คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 54
อย่างที่ความเห็นบนๆ บอกนะคะ
ตั้งแต่เด็กเลย ครูชอบให้ท่องศัพท์ ถามว่าท่องศัพท์ดีไม๊ คำตอบคือดีค่ะ
แต่ถ้าท่องแล้วไม่ได้ใช้ ยังไงก็ลืมค่ะ แล้วคำศัพท์ภาษาอังกฤษมันดิ้นได้
อยู่ในประโยคหนึ่งมีความหมายอีกอย่าง ไปอยู่ในอีกประโยคจะมีความหมายอีกอย่าง
จริงๆ แล้ว การเรียนภาษาอังกฤษ กับการจำเป็นคำๆ เป็นการพัฒนาที่ช้าค่ะ เพราะเราจะไม่รู้วิธีการใช้คำๆ นั้น
จำเป็นรูปประโยคเลย จะนำไปใช้ได้มากกว่า
ถ้าคิดจะทำก็เริ่มเลยค่ะ อย่าผลัดวันประกันพรุ่งนะคะ
Your future is created by what you do today, not tomorrow.
มีหนังสือนิยาย level 1 เวปนี้เค้ามีให้โหลดค่ะ หนังสือแต่ละหน้า จะมีคำศัพท์ที่ยากๆ ให้ด้านข้างเลยค่ะ
http://www.dailyenglish.in.th/graded-readers-level1/
ตัวอย่างจากเรื่อง White Death (เรากะลังอ่านเรื่องนี้อยู่ค่ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่มันเป็นไฟล์แสกนจากหนังสืออีกที อาจจะไม่ชัดมาก แต่ก็พอได้
เวปนี้มี E-Book แจก 100 เรื่องเลยค่ะ เลือกได้เลย
http://plus.jekieshop.net/top_100_novels_of_all_time.html
แนะนำเวปค่ะ ลองเปิดๆ ไปดูอาจจะได้อะไรบ้างนะคะ
http://www.e4thai.com/e4e/index.php?option=com_content&view=featured&Itemid=101
**เพิ่มเติม นิดหน่อยค่ะจริงๆ แล้วปัญหาใหญ่ด้านภาษาของคนไทย คือการฟังค่ะ
การฟังเพลงที่ชอบแล้วแปลเนื้อเพลงให้เข้าใจเนื้อหาของเพลง ฟังแล้วฝึกร้องตาม มันจะได้แทบทุกอย่างเลย
ทั้งการฟัง การอ่าน การออกเสียง สำเนียง (ยกเว้นการเขียน เพราะคนที่จะเขียนได้ ต้องแม่น grammar)
เพลงแนะนำค่ะ ความหมายดี ฟังง่าย ศัพท์ง่าย เพราะด้วย
**เพิ่มเติม 2 การแปล การทำความเข้าใจ หรือการอ่าน สิ่งที่เราคาดหวังคือ ต้องเข้าใจ 100%
ซึ่งถ้าประโยคนี้เราแปลไม่ได้ ศัพท์นี้เราไม่รู้แล้วจดจ่อแต่กับมัน เราก็ไปข้างหน้าไม่ได้
ขนาดฟังภาษาไทย เรียนภาษาไทย เรายังเข้าใจได้ไม่ 100% เพราะฉะนั้น แค่ 60-70% ก็เพียงพอต่อการเข้าใจนะคะ
***ถามสั้นแต่ดันตอบยาว
ตั้งแต่เด็กเลย ครูชอบให้ท่องศัพท์ ถามว่าท่องศัพท์ดีไม๊ คำตอบคือดีค่ะ
แต่ถ้าท่องแล้วไม่ได้ใช้ ยังไงก็ลืมค่ะ แล้วคำศัพท์ภาษาอังกฤษมันดิ้นได้
อยู่ในประโยคหนึ่งมีความหมายอีกอย่าง ไปอยู่ในอีกประโยคจะมีความหมายอีกอย่าง
จริงๆ แล้ว การเรียนภาษาอังกฤษ กับการจำเป็นคำๆ เป็นการพัฒนาที่ช้าค่ะ เพราะเราจะไม่รู้วิธีการใช้คำๆ นั้น
จำเป็นรูปประโยคเลย จะนำไปใช้ได้มากกว่า
ถ้าคิดจะทำก็เริ่มเลยค่ะ อย่าผลัดวันประกันพรุ่งนะคะ
Your future is created by what you do today, not tomorrow.
