รีวิวนี้ เน้นบอกเล่าเรื่องราวจากประสบการณ์จริง โหด มัน ฮา culture shock! เจอเรื่องดีบ้างไม่ดีบ้างคละเคล้าไป
เรื่องไม่ดีก็จะเล่าแต่จะไม่เอ่ยชื่อถึงเจ้าของสถานที่ หรือเน้นเฉพาะบุคคล ส่วนเรื่องดีนี้ขอสรรเสริญ ชื่นชม วี๊ดว้าย กระตู้วู้กันต่อไป
ก่อนจะเริ่ม รีวิว ขอออกตัวก่อนว่า ข้อมูลเรื่องค่าใช้จ่ายเราจำไม่เป๊ะ เพราะไม่ได้จด เพราะไม่ใช่คนจ่ายตังค์!! ตึ่งโป๊ะ!! เอาเท่าที่เราจำได้ ซึ่งก็เกือบทุกอย่างนั่นแหละ แต่ออกตัวไว้กันเหนียว
ช่วงเวลาการเดินทางคือ คืนวันที่ 30 ธันวาคม เดินทางกลับวันที่ 4 มกราคม โดยสายการบิน Vietjet
สายการบินนี้ ถ้าไปเวียดนามหรือบินภายในประเทศ ราคาถูกมากอลังการเว่อวัง ในการเดินทางใช้บริการสามครั้ง เครื่องบินใหม่ blink ทุกเครื่อง (ไม่ตายแน่กรู คิดในใจอย่างปลื้มปริ่ม )
ก่อนอื่นขอออกตัวเลยว่า รีวีวนี้ เน้นฮา ไร้สาระทางวิชาการ แต่ทั้งหมดมาจากประสบการณ์จริงที่เราได้ไปสัมผัสเวียดนามใต้ด้วยตัวของเราเอง
อาจมีเรื่องดี และไม่ดี เรื่อง culture shock ผสมปนเปกันไป ไม่มีการใส่สีตีไข่ มีแต่การเล่าแบบเกรียนๆของเราเท่านั้น
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ เราอาจจะจำไม่เป๊ะ เพราะเราไม่ได้เป็นคนจ่าย อิอิ แต่เราว่าเราจำได้เกือบทุกอย่างนะคะ
สำหรับเรื่องไม่ดี ไม่น่าประทับใจเราก็อยากเล่าเป็นอุทธาหรณ์ให้เพื่อนๆ ระวังตัวไว้ ส่วนเรื่องดีๆจะขอนำเสนอและเชียร์สุดๆ สรรเสริญเยินยอ วี้ดว้าย ตามสไตล์เราอ่ะค่ะ
เริ่มจาก แผนของเราคือ ออกเดินทางหัวค่ำของวันที่ 30 ธันวาคม และกลับตอนบ่ายของวันที่ 4 มกราคม โดนสายการบิน Vietjet ที่ราคาถูกมากอลังการเว่อวัง เราใช้สายการบินนี้ในการเดินทางถึงสามครั้ง เจอแต่เครื่องบินใหม่เอี่ยมอ่อง จึงรู้สึกประทับใจ ปลอดภัย ( เครื่องไม่ตกแน่ๆรอดละกรู เราคิดงี้ในใจ )
แผนการเดินทางเดิมคือเดินทางถึงโฮจิมินต์ประมาณสามทุ่ม (ไทยกับเวียดนาม เวลาเดียวกัน ) พัก 1 คืนที่ถนนยอดฮิต ฟาม งู เหลา หรือ พาม งูเหลา ?
