Let’s Start !! ทริปนี้เริ่มมาจาก เราอยากค้นหาใจตัวเองว่าความรักของเรามันจะเป็นไปได้หรือป่าว??? LDR มา 2 ปี จากเป็นแฟน มาเป็นเพื่อน แล้วยังไง ? ตัดไม่ขาด กั๊กๆ กันอยู่ได้ เอาวะ! ไปๆ จะได้รู้ หมู่หรือจ่า และด้วยความที่มี พี่ เพื่อน อยู่ที่เยอรมัน ด้วย (เราเคยเรียนภาษาเยอรมันที่เกอเธ่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว) เลยวางแผนว่ายังไงก็จะไป ถ้ารักล่ม ก็เที่ยวแมร่ง ! 5555
ประจวบเหมาะพอดีจ้า ได้ฤกษ์ลาออก เหอะๆๆ !@#$%^&* …. แต่ก็ขอบคุณบริษัทที่ทำให้เรามีเงินเก็บสนอง Need ตอนแรกกะไปเดือนเดียว พี่สาวเราบอกว่าจะเสียค่าเครื่องบินทั้งทีก็ไปเต็มโควต้าเลย!
เลยสรุปมาได้ 90 วัน ระหว่างวันที่ 9 ตุลา 57 - 8 มกรา 58 ค่ะ กับ 18 เมือง ใน 7 ประเทศ ^____^ ( Berlin – Hamburg – Dresden – Prague – Vienna – Herford – Cologne – Dusseldorf – Freiburg – Zurich – Milan – Verona – Venice – Pisa – Florence – Rome – Brussels – Moscow)
เราจะบอกรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่จำได้บ้างไม่ได้บ้างให้ด้วยนะคะ เผื่อเอาไว้เป็น Diary ของเราแล้วก็เป็นข้อมูลให้แก่คนที่สนใจนะคะ แต่เราจะเล่าปนๆ กันไปนะคะ เพราะว่าบางทริปเราก็ลุยเดี่ยว บางทริปก็มีเพื่อนสนับสนุนค่ะ ! XD จะแยกกระทู้เพิ่มเติมให้นะคะ (ถ้าเขียนเสร็จ 555)
คำถาม...ทำไมต้องช่วงนี้? พี่เราบอกว่าช่วง Autumn เข้า Winter อากาศ แย่สุดๆนะ ฝนตกตลอด ทำไมไม่มา Summer
คำตอบของเรา คือ ก็ช่วงนี้มันหน้า Low อะ เที่ยวถูก ผู้ชายเคยบอกว่าว่าง และก็อยากฉลองงานวันเกิด ที่งาน Carnival ที่เมือง Cologne , อยากฉลอง Christmas , ปีใหม่ และก็อยากเห็นหิมะ ครั้งแรกในชีวิตด้วยอะ !!!!
พอตัดสินใจดีแล้วก็ต้องมาเตรียมเรื่องวีซ่ากันใช่ไหมคะ ? ขอ Visa Schengen ขอยังไง? อย่าเพิ่งกลัวค่ะ ไม่ยากอย่างที่คิด !!!
การเดินทางครั้งนี้เราเลือกทำที่สถานฑูตเยอรมันค่ะ เป็นวีซ่าแบบเยี่ยมเยียน Max 90 วันค่ะ อันนี้เราขอเมื่อปี 57 นะคะ ยังไงก็เข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ต่อละกันนะคะ
http://www.bangkok.diplo.de/Vertretung/bangkok/th/08/Besuchsvisum.html
เอกสารของเราก็มี
1. Passport (ถ้าใครเคยได้ Schengen Visa มาก่อนก็เอาไปโชว์ด้วยนะคะ อย่าลืม!!)
2. รูปถ่ายแบบไบโอเมตริก 2 รูป เราแนะนำให้ไปถ่ายที่สถาตฑูตค่ะ ชัวร์สุดค่ะ 180 บาท ได้ 4 รูป ไม่งั้นจะต้องเสียตังค์ 2 รอบแบบเรา เหอะๆๆ คือบางสตูเขาคงไม่เคยถ่ายอะ !
