- ปกติเราอ่านอย่างเดียว เราพยายามศึกษาการตั้งกระทู้รีวิวเเล้วถ้ากระทู้นี้ผิดกฎยังไง เพื่อนๆแจ้งลบได้เลยนะค่ะ แค่อยากจะเเชร์ให้ผู้ชายได้อ่านกัน
- เราขอใช้ SR นะค่ะเพราะคนที่ซื้อให้เป็นแฟน
- แฟนเราทำงานเป็นวิศวะกรคอมพิวเตอร์ จริงๆเค้าเป็นผู้ชายที่นิสัยดีมากๆคนหนึ่งเท่าที่เรารู้จักมาเลย เรียนเก่ง มีงานดีๆทำ ขยันทำงาน เก็บเงิน เเล้วก็ดีกับเพื่อนฝูงทุกคน(โดยเฉพาะที่เตะบอลด้วย ชนิดลืมแฟนกันไปเลย) แล้วก็ยังเป็นหัวหน้าที่ดีกับลูกน้อง แต่ถ้ากับเราเเล้วเค้าค่อนข้างจะนิ่งมากเลย ไม่เคยหึง ไม่ค่อยรุกเลยเป็นคนทีเเสดงออกด้วยคำพูดน้อยมาก จะมีก็แค่เคยส่งดอกไม้มาให้ทีเดียว ซื้อของขวัญวันเกิดให้บ้าง แต่ในการ์ดกลับไม่มีคำว่ารักสักคำ พอนานๆบางครั้ง เราก็เเอบสงสัยว่าที่เราคบกันคุยกันอยู่เนี่ย เป็นแบบพี่ชายน้องสาวหรือจะเป็นแฟนกันเเน่ เพราะเค้าก็ไม่เคยขอเราเป็นแฟนอย่างเป็นทางการ ก่อนหน้านี้เวลาที่เราถามเรื่องนี้ เค้าก็จะชอบเลี่ยงคำตอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่ เอามือมาลูบหัวเราเเล้วก็ยิ้ม บางทีก็หัวเราะเสียงดังแล้วก็บอกว่าเรายังเด็กอยู่ คือมันก็น่ารักดีอยู่หรอกเเต่เราอยากจะบอกว่าบ่อยๆมันก็น่าหงุดหงิดนะ พี่ๆที่ออฟฟิตก็บอกว่าพวกวิศวะก็เป็นแบบนี้ทุกคน ไม่พวกบอกรักพร่ำเพื่อ ก็พวกปากเเข็งจนเเทบจะต้องง้างปาก
เมื่อตอนปีใหม่เค้าก็มารับเราไปเคาท์ดาวน์ ที่เซ็นทรัลศาลายามีคนเยอะพอสมควรเลย ส่วนใหญก็วัยรุ่นทั้งนั้น พอถึงช่วงฉลองเที่ยงคืนข้ามปี คู่คนอื่นเค้าก็มีกอดกันบ้าง ส่วนคู่เราก็จับมือกันตลอดนะเเต่ถ้าเราจำไม่ผิดคุณชายก็นิ่งจ้า น่าจะเเค่หันมายิ้มให้แล้วก็มองสาวๆบนเวทีต่อไป ขากลับเค้าขับรถมาส่งเราที่บ้านตอนก่อนเราลงจากรถ เค้าก็หยิบกล่องขึ้นมา เเล้วก็เปิดหยิบสร้อยมาใส่ให้เรา แล้วก็บอกเซอร์ไพรส์สวัสดีปีใหม่ เราก็น่าจะเเค่บอกดีใจกับขอบคุณ แล้วก็ลาเค้าเข้าบ้าน เเต่ยังไม่ได้ดูสร้อยเท่าไรเพราะเเสงส้มในรถมันไม่ค่อยชัด พอกลับขึ้นบ้านเราก็ถอดสร้อยออกมาแต่เรายังไม่ได้ดูอะไรมาก เพราะเค้าเคยซื้อสร้อยให้ 2 ครั้งเเล้วก็เลยเก็บใส่กล่องไว้ก่อน เพราะดูผ่านๆคิดว่ามันเป็นสร้อยPink goldธรรมดาทั่วไปเหมือนอันเก่า เราอาบน้ำเเล้วก็นอนเลย ตอนเช้าเราก็ไปต่างจังหวัดกับที่บ้าน กว่าจะได้กลับมาบ้านก็อีกเกือบอาทิตย์ ส่วนตัวเราเป็นคนไม่ใส่เครื่องประดับไปออฟฟิตอยู่เเล้วมันก็เลยยังวางเฉยๆอยู่บนโต๊ะหนังสือ ระหว่างอาทิตร์ก็มี โทรคุยกับแฟนบ้าง