เช้าวันที่ 31 ธันวา ค่อยหารถบัสนอนชิลๆ ต่อไปมุยเน่ คาดว่าจะถึงเกือบบ่ายค่อยซื้อทัวร์ นอนค้าง 1 คืน เคาดาวน์ที่มุยเน่ ( รีสอร์ทริมทะเล โรแมนติกแน่ นี่คือที่หวังไว้ )
เช้าวันที่ 1 มกราค่อย ออกเดินทางด้วยรถบัสแบบนั่ง ไปดาลัด หวังใจจะถึงดาลัดบ่ายๆแล้วตะลอนเที่ยว กะจะชิลอยู่ดาลัดสัก 2 คืน แล้วบินกลับโฮจิมินต์เกร๋ๆในเช้าวันที่ 3 มกรา เที่ยวโฮจิมินต์รอบเมืองอีกสักวัน แล้วบินกลับไทยในบ่ายของวันที่ 4 มกรา
แต่.............แผนทุกอย่างกลับผลิกผัน โหด มันส์ ฮา ลุ้นนนนนนทุกเสี้ยววินาที เกิดมาเป็นไทยชิล....มันมันส์งี้นี่เอง หง่อวว!!
เริ่มออกเดินทาง วันที่ 30 ธันวาคม ถึงสนามบินที่โฮจิมินต์ประมาณสี่ทุ่มกว่า
ผิดเวลาไปเยอะ เพราะเครื่องบินรอที่จอดนานมาก (จริงๆนะ )รอ shuttle bus มารับอีก ห่วงก็แต่สปอนเซอร์บินมาจากสิงคโปร์บอกจะยืนรอเราตรงทาง Arrivals Exit ว่าจะหากันเจอหรือไม่ ก็เดินง่วงๆงงๆ ไป immigration ชุดเขียวๆเคาเตอร์สูงๆ( จะสูงไปไหน? ) เราขำนะ!! เพราะภาพที่เราเห็นคือ คนก่อนหน้าเราเป็นผู้หญิงตัวเล็กมาก ยืนไม่พ้นเคาเตอร์ เจ้าหน้าที่ต้องลุกมาชะโงกดูหน้าตาว่าตรงกับพาสปอร์ตหรือเปล่า? ( ขำตัวสั่น ) พอถึงคิวเราหน้าเลยขอบเค้าเตอร์แค่ปลายคาง กลัวเจ้าหน้าที่ลำบาก เขย่งแล้วยิ้มมมมมมมมมม คร่า ยิ้มสยาม...ไม่เป็นผล แป้ก! อ่อยเต็มที่แต่พี่ไม่สน!! เจ้าหน้าที่หน้าตาย กดปั๊ม ตึ้ง ตึ้ง คุณได้ไปต่อ ให้ผ่าน เข้าประเทศ โย่วว!!! เวียดนาม i am
ยย เอ้ย เฮีย ( here )
เดินออกมาจนถึงทางออก โอ้ว! อัศจรรย์ใจวัยรุ่นอีกแล้ว เพราะทางออกมันคือทางออกจริงๆ คือออกไปเลย ถนนเลย คนเยอะแยะมากมายหน้าสลอน จะหากันเจอมั้ยคือคำถามในใจ ก็พยายามเดินช้าๆ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ทำตัวให้โดดเด่น ฉีกยิ้มสยาม ด้วยหวังว่าคนที่มารอจะเห็นเราแล้วมาลากเราออกไปที เดินจนถึงถนนด้านหน้าก็คอตก พลาดละ รู้งี้เปิดโรมมิ่ง รู้งี้ซื้อซิมเวียดนาม นอยด์ไม่ทันไร ก็มีมือมาล๊อคคอ แอ่ก! กรี๊ดโอป้าของช้านนี่เอง ( ผู้ชายสิงคโปร์เรียกโอป้าได้ป่ะ หรือเรียกอาแปะ 55ถามเฉยๆนะ ไม่ต้องตอบ จะเรียกอ่ะ ไม่แคร์เวิลด์ 555)