มีหนังสือนิยาย level 1 เวปนี้เค้ามีให้โหลดค่ะ หนังสือแต่ละหน้า จะมีคำศัพท์ที่ยากๆ ให้ด้านข้างเลยค่ะ
http://www.dailyenglish.in.th/graded-readers-level1/
ตัวอย่างจากเรื่อง White Death (เรากะลังอ่านเรื่องนี้อยู่ค่ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่มันเป็นไฟล์แสกนจากหนังสืออีกที อาจจะไม่ชัดมาก แต่ก็พอได้
เวปนี้มี E-Book แจก 100 เรื่องเลยค่ะ เลือกได้เลย
http://plus.jekieshop.net/top_100_novels_of_all_time.html
แนะนำเวปค่ะ ลองเปิดๆ ไปดูอาจจะได้อะไรบ้างนะคะ
http://www.e4thai.com/e4e/index.php?option=com_content&view=featured&Itemid=101
**เพิ่มเติม นิดหน่อยค่ะจริงๆ แล้วปัญหาใหญ่ด้านภาษาของคนไทย คือการฟังค่ะ
การฟังเพลงที่ชอบแล้วแปลเนื้อเพลงให้เข้าใจเนื้อหาของเพลง ฟังแล้วฝึกร้องตาม มันจะได้แทบทุกอย่างเลย
ทั้งการฟัง การอ่าน การออกเสียง สำเนียง (ยกเว้นการเขียน เพราะคนที่จะเขียนได้ ต้องแม่น grammar)
เพลงแนะนำค่ะ ความหมายดี ฟังง่าย ศัพท์ง่าย เพราะด้วย
**เพิ่มเติม 2 การแปล การทำความเข้าใจ หรือการอ่าน สิ่งที่เราคาดหวังคือ ต้องเข้าใจ 100%
ซึ่งถ้าประโยคนี้เราแปลไม่ได้ ศัพท์นี้เราไม่รู้แล้วจดจ่อแต่กับมัน เราก็ไปข้างหน้าไม่ได้
ขนาดฟังภาษาไทย เรียนภาษาไทย เรายังเข้าใจได้ไม่ 100% เพราะฉะนั้น แค่ 60-70% ก็เพียงพอต่อการเข้าใจนะคะ
***ถามสั้นแต่ดันตอบยาว
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ความคิดและจากกประสบการณ์เลยนะครับ
ผมเลือกอ่านเรื่องที่ผมอยากอ่านเลยครับ เพราะความสนใจความอยากทำให้เรามีความพยายามจะเปิดดิก
เรื่องแรกที่ผมอ่านเป็นภาษาอังกฤษคือ แฮรี่พอร์เตอร์ จำได้ว่าตอนนั้นเรียนอยู่ที่ออสแล้วแฮรี่พอร์ตเตอร์มันดังมาก
จะให้ที่บ้านซื้อส่งไปให้ก็เสียดายเงิน และที่บ้านก็คงบ่น พอดีมีเพื่อนคนออสซี่เค้าเอามาที่ผมทำงานพิเศษด้วยกัน
เค้าให้ผมยืม ผมบอกไม่ล่ะอ่านไปก็ไม่รู้เรื่อง เค้าบอกก็ดีไงคุณจะได้เรียนภาษาไปด้วย อ่านไม่ออกก็เปิดดิก ถ้าไม่รู้เรื่องจริงๆก็มาถามเค้า
ยอมรับว่าบทแรกๆเปิดดิกเป็นว่าเล่นเพราะความรู้ภาษาผมตอนนั้นก็ไม่ได้เก่งอะไร
แต่ความอยากอ่านความสนุกของมันทำให้ผมพยายามที่จะเปิดดิก ซ้ำแล้วซ้ำอีก
แต่ผ่านไปซัก 5-6 บทมันจะเริ่มเปิดน้อยลงครับ เพราะคำมันก็จะเริ่มซ้ำๆ
ผมยอมรับเลยว่ามันช่วยฝึกภาษาผมเป็นอย่างดี พออ่านแฮรี่จบครบ ผมเลยลองอ่านหนังสือที่ผมซื้อมาตั้งนานแล้วแต่ไม่เคยอ่านเพราะท้อคือเรื่อง The Lost World คราวนี้อ่านเข้าใจ สนุก เปิดดิกบ้างแต่ก็ไม่เบื่อเพราะส่วนใหญ่เราไหว
ลองดูครับ ไม่ต้องคิดเยอะลงมือเลย หักดิบ แบบที่เพื่อนผมแนะนำกับผม
แต่มันมีคำนึงครับที่ผมเจ็บจี๊ดจนต้องยอมขอยืมเค้ามาอ่าน