เจอกันตอนเค้ามารับกลับบ้างแต่คุณชายก็ไม่ยอมบอกอะไรสักอย่าง จนวันพรุ่งนี้วันเสาร์เรานัดกินข้าวกันที่ the circle ก็เลยนึกหยิบกล่องสร้อยมาเตรียมไว้ใส่ไปโชว์ให้เค้าดูว่าเราใส่นะ พอเราหยิบออกมาดูปรากฎว่าสร้อยอันนี้จี้มันไม่เหมือนที่เค้าเคยให้มันเรียบเเล้วก็ไม่มีชื่อหรืออะไรเลย แต่กลับมีลายเเกะสลักเหมือนคิวอาร์โค้ทแทนแต่ไม่เหลี่ยมเหมือนที่เราเคยเห็นทั่วไป พอเราดูในกล่องเจอการ์ดเขียนเป็นภาษาอังกฤษประมาณว่าให้เปิดเท่านั้นเเหละ เราก็คิดในใจทันทีเลยว่ามันต้องมีอะไรซ่อนอยู่เเน่ เรารีบคว้าโทรศัพท์เปิดLine แล้วสแกนเลย แล้วก็ตามนั้นปรากฎว่ามันก็มีอะไรจริงๆ มีวีดีโอเล่นขึ้นมาที่มือถือ เป็นรูปที่ที่เราเคยไปเที่ยวด้วยกัน ร้านที่เราเคยไปด้วยกัน งานที่เราเคยทำร่วมกัน เเล้วตอนจบเป็นคลิปที่เค้าอัดตัวเองพูดกับเราพูดประโยคที่เราสงสัยเเละรอฟังมาตั้งนาน พอดูจบเราทำอะไรไม่ถูกเลยเรานั่งนิ่งอยู่คนเดียวในห้องหลายนาทีเลย เรายังไม่ร้องนะแต่เเค่ทึ่ง พอได้สติเรารีบโทรไปหาเค้าเพื่อขอบคุณ เราคุยกันเค้าบอกตอนเเรกจะให้เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์แต่ไม่อยากรอ สักพักเราก็ว่าเค้าว่าทำไมไม่บอกให้เปิดดูตั้งเเต่เเรก เเต่จริงๆเรานี่รู้สึกผิดเลยอ่ะรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใส่ใจของขวัญที่เค้าให้มาปล่อยมาเป็นครึ่งค่อนเดือนกว่าจะรู้ พอเค้าถามกลับมาว่า เราได้ยินเสียงที่อยู่ข้างในรึยัง เเล้วเค้าก็พูดเเบบเดียวกับที่ที่พูดอยู่ในสร้อย แค่นี้เเหละน้ำตามาจากไหนไม่รู้เราร้องไห้เลย สำหรับเราสร้อยเส้นนี้อาจไม่มีราคาอะไรมากมาย แต่เราจะเก็บกันจนวันตายแน่นอน
- อยากจะบอกผู้ชายว่าที่จริงถึงแม้พูดหรือไม่พูด ผู้หญิงก็พอจะดูออกคะว่ารักไม่รัก เเต่การที่รู้อยู่เเล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะไม่อยากได้ยินจากปากหรอกนะ ความสงสัยเเม้เล็กน้อยเเต่มันก็ทรมารและที่สำคัญสำหรับผู้หญิงของแบบนี้มันเพิ่มพูนได้ ใกล้วาเลนไทน์แล้ว ใครยังไม่เคยบอกก็บอกเถอะคะ ใครบอกเเล้วก็บอกอีกได้ จะทางตรงทางอ้อมทางไหนก็บอกไปเถอะเราเชื่อว่ามีอีกหลายๆคนรอฟังคำนี้อยู่เหมือนกันเเน่นอน
รูปนี้ถ่ายจากกล้องมือถือนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รูปนี้ถ่ายจากกล้องมือถือนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รูปนี้เรายืมมาจาก web นะคะ เพราะถ้าใส่ภาพของเราใกล้ๆ
