งไปทำงานที่ญี่ปุ่น  พอมาถึงก็โดนรับน้องด้วยบรรยากาศการทำงานสุดเข้มสไตล์ญี่ปุ่นเลย
- มาเรียนปริญญาโทหรือเอกหลักสูตรสายวิทย์  การเรียนสายวิทย์ที่ญี่ปุ่นนั้นเข้มงวดมาก ไม่แพ้การทำงานบริษัทญี่ปุ่นเลย
- ลักลอบเข้าเมือง
- เริ่มต้นด้วยการมาอยู่โตเกียว ที่แพงสุดๆ และผู้คนไม่เป็นมิตรนัก หรือไม่ก็เป็นเมืองโรงงานแบบนาโกย่า (คนรู้จักทั้งไทย เทศ ญี่ปุ่น หลายคน ไม่ค่อยชอบเมืองสองเมืองนี้นัก)
- ไม่มีพื้นฐานภาษาก่อนมาญี่ปุ่น

คนที่มาอยู่ญ่ปุ่นแล้วชอบ มักจะเริ่มต้นการมาอยู่ญี่ปุ่นด้วย
- มาเรียนภาษาหรือมาเรียนแลกเปลี่ยน
- เรียนหลักสูตรอินเตอร์สายศิลป์
- ได้แต่งงานกับสามีญี่ปุ่นที่นิสัยดี การงานมั่นคง พ่อตาแม่ยายนิสัยไม่จู้จี้เอาแต่ใจ
- เริ่มต้นด้วยการมาที่หัวเมืองลำดับรอง ที่ค่าครองชีพไม่สูงเกินไป คนไม่พลุกพล่านเกินไป แต่ยังมีความสะดวกสบายครบ ผู้คนเป็นมิตร
- มาแบบนักเรียนทุน
ความคิดเห็นที่ 7
จะอยู่ในเมือง หรือชนบท ก็เหมือนกันค่ะ ไม่แต่งต่างกันนี่คะ  ไม่ใช่คนในเมือง จะเป็นเทวดา คนชนบทจะเป็นยาจกซะที่ไหน
ก็เหมือนกัน  ต่างกันแค่อาชีพ  คนในเมืองส่วนใหญ่ก้ทํางานออ้ฟฟิต คนชนบท บางคนก็ทําอาชีพเกษตร
แต่ความรับผิดชอบ ต่อสังคม ต่อประเทศชาติ  ก็เหมือนกัน ไม่ต่างกันเลย

ไม่ใช่คนในเมืองรวย อู้ฟ่า สร้างชาติ คนบ้านนอกชนบท เป็นรากหญ้า ไม่มีหรอกค่ะ ความรับผิดชอบเท่ากัน เสมอภาคกัน
ไม่มีได้เปรียบเสียเปรียบ ทุกคนเท่าเทียมกัน  ถึงอาชีพจะต่างกัน ความรับผิดชอบ เท่ากันค่ะ ไม่เห็นมีอะไรแตกต่างกันเลย

จะมาบอก ว่าคนชนบท ทําอีกอย่าง คนในเมือง ทําอีกอย่าง ไม่มีหรอก ทําเหมือนกัน  อยู่ที่ว่าแตกต่างตรงอาชีพ
จ่ายภาษีเหมือนกัน  (คนไหนมีรายได้มาก ก็จ่ายมาก คนไหนมีรายได้น้อยก็จ่ายน้อย นี่คือภาษีรายได้นะคะ) จะอยู่บ้านหรือในเมืองก็เหมือนกัน

(เหมือนมีบ้านละจ้ะ   มีบ้านหลังใหญ่ ก็ต้องจ่ายภาษี บ้านเยอะ  มีที่ดินเยอะ ก็ต้องจ่ายภาษีที่ดินเยอะ  มีรถคันใหญ่ ก็จ่ายภาษีถนนเยอะ)
ตามกฏตามกติกาตากฏหมาย     ไม่อยากจ่ายภาษีบ้าน  ก็เช่าเขาเอา  ไม่อยากจ่ายภาษีถนนก็เดินเอา หรือจรักยานรถเมล์รถไฟ