เมื่อเราเจอกัน มองตาก็เข้าใจ....น่าจะเจอกันมาตั้งนาน เพลงนี้ดังขึ้นมาในหัวเลย ดีใจอ่ะเจอผู้ชาย 555 เราไปเข้าโรงแรม เอ้ย ที่พักกันเถอะ ก็ตัดสินใจจะนั่งแท๊กซี่ค่ะ ข้อมูลรถเมล์ที่เตรียมมาไม่สนละ เพราะเหนื่อย ง่วง และรอบๆดูมืดๆ เดินเจอแท๊กซี่ สอบถามที่พักกันเรียบร้อย แท๊กซี่ขอราคาเหมา 15 ยูเอสดอลล่าร์ ฟักข้าวเถอะค่ะ เราSay No อย่างเดียว แต่ผู้ชายต่อเหลือ 10 ดอลล่าร์ แท๊กซี่รีบตกลง แล้วพูดแฮปปี้นิวเยียร์ๆ พร้อมพาเราไปที่รถ สภาพรถเก่านะ แต่ก็ดีที่ไม่เหม็น ทีนี้พอจะขับออกนอกสนามบิน มีด่านเก็บค่าจอด คนขับแท๊กซี่หันมาขอค่าที่จอด 15,000 ดอง แล้วในรถมันก็มืดมากไฟไม่มี แล้วแบงค์เวียดนามเราก็ยัง งงๆ ผู้ชายเลยสาละวนหาแบงค์ในกระเป๋า คนขับแท๊กซี่คงรู้สึกไม่ทันใจมัน กระชากเงินทั้งปึกออกจากกระเป๋าผู้ชายแล้วหยิบเงินไปพอดีที่ต้องจ่าย เราสตั๊นท์ในมารยาทอันเลวทรามของมันพร้อมสบถเบาๆว่า ไอ้ here เอ้ย! ก่อนจะบอกผู้ชายว่า เดี๋ยวตอนลงรถเธอตรวจนับเงินที่เหลือนะว่าถูกต้องมั้ย ถ้าไม่ถูกต้องครบจำนวน ไอ จะ โชว์ มวย ไทย ซะหน่อย ขับปาดซ้ายปาดขวา บีบแตรประหนึ่ง ไม่ได้บีบแล้วจะเป็นหมัน ก็พาเรามาถึงจนได้ แถ่น แถ๊นนน!! พามงูเหลา หรือฟามงูเหลา แล้วแต่จะสะดวกเรียก มันคือถนน ข้าวสาร ย่านแห่งแบ๊คแพคเกอร์บ้านเราดีดีนี่เอง
เมื่อเข้ามาถึงโรงแรมที่พัก ไม่ขอแนะนำและไม่เอ่ยชื่อนะคะ เพราะว่าคุณภาพไม่ค่อยดี บริการก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง ใครอยากรู้ชื่อจริงๆค่อยหลังไมค์ ห้องพักเราอยุ่ชั้น 5 ต้องเดินขึ้นไปโดยบันได หอบแฮ่กตั้งแต่ชั้น 3 ละ ก็หวังใจว่าจะอาบน้ำนอนหลับไปเลยเพราะเหนื่อยมาก แต่ถึงห้องก็ต้องตะลึง ตึง ตึง ห้องเล็กมาก อยู่ระหว่างทางเดินแล้วมีกระจกบานเกล็ดติดกับทางเดิน โอเคไม่เป็นไรแค่คืนเดียว อย่างอื่นก็ดูสะอาดดี ห้องน้ำ อะไรอย่างนี้ จึงเปิดแอร์ ครึ่งชั่วโมงก็แล้ว ก็ยังไม่เย็น ร้อนมากก แล้วเหมือนว่าห้องอับมีฝุ่นเยอะ เพราะเราเริ่มหายใจไม่ออก จึงชวนกันออกไปเดินเล่นที่ถนนด้านหลัง เพราะนอนไม่ได้จริงๆ เมื่อไปถึงถนนเส้นนี้เป้นเส้นคู่ขนานแต่อยุ่ด้านหลังของ ถนน พาม งู เหลา เราจำชื่อไม่ได้ แต่มันเปรียบได้กับถนนข้าวสารบ้านเรานี่เอง และที่นี่ทำให้เราเห็นวัฒนธรรมการดื่มและลองเบียร์ไซง่อน ราคาขวดละ 10000 ดอง ( 15-17 บาท ) โอ้ สวรรค์!!