"แฮรี่นี่มันหนังสือเด็กประถมที่นี่เค้าอ่านกันนะ เด็กประถมที่นี่ยังอ่านได้แล้วทำไมเธอที่เตรียมจะเข้าเรียนมหาลัยแล้วจะอ่านไม่ได้"
ผมนี่เงิบเลย คนพูดเป็นผู้หญิงด้วย เลยฮึดแบบกลัวเสียฟอร์มต่อหน้าหญิง 555
ผมเลือกอ่านเรื่องที่ผมอยากอ่านเลยครับ เพราะความสนใจความอยากทำให้เรามีความพยายามจะเปิดดิก
เรื่องแรกที่ผมอ่านเป็นภาษาอังกฤษคือ แฮรี่พอร์เตอร์ จำได้ว่าตอนนั้นเรียนอยู่ที่ออสแล้วแฮรี่พอร์ตเตอร์มันดังมาก
จะให้ที่บ้านซื้อส่งไปให้ก็เสียดายเงิน และที่บ้านก็คงบ่น พอดีมีเพื่อนคนออสซี่เค้าเอามาที่ผมทำงานพิเศษด้วยกัน
เค้าให้ผมยืม ผมบอกไม่ล่ะอ่านไปก็ไม่รู้เรื่อง เค้าบอกก็ดีไงคุณจะได้เรียนภาษาไปด้วย อ่านไม่ออกก็เปิดดิก ถ้าไม่รู้เรื่องจริงๆก็มาถามเค้า
ยอมรับว่าบทแรกๆเปิดดิกเป็นว่าเล่นเพราะความรู้ภาษาผมตอนนั้นก็ไม่ได้เก่งอะไร
แต่ความอยากอ่านความสนุกของมันทำให้ผมพยายามที่จะเปิดดิก ซ้ำแล้วซ้ำอีก
แต่ผ่านไปซัก 5-6 บทมันจะเริ่มเปิดน้อยลงครับ เพราะคำมันก็จะเริ่มซ้ำๆ
ผมยอมรับเลยว่ามันช่วยฝึกภาษาผมเป็นอย่างดี พออ่านแฮรี่จบครบ ผมเลยลองอ่านหนังสือที่ผมซื้อมาตั้งนานแล้วแต่ไม่เคยอ่านเพราะท้อคือเรื่อง The Lost World คราวนี้อ่านเข้าใจ สนุก เปิดดิกบ้างแต่ก็ไม่เบื่อเพราะส่วนใหญ่เราไหว
ลองดูครับ ไม่ต้องคิดเยอะลงมือเลย หักดิบ แบบที่เพื่อนผมแนะนำกับผม
แต่มันมีคำนึงครับที่ผมเจ็บจี๊ดจนต้องยอมขอยืมเค้ามาอ่าน
"แฮรี่นี่มันหนังสือเด็กประถมที่นี่เค้าอ่านกันนะ เด็กประถมที่นี่ยังอ่านได้แล้วทำไมเธอที่เตรียมจะเข้าเรียนมหาลัยแล้วจะอ่านไม่ได้"
ผมนี่เงิบเลย คนพูดเป็นผู้หญิงด้วย เลยฮึดแบบกลัวเสียฟอร์มต่อหน้าหญิง 555
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้ายังรู้คำศัพท์ไม่มากควรอ่านเรื่องที่ง่ายๆก่อน เช่นเรื่องนี้
http://aj3000.com/wp/free-graded-readers/fire-on-the-mountain-chapter-1/
จะอ่านต่อบทที่ 2 ให้เอาเม้าส์คลิกที่ FREE GRADED READERS FOR EXTENSIVE READING ตรงแถวบนสุด
คำไหนไม่รู้จักก็เปิดดิกชันนารี อ่านเป็นประจำทุกวันเดี๋ยวก็เก่งภาษาอังกฤษ
http://aj3000.com/wp/free-graded-readers/fire-on-the-mountain-chapter-1/
จะอ่านต่อบทที่ 2 ให้เอาเม้าส์คลิกที่ FREE GRADED READERS FOR EXTENSIVE READING ตรงแถวบนสุด
คำไหนไม่รู้จักก็เปิดดิกชันนารี อ่านเป็นประจำทุกวันเดี๋ยวก็เก่งภาษาอังกฤษ
แสดงความคิดเห็น
ก่อนจะเริ่มอ่านนิยายภาษาอังกฤษ เราจะต้องมีพื้นฐานการจำศัพท์มากเท่าไหร่ครับ
แล้วผมไปพบบทความหนึ่งแนะนำให้อ่านหนังสือนิยายที่ชอบ เริ่มจากเล่มบางๆก่อน
แต่ ถ้าผมมีศัพท์ที่ไม่มาก คือ ระดับศูนย์เลยก็ว่าได้
ผมอยากทราบว่า ผมควรจะต้องไปท่องศัพท์ให้มากพอก่อน หรือ เริ่มอ่านนิยายโดยไม่ต้องจำศัพท์มากก็ได้ครับ ?
ขอบคุณล่วงหน้าครับ