      เพราะไม่มีใคร เอาปืน ไปจี้หัว ให้คุณมาซื้อรถ   เมื่อมีปัญญาซื้อก็ต้องมีปัญญาจ่าย  บ้านก็เหมือนกัน ที่ดินก็เหมือนกัน

อยู่ญี่ปุ่น ง่ายๆๆๆ  ขั้นพื้นฐานง่ายๆ   เขาบอกเขาสอน ให้ประชาชนเข้าใจในรายระเอียดยิบ   วงกว้างๆ ตีให้แคบๆลง

(คนอยู่ญี่ปุ่นไม่ได้ ฉันก็งึดหลายค่ะ   อยากถามเหมือนกัน ว่าทําไมถึงอยู่ไม่ได้เพราะอะไรทําไม เหตุผล อะไร)
ยังหาคําตอบไม่ได้เลย   ที่เห็นตอบมาคือ แค่อึดอัด เคร่งเครียด   เขาคงไม่อยากจ่ายเงินไม่อยากเสียภาษีให้รัฐ เขาอยากรวยคนเดียว อยากรวยเยอะๆ มีบ้านหลังใหญ่ๆภาษีไม่ต้องเสีย   แต่สวัสดิการ เช่นตํารวจ ต้องดีๆ หน่วยงานราชการต้องบริการเยี่ยม

  เห็นความคิดคนไทย ส่วนใหญ่จะเป็นเช่นนี้   แต่หน่วยงานราชการญี่ปุ่นเขาไม่ยอมหรอก  เพราะพวกเขาก็กินทางปาก ขี้ออกทางตูดเช่นกัน
เพราะ ฉะนั้น เขาจะมาบริการ พวกคุณฟรีๆ ทําไม ถ้าไม่ได้เงินเดือน

ภาษา ญี่ปุ่น  มีคําหนึ่ง  ( โดโจซุรูนารา  โอคาเนะโอคุเร)  ถ้าจะมาสงสารฉัน ไม่ต้องมาสงสารแต่ปาก  เอาเงินมาซิ   เพราะแค่ความสงสาร

   มันสร้างชาติไม่ได้
ความคิดเห็นที่ 45
คนมาอยู่แล้วไม่ถูกใจ คนผิดหวัง ก็พูดในมุมผิดหวังของตัวเอง อยากหาพวก
ส่วนคนที่มาอยู่แล้วชอบ เขาก็ทำมาหากินกันต่อไป ไม่มีเวลาไปยุ่งเรื่องคนอื่น
ไม่รู้จะแนะนำยังไงด้วย เพราะหนทางแต่ละคนไม่เหมือนกัน
สุดท้ายคนที่จะตัดสินใจว่าชอบหรือไม่ชอบ ก็ต้องขึ้นอยู่กับ จขกท อยู่ดี

ประสบการณ์ส่วนตัวคือเราอยู่สามประเทศคือ ไทย อเมริกา และญี่ปุ่น
ตอนนี้อยู่ญี่ปุ่นมา 4 ปีได้แล้ว และตอนนี้ไม่มีแพลนกลับเมืองไทย
และถึงต้องออกจากญี่ปุ่นก็คงไปอเมริกาอยู่ดี

ตอนแรกที่มา พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ค่อยได้ และไม่ได้มีความสนใจอะไรในญี่ปุ่นด้วย
มาใหม่ๆ ไม่ชอบ อยากกลับ เราไม่ชอบ ไม่ได้สนใจอะไร และไม่เข้าใจจนถึงบัดนี้ว่าทำไมคนไทยวาดฝันอะไรกันนัก
อาหารญี่ปุ่นก็ไม่ได้ชอบอะไรมากขนาดนั้นค่ะ เราชอบ 洋食โยโชะคุ อาหารฝรั่งแบบญี่ปุ่นมากกว่า

แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ มันต้องปรับตัวไป ก็เรียนภาษาจนถึงระดับเรียนหนังสือเป็นภาษาญี่ปุ่นได้
ตามดูทีวี ดูข่าวสาว การบ้านการเมืองเขา ให้คุยกับเขาได้ ตามเขาทัน ปกป้องตัวเองไม่ให้ถูกเอาเปรียบ

ส่วนตัว การจะเลือกอยู่ประเทศไหน เราใช้วิธี "ชั่งน้ำหนัก" ข้อดีข้อเสีย ว่าเราชอบอะไร เข้ากับนิสัยเราไหม

เราไม่ชอบญี่ปุ่นตรงที่การทำงานอะไรต้องมี form, ต้องระวังเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
เป็นระบบที่ไม่ให้คนแตกพวกได้อยู่อย่างสงบ ชอบทำอะไรเกินความพอดี
ทำงานแบบพิธีรีตองเยอะ และไม่ productive

เราชอบเมืองไทยตรงที่มีเพื่อน มี ผู้คนไม่รีบร้อย สบายๆ คนไทยมีอารมณ์ขัน ถูกด่าแล้วจำ มีความเกรงใจถ้าเทียบกับเอเชียชาติอื่น
แต่ข้อเสียของเมืองไทยคือ อาชญากรรมเยอะ อุบัติเหตุเยอะ เป็นสังคมมือใครยาวสาวได้สาวเอา ไม่เคารพกฎหมาย
รัฐไม่ปกป้องคน คนรวยสบายทุกอย่าง ซึ่งมันอยู่ในระดับที่มากกว่าญี่ปุ่น (ไม่ใช่ว่าญี่ปุ่นไม่มีนะคะ) และเรารับตรงนี้ไม่ได้มากๆ ค่ะ

และเราเป็นฮิคิโคโมริ อยู่แต่ในห้องตัวเอง ตอนอยู่เมืองไทยเพราะไม่รู้จะไปทำอะไร
ไม่มีคอนเสริตให้เราดู ไม่งานศิลปะ ไม่มีนิทรรศการ ออกไปไหนมาไหนก็ลำบาก
คนไทยงานอดิเรกน้อยมาก หนังสือไม่อ่าน ไปไหนมาไหนต้องกะเตงกันไปเป็นกลุ่ม

แต่ญี่ปุ่นมีอะไรแบบนี้ให้เรา เราได้ออกข้างนอก ไปสยายปีกของตัวเอง ได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ
ส่วนเรื่องคน เรื่องทำงานหนัก จะนิสัยยังไงเราทนได้ เพราะเราเป็นคนไม่แคร์คนอื่นมาตั้งแต่อยู่เมืองไทย

ถึงสุดท้ายเราจะเลือกไม่อยู่ญี่ปุ่นต่อ เราก็คงไม่เอามาโพนทะนาบอกคนอื่นด้วยว่าอย่ามาอยู่ เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่ดี บลาๆๆ
เพราะเลือกมาเอง เลือกจะอยู่กับข้อเสียของมันเอง คับใจขึ้นมาก็ย้ายไปที่อื่น ให้ได้แต่ความเห็นกลางๆ ใม่ใช่ไปตัดกำลังใจคนอื่น

จขกท ลองถามตัวเองว่าเป็นคนแบบไหน ชอบอะไรแบบไหน ฟังคนอื่นเป็นคำแนะนำได้ แต่อย่าเอามาให้จิตตกค่ะ
ความคิดเห็นที่ 3
คน ญี่ปุ่น ก่อนที่คุณ จะเรียก สิทธิ์ คุณต้องทําหน้าที่ก่อน  หน้าที่ต้องมาก่อนสิทธิ์  คนไทย ที่ไม่ชอบอยู่ในญี่ปุ่น เพราะเขาไม่ชอบทําในหน้าที่ไงจ้ะ
เขาอยากได้แต่สิทธิ์  แต่หน้าที่ไม่อยากรับผิดชอบ  เขาเลยอยู่ไม่ได้  เพราะหน้าที่จะหลีกเหลี่ยงไม่ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่