3. แบบฟอร์มขอวีซ่า อันนี้เข้าไปกรอกก่อนเลยค่ะ แล้ว Print ไปเลย จะได้ไม่ต้องเสียตังค์ให้เขากรอกให้ ในเว็บมีตัวอย่างการกรอกค่ะ
4. ประกันการเดินทางของเราเลือกของ Travel Guard แผน D ค่ะ คือ เราเลือกแค่ให้มันครอบคลุมเพื่อไปขอวีซ่าได้อะ อยากเสียเงินน้อยที่สุดอะค่ะ ถ้าแผนอื่นสามารถซื้อ Online ได้ แต่ด้วยความงก เลยไปซื้อที่ Siam Discovery เสียไป 1,900 บาท ^^
ถ้า Visa ไม่ผ่านขอคืนเงินได้ ตามเงื่อนไขเขาค่ะ แต่ขอให้ผ่านเถอะ สาธุ!!
5. ใบเชิญที่ออกจากรัฐที่นู่น จากพี่สาวที่อยู่ที่เยอรมันค่ะ รู้สึกจะ 100 Euro (อันนี้พี่เราออกเงินให้ รอดตัวไป )
6. ใบจองตั๋วเครื่องบิน ใน Website ว่าไม่ต้อง แต่พอไปถามข้อมูลตอนแรก ขอเราอย่างแรกเลยค่ะ เราเลยใช้บริการ Agency ของอาแปะให้ออกใบจองตั๋วให้ เขาก็จะส่ง Email ใบจองมาให้ค่ะ แต่พอวันจริงเราจองเองค่ะ ถูกกว่าหน่อย !
7. บัญชีเงินฝาก ขอ Statement จากธนาคารได้เลยค่ะ ของเราธนาคารสีเขียว ไม่เกิน 3 วันค่ะ เสียไป 100 บาท
8. เอกสารยืนยันว่าจะกลับมาแน่นอน เราเป็นนักศึกษา เราก็เลยใช้
- ใบรับรองนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย
- จดหมายแนะนำตัว , ให้เพื่อนเขียนจดหมายเชิญให้ (2 อันนี้เขาไม่ได้ขอแต่เราจะให้ 555 คือแบบบางคนไม่ได้เป็นพนักงานเงินเดือน แต่มีรายได้ เราว่าเขียนไปก็ดีนะ ร่ายรายละเอียดไปว่า เงินเรามายังไง? เราจะกลับมาแน่นอน ! Search วิธีเขียนดูค่ะ แล้วมาแต่งเอา ) , พาสปอร์ตเพื่อน ค่ะ
- ทะเบียนบ้าน
9. ทุกอย่างเราสำเนาไปเผื่อด้วยค่ะ
ก่อนจะไปยื่นเราต้องทำการโทรไปจองคิวก่อนนะคะ เราสามารถบอกวันที่จะเข้าไปได้ค่ะ เขาจะบอกวัน,เวลา และก็รหัสมาค่ะ ก็ไปตามนัด พอถึงวันนัด ก็ยื่นรหัสให้เจ้าหน้าที่ด่านแรก แล้วก็ไปนั่งรอเรียกคิวค่ะ ต้องไปเองนะคะ ห้ามฝาก !
คำถามสัมภาษณ์ก็ประมาณว่า
- รู้จักกับผู้เชิญมานานเท่าไหร่แล้ว ? รู้จักกันได้อย่างไร ? เคยเจอกันมาก่อนไหม ?
- ผู้เชิญเคยมาเมืองไทยไหม ? ไปทำอะไร ? นานเท่าไหร่ ? ไปครั้งแรกหรือไม่ ?
- รู้ภาษาเยอรมันรึป่าว ?
คำถามก็เชิงนี้ค่ะ ก็ตอบตามความจริงไปค่ะ ถ้าเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะให้ใบนัดรับ (อันนี้ยังไม่รู้ผลนะคะ เราก็ไม่รู้เขาดูยังไง ) แล้วก็ไปจ่ายเงินค่ะ 60 ยูโร เป็นเงินไทย เจ้าหน้าที่คิด 2,700 บาทค่ะ อาจจะมารับเองก็ได้ หรือว่าจะให้ส่งไปรษณีย์ก็ได้ค่ะ เราเลือกมารับเอง ลุ้นดี ^^ และแล้วเราก็ได้มาแล้วค่ะ กรี๊ดดดดดดดดดด ยุโรปจ๋า รอพี่ด้วยยยย !