[CR] รีวิว เที่ยวเวียดนามใต้ โฮจิมินต์ มุยเน่ ดาลัด แบบเกรียนๆ
เรื่องไม่ดีก็จะเล่าแต่จะไม่เอ่ยชื่อถึงเจ้าของสถานที่ หรือเน้นเฉพาะบุคคล ส่วนเรื่องดีนี้ขอสรรเสริญ ชื่นชม วี๊ดว้าย กระตู้วู้กันต่อไป
ก่อนจะเริ่ม รีวิว ขอออกตัวก่อนว่า ข้อมูลเรื่องค่าใช้จ่ายเราจำไม่เป๊ะ เพราะไม่ได้จด เพราะไม่ใช่คนจ่ายตังค์!! ตึ่งโป๊ะ!! เอาเท่าที่เราจำได้ ซึ่งก็เกือบทุกอย่างนั่นแหละ แต่ออกตัวไว้กันเหนียว
ช่วงเวลาการเดินทางคือ คืนวันที่ 30 ธันวาคม เดินทางกลับวันที่ 4 มกราคม โดยสายการบิน Vietjet
สายการบินนี้ ถ้าไปเวียดนามหรือบินภายในประเทศ ราคาถูกมากอลังการเว่อวัง ในการเดินทางใช้บริการสามครั้ง เครื่องบินใหม่ blink ทุกเครื่อง (ไม่ตายแน่กรู คิดในใจอย่างปลื้มปริ่ม )
ก่อนอื่นขอออกตัวเลยว่า รีวีวนี้ เน้นฮา ไร้สาระทางวิชาการ แต่ทั้งหมดมาจากประสบการณ์จริงที่เราได้ไปสัมผัสเวียดนามใต้ด้วยตัวของเราเอง
อาจมีเรื่องดี และไม่ดี เรื่อง culture shock ผสมปนเปกันไป ไม่มีการใส่สีตีไข่ มีแต่การเล่าแบบเกรียนๆของเราเท่านั้น
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ เราอาจจะจำไม่เป๊ะ เพราะเราไม่ได้เป็นคนจ่าย อิอิ แต่เราว่าเราจำได้เกือบทุกอย่างนะคะ
สำหรับเรื่องไม่ดี ไม่น่าประทับใจเราก็อยากเล่าเป็นอุทธาหรณ์ให้เพื่อนๆ ระวังตัวไว้ ส่วนเรื่องดีๆจะขอนำเสนอและเชียร์สุดๆ สรรเสริญเยินยอ วี้ดว้าย ตามสไตล์เราอ่ะค่ะ
เริ่มจาก แผนของเราคือ ออกเดินทางหัวค่ำของวันที่ 30 ธันวาคม และกลับตอนบ่ายของวันที่ 4 มกราคม โดนสายการบิน Vietjet ที่ราคาถูกมากอลังการเว่อวัง เราใช้สายการบินนี้ในการเดินทางถึงสามครั้ง เจอแต่เครื่องบินใหม่เอี่ยมอ่อง จึงรู้สึกประทับใจ ปลอดภัย ( เครื่องไม่ตกแน่ๆรอดละกรู เราคิดงี้ในใจ )
แผนการเดินทางเดิมคือเดินทางถึงโฮจิมินต์ประมาณสามทุ่ม (ไทยกับเวียดนาม เวลาเดียวกัน ) พัก 1 คืนที่ถนนยอดฮิต ฟาม งู เหลา หรือ พาม งูเหลา ?