มันแอบสแกนจากรูปได้อ่ะ ถ้าร้านเห็นไม่สมควรบอกให้เราเอาออกได้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[SR] [SR] สร้อยคอของขวัญปีใหม่ จากคุณแฟนวิศวะ
- เราขอใช้ SR นะค่ะเพราะคนที่ซื้อให้เป็นแฟน
- แฟนเราทำงานเป็นวิศวะกรคอมพิวเตอร์ จริงๆเค้าเป็นผู้ชายที่นิสัยดีมากๆคนหนึ่งเท่าที่เรารู้จักมาเลย เรียนเก่ง มีงานดีๆทำ ขยันทำงาน เก็บเงิน เเล้วก็ดีกับเพื่อนฝูงทุกคน(โดยเฉพาะที่เตะบอลด้วย ชนิดลืมแฟนกันไปเลย) แล้วก็ยังเป็นหัวหน้าที่ดีกับลูกน้อง แต่ถ้ากับเราเเล้วเค้าค่อนข้างจะนิ่งมากเลย ไม่เคยหึง ไม่ค่อยรุกเลยเป็นคนทีเเสดงออกด้วยคำพูดน้อยมาก จะมีก็แค่เคยส่งดอกไม้มาให้ทีเดียว ซื้อของขวัญวันเกิดให้บ้าง แต่ในการ์ดกลับไม่มีคำว่ารักสักคำ พอนานๆบางครั้ง เราก็เเอบสงสัยว่าที่เราคบกันคุยกันอยู่เนี่ย เป็นแบบพี่ชายน้องสาวหรือจะเป็นแฟนกันเเน่ เพราะเค้าก็ไม่เคยขอเราเป็นแฟนอย่างเป็นทางการ ก่อนหน้านี้เวลาที่เราถามเรื่องนี้ เค้าก็จะชอบเลี่ยงคำตอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่ เอามือมาลูบหัวเราเเล้วก็ยิ้ม บางทีก็หัวเราะเสียงดังแล้วก็บอกว่าเรายังเด็กอยู่ คือมันก็น่ารักดีอยู่หรอกเเต่เราอยากจะบอกว่าบ่อยๆมันก็น่าหงุดหงิดนะ พี่ๆที่ออฟฟิตก็บอกว่าพวกวิศวะก็เป็นแบบนี้ทุกคน ไม่พวกบอกรักพร่ำเพื่อ ก็พวกปากเเข็งจนเเทบจะต้องง้างปาก
เมื่อตอนปีใหม่เค้าก็มารับเราไปเคาท์ดาวน์ ที่เซ็นทรัลศาลายามีคนเยอะพอสมควรเลย ส่วนใหญก็วัยรุ่นทั้งนั้น พอถึงช่วงฉลองเที่ยงคืนข้ามปี คู่คนอื่นเค้าก็มีกอดกันบ้าง ส่วนคู่เราก็จับมือกันตลอดนะเเต่ถ้าเราจำไม่ผิดคุณชายก็นิ่งจ้า น่าจะเเค่หันมายิ้มให้แล้วก็มองสาวๆบนเวทีต่อไป ขากลับเค้าขับรถมาส่งเราที่บ้านตอนก่อนเราลงจากรถ เค้าก็หยิบกล่องขึ้นมา เเล้วก็เปิดหยิบสร้อยมาใส่ให้เรา แล้วก็บอกเซอร์ไพรส์สวัสดีปีใหม่ เราก็น่าจะเเค่บอกดีใจกับขอบคุณ แล้วก็ลาเค้าเข้าบ้าน เเต่ยังไม่ได้ดูสร้อยเท่าไรเพราะเเสงส้มในรถมันไม่ค่อยชัด พอกลับขึ้นบ้านเราก็ถอดสร้อยออกมาแต่เรายังไม่ได้ดูอะไรมาก เพราะเค้าเคยซื้อสร้อยให้ 2 ครั้งเเล้วก็เลยเก็บใส่กล่องไว้ก่อน เพราะดูผ่านๆคิดว่ามันเป็นสร้อยPink goldธรรมดาทั่วไปเหมือนอันเก่า เราอาบน้ำเเล้วก็นอนเลย ตอนเช้าเราก็ไปต่างจังหวัดกับที่บ้าน กว่าจะได้กลับมาบ้านก็อีกเกือบอาทิตย์ ส่วนตัวเราเป็นคนไม่ใส่เครื่องประดับไปออฟฟิตอยู่เเล้วมันก็เลยยังวางเฉยๆอยู่บนโต๊ะหนังสือ ระหว่างอาทิตร์ก็มี โทรคุยกับแฟนบ้าง เจอกันตอนเค้ามารับกลับบ้างแต่คุณชายก็ไม่ยอมบอกอะไรสักอย่าง