ลืมบอกค่ะ !!! เราแลกเงินติดตัวไปสำหรับทริปนี้ ได้มา 1,800 Euro ค่ะ เรทตอนนั้น 41.1 คูณแล้ว ก็ 74,000 บาทค่ะ ถามผู้ชายแล้วว่าเฉลี่ยเดือนๆนึงน่าจะใช้ประมาณเท่าไหร่ ? ผู้ชายว่าประมาณ 500 ก็น่าจะโอเค แบบไม่เที่ยวเยอะไรงี้นะคะ ไม่รู้เหมือนกัน ! เราเลยคิดว่าเอาวะ เผื่อซื้อของฝาก เผื่อฉุกเฉิน นู่นนี่นั่น เลยแลกไปเท่านี้ค่ะ ! สุดท้ายก็เหลือเกือบหมื่นนะคะ ! กลับมาต่อชีวิต 55555
และแล้ววันที่ 9 ตุลา ก็มาถึงค่ะ ตื่นเต้นเว่อร์ ไม่เคยไปไหนไกลขนาดนี้ คนเดียวมาก่อนอะ
เราเลือกเดินทางด้วยสายการบิน Aeroflot ค่ะ เพราะว่ามันถูกที่สุดและ ถ้าจะลง Berlin นะและก็โลภค่ะ อยากเที่ยว Moscow ด้วย
จ่ายไป 587 Euro ค่ะ พอถึงสนามบินสุวรรณภูมิก็มา Check – In ค่ะ สายการบินนี้ให้น้ำหนักกระเป๋าได้ 24 kg. แล้วก็ ให้ถือขึ้นได้ 10 กิโลค่ะ จริงๆของเราเกินมา 7-8 ขีดเลยแหละ แต่พี่เขาใจดีให้ผ่านไปได้ค่ะ
อันนี้เป็นรายละเอียดเที่ยวบินที่เราเลือกค่ะ ขากลับเราเลือกแบบ Transit ยาวๆค่ะ จริงๆมีรอแป๊บเดียวด้วยราคาเท่ากัน แต่อยากใช้สิทธิคนไทยค่ะ ! 555
เครื่องมารอแล้วค้าาา !
ที่นั่งของเรา โชคดีได้นั่งคนเดียวด้วย ขโมยผ้าห่มซะเลย 555
ของที่แจกค่ะ ไอหูฟังเนี่ยมาทีหลังนะคะ ไม่ต้องแปลกใจว่าจะดูหนังยังไง ! เราลืมเอาหูฟังไป กังวลแทบแย่ แถมหาที่เสียบหูฟังไม่ถูกอีก
จนมีผู้ใหญ่ใจดีมาช่วย ค่ะ มันอยู่ตรงที่พักมืออะค่ะ รูเสียบไม่เหมือนใคร !
หน้าจอเจ้าปัญหาค่ะ อยากสำรวจซะหมด ! มีทั้งหนัง Series เพลง เกมส์ สารคดี ดูแผนที่ว่าบินถึงไหนแล้ว
พอนั่งไปสักพัก สาวแอร์ก็จะมาเสิร์ฟน้ำค่ะ มีชา กาแฟ น้ำเปล่า น้ำส้ม น้ำมะเขือเทศ และก็น้ำอัดลมค่ะ จริงๆเขามีพวกไวน์นะ แต่เส้นทางกรุงเทพ-มอสโคว อดค่ะ ! และด้วยความที่เราตื่นเครื่อง จริงๆอยากกินโค้ก แต่เห็นไม่มีใครสั่ง สั่งน้ำเปล่าก็ได้วะ !!!!
สักพักก็จะมีอาหารมื้อแรกมาเสิร์ฟค่ะ เขาก็จะถาม หมู ไก่ ปลา ! จำไม่ได้อะเลือกอะไร ^^ ตามนี้อะค่ะ รู้แต่ว่าบราวนี่อร่อย !
ข้างในค่ะ ก็อร่อยดีนะคะ กินได้ !