เช้าวันที่ 31 ธันวา ค่อยหารถบัสนอนชิลๆ ต่อไปมุยเน่ คาดว่าจะถึงเกือบบ่ายค่อยซื้อทัวร์ นอนค้าง 1 คืน เคาดาวน์ที่มุยเน่ ( รีสอร์ทริมทะเล โรแมนติกแน่ นี่คือที่หวังไว้ )
เช้าวันที่ 1 มกราค่อย ออกเดินทางด้วยรถบัสแบบนั่ง ไปดาลัด หวังใจจะถึงดาลัดบ่ายๆแล้วตะลอนเที่ยว กะจะชิลอยู่ดาลัดสัก 2 คืน แล้วบินกลับโฮจิมินต์เกร๋ๆในเช้าวันที่ 3 มกรา เที่ยวโฮจิมินต์รอบเมืองอีกสักวัน แล้วบินกลับไทยในบ่ายของวันที่ 4 มกรา
แต่.............แผนทุกอย่างกลับผลิกผัน โหด มันส์ ฮา ลุ้นนนนนนทุกเสี้ยววินาที เกิดมาเป็นไทยชิล....มันมันส์งี้นี่เอง หง่อวว!!
เริ่มออกเดินทาง วันที่ 30 ธันวาคม ถึงสนามบินที่โฮจิมินต์ประมาณสี่ทุ่มกว่า
ผิดเวลาไปเยอะ เพราะเครื่องบินรอที่จอดนานมาก (จริงๆนะ )รอ shuttle bus มารับอีก ห่วงก็แต่สปอนเซอร์บินมาจากสิงคโปร์บอกจะยืนรอเราตรงทาง Arrivals Exit ว่าจะหากันเจอหรือไม่ ก็เดินง่วงๆงงๆ ไป immigration ชุดเขียวๆเคาเตอร์สูงๆ( จะสูงไปไหน? ) เราขำนะ!! เพราะภาพที่เราเห็นคือ คนก่อนหน้าเราเป็นผู้หญิงตัวเล็กมาก ยืนไม่พ้นเคาเตอร์ เจ้าหน้าที่ต้องลุกมาชะโงกดูหน้าตาว่าตรงกับพาสปอร์ตหรือเปล่า? ( ขำตัวสั่น ) พอถึงคิวเราหน้าเลยขอบเค้าเตอร์แค่ปลายคาง กลัวเจ้าหน้าที่ลำบาก เขย่งแล้วยิ้มมมมมมมมมม คร่า ยิ้มสยาม...ไม่เป็นผล แป้ก! อ่อยเต็มที่แต่พี่ไม่สน!! เจ้าหน้าที่หน้าตาย กดปั๊ม ตึ้ง ตึ้ง คุณได้ไปต่อ ให้ผ่าน เข้าประเทศ โย่วว!!! เวียดนาม i am ยย เอ้ย เฮีย ( here )
เดินออกมาจนถึงทางออก โอ้ว! อัศจรรย์ใจวัยรุ่นอีกแล้ว เพราะทางออกมันคือทางออกจริงๆ คือออกไปเลย ถนนเลย คนเยอะแยะมากมายหน้าสลอน จะหากันเจอมั้ยคือคำถามในใจ ก็พยายามเดินช้าๆ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ทำตัวให้โดดเด่น ฉีกยิ้มสยาม ด้วยหวังว่าคนที่มารอจะเห็นเราแล้วมาลากเราออกไปที เดินจนถึงถนนด้านหน้าก็คอตก พลาดละ รู้งี้เปิดโรมมิ่ง รู้งี้ซื้อซิมเวียดนาม นอยด์ไม่ทันไร ก็มีมือมาล๊อคคอ แอ่ก! กรี๊ดโอป้าของช้านนี่เอง ( ผู้ชายสิงคโปร์เรียกโอป้าได้ป่ะ หรือเรียกอาแปะ 55ถามเฉยๆนะ ไม่ต้องตอบ จะเรียกอ่ะ ไม่แคร์เวิลด์ 555)
