บินตรงสายนี้ คนรัสเซียชอบมากๆ แล้วมันเจ๊งได้ไง ถึงต้องยกเลิก
แถมเงินรูเบิล ราคาร่วงมาก สบายคนไทยเลยที่จะไปเที่ยวรัสเซีย
"คำแนะนำหนึ่งซึ่งที่ปรึกษาได้เสนอคือให้การบินไทยขายอาคารสำนักงานใหญ่ บนถนนวิภาวดีรังสิตทั้งหมด แล้วเปลี่ยนมาใช้การเช่าแทน (แบบที่โซนี่, โนเกีย เคยทำ) ซึ่งจะทำให้การบินไทยได้กระแสเงินสดเพิ่มมาหมุนเวียนแก้ปัญหาในองค์กร นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำให้ขายสำนักงานใน 8 ประเทศ รวมทั้งยกเลิกเที่ยวบินในเส้นทางหลักบางเส้น อาทิ
กรุงเทพฯ-มอสโคว์, กรุงเทพฯ-โจฮันเนสเบิร์ก, กรุงเทพฯ-มาดริด"
กรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดทำสรุปสถานการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาพักผ่อนในบ้านเรา โดยพบว่าสถิติประจำเดือนนับแต่ ม.ค.-ต.ค. 2557 ชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากที่สุด คือ ประเทศจีน
โดยนักท่องเที่ยว 10 อันดับแรกที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทยสูงสุด (อ้างอิงตามสติติล่าสุดเดือนตุลาคม) เป็นดังนี้
1. จีน 501,043 ราย
2. มาเลเซีย 262,803 ราย
3. รัสเซีย 115,197 ราย
4. ญี่ปุ่น 101,751 ราย
5. เกาหลี 93,900 ราย
6. อินเดีย 87,900 ราย
7. สิงคโปร์ 79,564 ราย
8. ออสเตรเลีย 73,943 ราย
9. สหราชอาณาจักร 70,913 ราย
10. สหรัฐฯ 64,130 ราย
การบินไทยเจ๊งได้ไง?? บินตรงจาก กรุงเทพฯ ไป กรุงมอสโคว์ ถึงกับต้องยกเลิกสายนี้ ?
แถมเงินรูเบิล ราคาร่วงมาก สบายคนไทยเลยที่จะไปเที่ยวรัสเซีย
"คำแนะนำหนึ่งซึ่งที่ปรึกษาได้เสนอคือให้การบินไทยขายอาคารสำนักงานใหญ่ บนถนนวิภาวดีรังสิตทั้งหมด แล้วเปลี่ยนมาใช้การเช่าแทน (แบบที่โซนี่, โนเกีย เคยทำ) ซึ่งจะทำให้การบินไทยได้กระแสเงินสดเพิ่มมาหมุนเวียนแก้ปัญหาในองค์กร นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำให้ขายสำนักงานใน 8 ประเทศ รวมทั้งยกเลิกเที่ยวบินในเส้นทางหลักบางเส้น อาทิ กรุงเทพฯ-มอสโคว์, กรุงเทพฯ-โจฮันเนสเบิร์ก, กรุงเทพฯ-มาดริด"
กรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดทำสรุปสถานการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาพักผ่อนในบ้านเรา โดยพบว่าสถิติประจำเดือนนับแต่ ม.ค.-ต.ค. 2557 ชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากที่สุด คือ ประเทศจีน
โดยนักท่องเที่ยว 10 อันดับแรกที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทยสูงสุด (อ้างอิงตามสติติล่าสุดเดือนตุลาคม) เป็นดังนี้
1. จีน 501,043 ราย
2. มาเลเซีย 262,803 ราย
3. รัสเซีย 115,197 ราย
4. ญี่ปุ่น 101,751 ราย
5. เกาหลี 93,900 ราย
6. อินเดีย 87,900 ราย
7. สิงคโปร์ 79,564 ราย
8. ออสเตรเลีย 73,943 ราย
9. สหราชอาณาจักร 70,913 ราย
10. สหรัฐฯ 64,130 ราย