กินอิ่มก็นอนค่ะ นอนแล้วก็เบื่อ จัด Bowling ไปสักเกมส์ สนุกดีค่ะ หัวเราะคนเดียวเหมือนคนบ้า 55555
และแล้วอาหารมื้อที่สองก็มาถึง กระบวนการก็เหมือนตอนแรกค่ะ คราวนี้เป็นอะไร มาดูกัน
พอบินมาได้ 10 ชั่วโมงก็มาถึง Moscow ลงที่สนามบิน Sheremetyevo ค่ะ อากาศหรอคะ 6 องศาค้าาา เหอะๆ มาจาก 30 ถึงกับสั่น
สิ่งที่ชอบที่สนามบินนี้ คือ อาหารตาแซ่บมากค่ะ ทั้งหญิง ทั้งชาย 5555 แอบถ่ายมาคนค่ะ (โรคจิตค่ะ ! ยอมรับ XD)
ต้องมาเปลี่ยนเครื่องที่ Terminal D ค่ะ ลงเครื่องที่ Terminal F ไกลมั้ย ก็เดินสักพักนะคะ มีป้ายบอกตลอด
และนี่ก็ Duty Free ค่ะ เดินผ่านเฉยๆ ไม่ได้เข้า 5555
และหลังจากที่รอต่อเครื่อง พร้อมเดินดูอาหารตา ได้ 4 ชั่วโมง ก็ได้ฤกษ์เดินทางต่อ สู่ Berlinค่ะ !
เครื่องรอบนี้จะเล็กกว่า แล้วก็นั่งเบียดกว่าค่ะ
4 ชั่วโมงผ่านไป และแล้ววววววว เราก็มาถึง Berlin แล้วค้าาาาา !! ลงที่สนามบิน Schonefeld ค่ะ ไชโยยยยย !!!!!
พอเดินเข้าไปในสนามบินแล้วก็ต้องผ่าน ตม. ค่ะ จริงๆใช้เวลาไม่นานนะคะ แป๊บเดียว ไฟท์ดึกด้วยมั้งคะ แต่……. เราจะมีปัญหากับ Passport ตลอดดดดด อุตส่าห์เลือกแถวสั้น ทำไมเป็นคนสุดท้ายทุกที หน้าไม่เหมือนค่ะ เขาว่า ต้องรวบผม เรายิ้มหวาน อยู่นาน ถึงจะได้ผ่านไปเอากระเป๋า !
ได้ Stamp มาแล้ว ฮิฮิ (กะมา Europe มาเก็บ Stamp ไปหลายประเทศ ได้แค่อันเดียว เซงง!! )
ของเราพี่สาวเราแล้วก็ผู้ชายเจ้าปัญหามารับ แต่สำหรับคนไหนที่ต้องเข้าเมืองด้วยตัวเอง ไม่ยากค่ะ มีป้ายบอกว่า ไปรถไฟใต้ดิน หรือที่นั่นเรียกว่า U-bahn
ค่ะ หรือจะนั่ง Regional Bahn
ก็ได้ค่ะ ราคาตั๋วถ้าจะเข้าไปในตัวเมืองพวกสถานที่ท่องเที่ยวเลย ต้องเลือกตั๋วแบบ ABC นะคะ แล้วก็เลือกแบบ Einzelfahrausweis (one way trip) ค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะยากค่ะ ตู้ซื้อตั๋วมีภาษาอังกฤษค่ะ ราคาตั๋วก็ 3.2 Euro (แต่เหมือนปี 15 ราคาจะขึ้นแล้วค่ะ) รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ตั๋วสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่
www.bvg.de ใส่เส้นทางได้เลยค่ะว่าจะไปที่ไหน เดี๋ยวมันขึ้นให้ทั้งเวลา ราคาตั๋วเลยค่ะ ลองดูนะคะ
เอาหล่ะค่ะ พอเราได้ขึ้นรถมาแล้ว เราก็นั่งข้างผู้ชายเจ้าปัญหาค่ะ ก็ดูเหมือนจะปกตินะ ตอนแรกนึกว่าพอเจอหน้ากัน จะกระโดดกอดเหมือนในหนังงี้ เหอะๆ แค่กอด Say Hello จบ !