เมื่อเราเจอกัน มองตาก็เข้าใจ....น่าจะเจอกันมาตั้งนาน เพลงนี้ดังขึ้นมาในหัวเลย ดีใจอ่ะเจอผู้ชาย 555 เราไปเข้าโรงแรม เอ้ย ที่พักกันเถอะ ก็ตัดสินใจจะนั่งแท๊กซี่ค่ะ ข้อมูลรถเมล์ที่เตรียมมาไม่สนละ เพราะเหนื่อย ง่วง และรอบๆดูมืดๆ เดินเจอแท๊กซี่ สอบถามที่พักกันเรียบร้อย แท๊กซี่ขอราคาเหมา 15 ยูเอสดอลล่าร์ ฟักข้าวเถอะค่ะ เราSay No อย่างเดียว แต่ผู้ชายต่อเหลือ 10 ดอลล่าร์ แท๊กซี่รีบตกลง แล้วพูดแฮปปี้นิวเยียร์ๆ พร้อมพาเราไปที่รถ สภาพรถเก่านะ แต่ก็ดีที่ไม่เหม็น ทีนี้พอจะขับออกนอกสนามบิน มีด่านเก็บค่าจอด คนขับแท๊กซี่หันมาขอค่าที่จอด 15,000 ดอง แล้วในรถมันก็มืดมากไฟไม่มี แล้วแบงค์เวียดนามเราก็ยัง งงๆ ผู้ชายเลยสาละวนหาแบงค์ในกระเป๋า คนขับแท๊กซี่คงรู้สึกไม่ทันใจมัน กระชากเงินทั้งปึกออกจากกระเป๋าผู้ชายแล้วหยิบเงินไปพอดีที่ต้องจ่าย เราสตั๊นท์ในมารยาทอันเลวทรามของมันพร้อมสบถเบาๆว่า ไอ้ here เอ้ย! ก่อนจะบอกผู้ชายว่า เดี๋ยวตอนลงรถเธอตรวจนับเงินที่เหลือนะว่าถูกต้องมั้ย ถ้าไม่ถูกต้องครบจำนวน ไอ จะ โชว์ มวย ไทย ซะหน่อย ขับปาดซ้ายปาดขวา บีบแตรประหนึ่ง ไม่ได้บีบแล้วจะเป็นหมัน ก็พาเรามาถึงจนได้ แถ่น แถ๊นนน!! พามงูเหลา หรือฟามงูเหลา แล้วแต่จะสะดวกเรียก มันคือถนน ข้าวสาร ย่านแห่งแบ๊คแพคเกอร์บ้านเราดีดีนี่เอง
เมื่อเข้ามาถึงโรงแรมที่พัก ไม่ขอแนะนำและไม่เอ่ยชื่อนะคะ เพราะว่าคุณภาพไม่ค่อยดี บริการก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง ใครอยากรู้ชื่อจริงๆค่อยหลังไมค์ ห้องพักเราอยุ่ชั้น 5 ต้องเดินขึ้นไปโดยบันได หอบแฮ่กตั้งแต่ชั้น 3 ละ ก็หวังใจว่าจะอาบน้ำนอนหลับไปเลยเพราะเหนื่อยมาก แต่ถึงห้องก็ต้องตะลึง ตึง ตึง ห้องเล็กมาก อยู่ระหว่างทางเดินแล้วมีกระจกบานเกล็ดติดกับทางเดิน โอเคไม่เป็นไรแค่คืนเดียว อย่างอื่นก็ดูสะอาดดี ห้องน้ำ อะไรอย่างนี้ จึงเปิดแอร์ ครึ่งชั่วโมงก็แล้ว ก็ยังไม่เย็น ร้อนมากก แล้วเหมือนว่าห้องอับมีฝุ่นเยอะ เพราะเราเริ่มหายใจไม่ออก จึงชวนกันออกไปเดินเล่นที่ถนนด้านหลัง เพราะนอนไม่ได้จริงๆ เมื่อไปถึงถนนเส้นนี้เป้นเส้นคู่ขนานแต่อยุ่ด้านหลังของ ถนน พาม งู เหลา เราจำชื่อไม่ได้ แต่มันเปรียบได้กับถนนข้าวสารบ้านเรานี่เอง และที่นี่ทำให้เราเห็นวัฒนธรรมการดื่มและลองเบียร์ไซง่อน ราคาขวดละ 10000 ดอง ( 15-17 บาท ) โอ้ สวรรค์!!