จนวันพรุ่งนี้วันเสาร์เรานัดกินข้าวกันที่ the circle ก็เลยนึกหยิบกล่องสร้อยมาเตรียมไว้ใส่ไปโชว์ให้เค้าดูว่าเราใส่นะ พอเราหยิบออกมาดูปรากฎว่าสร้อยอันนี้จี้มันไม่เหมือนที่เค้าเคยให้มันเรียบเเล้วก็ไม่มีชื่อหรืออะไรเลย แต่กลับมีลายเเกะสลักเหมือนคิวอาร์โค้ทแทนแต่ไม่เหลี่ยมเหมือนที่เราเคยเห็นทั่วไป พอเราดูในกล่องเจอการ์ดเขียนเป็นภาษาอังกฤษประมาณว่าให้เปิดเท่านั้นเเหละ เราก็คิดในใจทันทีเลยว่ามันต้องมีอะไรซ่อนอยู่เเน่ เรารีบคว้าโทรศัพท์เปิดLine แล้วสแกนเลย แล้วก็ตามนั้นปรากฎว่ามันก็มีอะไรจริงๆ มีวีดีโอเล่นขึ้นมาที่มือถือ เป็นรูปที่ที่เราเคยไปเที่ยวด้วยกัน ร้านที่เราเคยไปด้วยกัน งานที่เราเคยทำร่วมกัน เเล้วตอนจบเป็นคลิปที่เค้าอัดตัวเองพูดกับเราพูดประโยคที่เราสงสัยเเละรอฟังมาตั้งนาน พอดูจบเราทำอะไรไม่ถูกเลยเรานั่งนิ่งอยู่คนเดียวในห้องหลายนาทีเลย เรายังไม่ร้องนะแต่เเค่ทึ่ง พอได้สติเรารีบโทรไปหาเค้าเพื่อขอบคุณ เราคุยกันเค้าบอกตอนเเรกจะให้เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์แต่ไม่อยากรอ สักพักเราก็ว่าเค้าว่าทำไมไม่บอกให้เปิดดูตั้งเเต่เเรก เเต่จริงๆเรานี่รู้สึกผิดเลยอ่ะรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใส่ใจของขวัญที่เค้าให้มาปล่อยมาเป็นครึ่งค่อนเดือนกว่าจะรู้ พอเค้าถามกลับมาว่า เราได้ยินเสียงที่อยู่ข้างในรึยัง เเล้วเค้าก็พูดเเบบเดียวกับที่ที่พูดอยู่ในสร้อย แค่นี้เเหละน้ำตามาจากไหนไม่รู้เราร้องไห้เลย สำหรับเราสร้อยเส้นนี้อาจไม่มีราคาอะไรมากมาย แต่เราจะเก็บกันจนวันตายแน่นอน
- อยากจะบอกผู้ชายว่าที่จริงถึงแม้พูดหรือไม่พูด ผู้หญิงก็พอจะดูออกคะว่ารักไม่รัก เเต่การที่รู้อยู่เเล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะไม่อยากได้ยินจากปากหรอกนะ ความสงสัยเเม้เล็กน้อยเเต่มันก็ทรมารและที่สำคัญสำหรับผู้หญิงของแบบนี้มันเพิ่มพูนได้ ใกล้วาเลนไทน์แล้ว ใครยังไม่เคยบอกก็บอกเถอะคะ ใครบอกเเล้วก็บอกอีกได้ จะทางตรงทางอ้อมทางไหนก็บอกไปเถอะเราเชื่อว่ามีอีกหลายๆคนรอฟังคำนี้อยู่เหมือนกันเเน่นอน
รูปนี้ถ่ายจากกล้องมือถือนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รูปนี้ถ่ายจากกล้องมือถือนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รูปนี้เรายืมมาจาก web นะคะ เพราะถ้าใส่ภาพของเราใกล้ๆ
มันแอบสแกนจากรูปได้อ่ะ ถ้าร้านเห็นไม่สมควรบอกให้เราเอาออกได้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้