บอกเลยความรู้สึกเราเหมือนเดิมทุกอย่างแต่ก็ทำใจมาบ้างแล้วค่ะ แต่เคยเป็นปะ ทำไมมันได้ความรู้สึกแปลกๆ กลับมาวะ แต่ไม่คิดไรไง ! ยัง ยัง ไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง 55555
อ่านต่อได้ที่ Comment 16 นะคะ
เดิมพันความรัก จะเดินต่อ หรือจะหยุด ณ ยุโรป 3 เดือน ด้วยเงินเก็บ 1 แสนบาท ! : Visa & Aeroflot
ประจวบเหมาะพอดีจ้า ได้ฤกษ์ลาออก เหอะๆๆ !@#$%^&* …. แต่ก็ขอบคุณบริษัทที่ทำให้เรามีเงินเก็บสนอง Need ตอนแรกกะไปเดือนเดียว พี่สาวเราบอกว่าจะเสียค่าเครื่องบินทั้งทีก็ไปเต็มโควต้าเลย!
เลยสรุปมาได้ 90 วัน ระหว่างวันที่ 9 ตุลา 57 - 8 มกรา 58 ค่ะ กับ 18 เมือง ใน 7 ประเทศ ^____^ ( Berlin – Hamburg – Dresden – Prague – Vienna – Herford – Cologne – Dusseldorf – Freiburg – Zurich – Milan – Verona – Venice – Pisa – Florence – Rome – Brussels – Moscow)
เราจะบอกรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่จำได้บ้างไม่ได้บ้างให้ด้วยนะคะ เผื่อเอาไว้เป็น Diary ของเราแล้วก็เป็นข้อมูลให้แก่คนที่สนใจนะคะ แต่เราจะเล่าปนๆ กันไปนะคะ เพราะว่าบางทริปเราก็ลุยเดี่ยว บางทริปก็มีเพื่อนสนับสนุนค่ะ ! XD จะแยกกระทู้เพิ่มเติมให้นะคะ (ถ้าเขียนเสร็จ 555)
คำถาม...ทำไมต้องช่วงนี้? พี่เราบอกว่าช่วง Autumn เข้า Winter อากาศ แย่สุดๆนะ ฝนตกตลอด ทำไมไม่มา Summer
คำตอบของเรา คือ ก็ช่วงนี้มันหน้า Low อะ เที่ยวถูก ผู้ชายเคยบอกว่าว่าง และก็อยากฉลองงานวันเกิด ที่งาน Carnival ที่เมือง Cologne , อยากฉลอง Christmas , ปีใหม่ และก็อยากเห็นหิมะ ครั้งแรกในชีวิตด้วยอะ !!!!
พอตัดสินใจดีแล้วก็ต้องมาเตรียมเรื่องวีซ่ากันใช่ไหมคะ ? ขอ Visa Schengen ขอยังไง? อย่าเพิ่งกลัวค่ะ ไม่ยากอย่างที่คิด !!!
การเดินทางครั้งนี้เราเลือกทำที่สถานฑูตเยอรมันค่ะ เป็นวีซ่าแบบเยี่ยมเยียน Max 90 วันค่ะ อันนี้เราขอเมื่อปี 57 นะคะ ยังไงก็เข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ต่อละกันนะคะ http://www.bangkok.diplo.de/Vertretung/bangkok/th/08/Besuchsvisum.html
เอกสารของเราก็มี
1. Passport (ถ้าใครเคยได้ Schengen Visa มาก่อนก็เอาไปโชว์ด้วยนะคะ อย่าลืม!!)
2. รูปถ่ายแบบไบโอเมตริก 2 รูป เราแนะนำให้ไปถ่ายที่สถาตฑูตค่ะ ชัวร์สุดค่ะ 180 บาท ได้ 4 รูป ไม่งั้นจะต้องเสียตังค์ 2 รอบแบบเรา เหอะๆๆ คือบางสตูเขาคงไม่เคยถ่ายอะ !
3. แบบฟอร์มขอวีซ่า อันนี้เข้าไปกรอกก่อนเลยค่ะ แล้ว Print ไปเลย จะได้ไม่ต้องเสียตังค์ให้เขากรอกให้ ในเว็บมีตัวอย่างการกรอกค่ะ
4. ประกันการเดินทางของเราเลือกของ Travel Guard แผน D ค่ะ คือ เราเลือกแค่ให้มันครอบคลุมเพื่อไปขอวีซ่าได้อะ อยากเสียเงินน้อยที่สุดอะค่ะ ถ้าแผนอื่นสามารถซื้อ Online ได้ แต่ด้วยความงก เลยไปซื้อที่ Siam Discovery เสียไป 1,900 บาท ^^
ถ้า Visa ไม่ผ่านขอคืนเงินได้ ตามเงื่อนไขเขาค่ะ แต่ขอให้ผ่านเถอะ สาธุ!!
5. ใบเชิญที่ออกจากรัฐที่นู่น จากพี่สาวที่อยู่ที่เยอรมันค่ะ รู้สึกจะ 100 Euro (อันนี้พี่เราออกเงินให้ รอดตัวไป )
6. ใบจองตั๋วเครื่องบิน ใน Website ว่าไม่ต้อง แต่พอไปถามข้อมูลตอนแรก ขอเราอย่างแรกเลยค่ะ เราเลยใช้บริการ Agency ของอาแปะให้ออกใบจองตั๋วให้ เขาก็จะส่ง Email ใบจองมาให้ค่ะ แต่พอวันจริงเราจองเองค่ะ ถูกกว่าหน่อย !
7. บัญชีเงินฝาก ขอ Statement จากธนาคารได้เลยค่ะ ของเราธนาคารสีเขียว ไม่เกิน 3 วันค่ะ เสียไป 100 บาท
8. เอกสารยืนยันว่าจะกลับมาแน่นอน เราเป็นนักศึกษา เราก็เลยใช้
- ใบรับรองนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย
- จดหมายแนะนำตัว , ให้เพื่อนเขียนจดหมายเชิญให้ (2 อันนี้เขาไม่ได้ขอแต่เราจะให้ 555 คือแบบบางคนไม่ได้เป็นพนักงานเงินเดือน แต่มีรายได้ เราว่าเขียนไปก็ดีนะ ร่ายรายละเอียดไปว่า เงินเรามายังไง? เราจะกลับมาแน่นอน ! Search วิธีเขียนดูค่ะ แล้วมาแต่งเอา ) , พาสปอร์ตเพื่อน ค่ะ
- ทะเบียนบ้าน
9. ทุกอย่างเราสำเนาไปเผื่อด้วยค่ะ
ก่อนจะไปยื่นเราต้องทำการโทรไปจองคิวก่อนนะคะ เราสามารถบอกวันที่จะเข้าไปได้ค่ะ เขาจะบอกวัน,เวลา และก็รหัสมาค่ะ ก็ไปตามนัด พอถึงวันนัด ก็ยื่นรหัสให้เจ้าหน้าที่ด่านแรก แล้วก็ไปนั่งรอเรียกคิวค่ะ ต้องไปเองนะคะ ห้ามฝาก !
คำถามสัมภาษณ์ก็ประมาณว่า
- รู้จักกับผู้เชิญมานานเท่าไหร่แล้ว ? รู้จักกันได้อย่างไร ? เคยเจอกันมาก่อนไหม ?
- ผู้เชิญเคยมาเมืองไทยไหม ? ไปทำอะไร ? นานเท่าไหร่ ? ไปครั้งแรกหรือไม่ ?
- รู้ภาษาเยอรมันรึป่าว ?
คำถามก็เชิงนี้ค่ะ ก็ตอบตามความจริงไปค่ะ ถ้าเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะให้ใบนัดรับ (อันนี้ยังไม่รู้ผลนะคะ เราก็ไม่รู้เขาดูยังไง ) แล้วก็ไปจ่ายเงินค่ะ 60 ยูโร เป็นเงินไทย เจ้าหน้าที่คิด 2,700 บาทค่ะ อาจจะมารับเองก็ได้ หรือว่าจะให้ส่งไปรษณีย์ก็ได้ค่ะ เราเลือกมารับเอง ลุ้นดี ^^ และแล้วเราก็ได้มาแล้วค่ะ กรี๊ดดดดดดดดดด ยุโรปจ๋า รอพี่ด้วยยยย !
ลืมบอกค่ะ !!! เราแลกเงินติดตัวไปสำหรับทริปนี้ ได้มา 1,800 Euro ค่ะ เรทตอนนั้น 41.1 คูณแล้ว ก็ 74,000 บาทค่ะ ถามผู้ชายแล้วว่าเฉลี่ยเดือนๆนึงน่าจะใช้ประมาณเท่าไหร่ ? ผู้ชายว่าประมาณ 500 ก็น่าจะโอเค แบบไม่เที่ยวเยอะไรงี้นะคะ ไม่รู้เหมือนกัน ! เราเลยคิดว่าเอาวะ เผื่อซื้อของฝาก เผื่อฉุกเฉิน นู่นนี่นั่น เลยแลกไปเท่านี้ค่ะ ! สุดท้ายก็เหลือเกือบหมื่นนะคะ ! กลับมาต่อชีวิต 55555
และแล้ววันที่ 9 ตุลา ก็มาถึงค่ะ ตื่นเต้นเว่อร์ ไม่เคยไปไหนไกลขนาดนี้ คนเดียวมาก่อนอะ เราเลือกเดินทางด้วยสายการบิน Aeroflot ค่ะ เพราะว่ามันถูกที่สุดและ ถ้าจะลง Berlin นะและก็โลภค่ะ อยากเที่ยว Moscow ด้วย จ่ายไป 587 Euro ค่ะ พอถึงสนามบินสุวรรณภูมิก็มา Check – In ค่ะ สายการบินนี้ให้น้ำหนักกระเป๋าได้ 24 kg. แล้วก็ ให้ถือขึ้นได้ 10 กิโลค่ะ จริงๆของเราเกินมา 7-8 ขีดเลยแหละ แต่พี่เขาใจดีให้ผ่านไปได้ค่ะ
อันนี้เป็นรายละเอียดเที่ยวบินที่เราเลือกค่ะ ขากลับเราเลือกแบบ Transit ยาวๆค่ะ จริงๆมีรอแป๊บเดียวด้วยราคาเท่ากัน แต่อยากใช้สิทธิคนไทยค่ะ ! 555
เครื่องมารอแล้วค้าาา !
ที่นั่งของเรา โชคดีได้นั่งคนเดียวด้วย ขโมยผ้าห่มซะเลย 555
ของที่แจกค่ะ ไอหูฟังเนี่ยมาทีหลังนะคะ ไม่ต้องแปลกใจว่าจะดูหนังยังไง ! เราลืมเอาหูฟังไป กังวลแทบแย่ แถมหาที่เสียบหูฟังไม่ถูกอีก จนมีผู้ใหญ่ใจดีมาช่วย ค่ะ มันอยู่ตรงที่พักมืออะค่ะ รูเสียบไม่เหมือนใคร !
หน้าจอเจ้าปัญหาค่ะ อยากสำรวจซะหมด ! มีทั้งหนัง Series เพลง เกมส์ สารคดี ดูแผนที่ว่าบินถึงไหนแล้ว
พอนั่งไปสักพัก สาวแอร์ก็จะมาเสิร์ฟน้ำค่ะ มีชา กาแฟ น้ำเปล่า น้ำส้ม น้ำมะเขือเทศ และก็น้ำอัดลมค่ะ จริงๆเขามีพวกไวน์นะ แต่เส้นทางกรุงเทพ-มอสโคว อดค่ะ ! และด้วยความที่เราตื่นเครื่อง จริงๆอยากกินโค้ก แต่เห็นไม่มีใครสั่ง สั่งน้ำเปล่าก็ได้วะ !!!!
สักพักก็จะมีอาหารมื้อแรกมาเสิร์ฟค่ะ เขาก็จะถาม หมู ไก่ ปลา ! จำไม่ได้อะเลือกอะไร ^^ ตามนี้อะค่ะ รู้แต่ว่าบราวนี่อร่อย !
ข้างในค่ะ ก็อร่อยดีนะคะ กินได้ !
กินอิ่มก็นอนค่ะ นอนแล้วก็เบื่อ จัด Bowling ไปสักเกมส์ สนุกดีค่ะ หัวเราะคนเดียวเหมือนคนบ้า 55555
และแล้วอาหารมื้อที่สองก็มาถึง กระบวนการก็เหมือนตอนแรกค่ะ คราวนี้เป็นอะไร มาดูกัน
พอบินมาได้ 10 ชั่วโมงก็มาถึง Moscow ลงที่สนามบิน Sheremetyevo ค่ะ อากาศหรอคะ 6 องศาค้าาา เหอะๆ มาจาก 30 ถึงกับสั่น
สิ่งที่ชอบที่สนามบินนี้ คือ อาหารตาแซ่บมากค่ะ ทั้งหญิง ทั้งชาย 5555 แอบถ่ายมาคนค่ะ (โรคจิตค่ะ ! ยอมรับ XD)
ต้องมาเปลี่ยนเครื่องที่ Terminal D ค่ะ ลงเครื่องที่ Terminal F ไกลมั้ย ก็เดินสักพักนะคะ มีป้ายบอกตลอด และนี่ก็ Duty Free ค่ะ เดินผ่านเฉยๆ ไม่ได้เข้า 5555
และหลังจากที่รอต่อเครื่อง พร้อมเดินดูอาหารตา ได้ 4 ชั่วโมง ก็ได้ฤกษ์เดินทางต่อ สู่ Berlinค่ะ !
เครื่องรอบนี้จะเล็กกว่า แล้วก็นั่งเบียดกว่าค่ะ
4 ชั่วโมงผ่านไป และแล้ววววววว เราก็มาถึง Berlin แล้วค้าาาาา !! ลงที่สนามบิน Schonefeld ค่ะ ไชโยยยยย !!!!!
พอเดินเข้าไปในสนามบินแล้วก็ต้องผ่าน ตม. ค่ะ จริงๆใช้เวลาไม่นานนะคะ แป๊บเดียว ไฟท์ดึกด้วยมั้งคะ แต่……. เราจะมีปัญหากับ Passport ตลอดดดดด อุตส่าห์เลือกแถวสั้น ทำไมเป็นคนสุดท้ายทุกที หน้าไม่เหมือนค่ะ เขาว่า ต้องรวบผม เรายิ้มหวาน อยู่นาน ถึงจะได้ผ่านไปเอากระเป๋า !
ได้ Stamp มาแล้ว ฮิฮิ (กะมา Europe มาเก็บ Stamp ไปหลายประเทศ ได้แค่อันเดียว เซงง!! )
ของเราพี่สาวเราแล้วก็ผู้ชายเจ้าปัญหามารับ แต่สำหรับคนไหนที่ต้องเข้าเมืองด้วยตัวเอง ไม่ยากค่ะ มีป้ายบอกว่า ไปรถไฟใต้ดิน หรือที่นั่นเรียกว่า U-bahn ค่ะ หรือจะนั่ง Regional Bahn ก็ได้ค่ะ ราคาตั๋วถ้าจะเข้าไปในตัวเมืองพวกสถานที่ท่องเที่ยวเลย ต้องเลือกตั๋วแบบ ABC นะคะ แล้วก็เลือกแบบ Einzelfahrausweis (one way trip) ค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะยากค่ะ ตู้ซื้อตั๋วมีภาษาอังกฤษค่ะ ราคาตั๋วก็ 3.2 Euro (แต่เหมือนปี 15 ราคาจะขึ้นแล้วค่ะ) รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ตั๋วสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ www.bvg.de ใส่เส้นทางได้เลยค่ะว่าจะไปที่ไหน เดี๋ยวมันขึ้นให้ทั้งเวลา ราคาตั๋วเลยค่ะ ลองดูนะคะ
เอาหล่ะค่ะ พอเราได้ขึ้นรถมาแล้ว เราก็นั่งข้างผู้ชายเจ้าปัญหาค่ะ ก็ดูเหมือนจะปกตินะ ตอนแรกนึกว่าพอเจอหน้ากัน จะกระโดดกอดเหมือนในหนังงี้ เหอะๆ แค่กอด Say Hello จบ ! บอกเลยความรู้สึกเราเหมือนเดิมทุกอย่างแต่ก็ทำใจมาบ้างแล้วค่ะ แต่เคยเป็นปะ ทำไมมันได้ความรู้สึกแปลกๆ กลับมาวะ แต่ไม่คิดไรไง ! ยัง ยัง ไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง 55555
อ่านต่อได้ที่ Comment 16 นะคะ