globe valve กับ gate valve ต่างกันอย่างไร

ตามหัวข้อกระทู้เลยครับ
หน้าที่หลักของวาล์วสองตัวนี้ผมเข้าใจครับ
แต่สงสัยตรงที่ว่ามันมีจุดอะไรที่พิเศษแตกต่างกันหรือไม่ครับ

ขอบคุณครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
หน้าที่และองค์ประกอบของวาล์ว 2 ตัวนี้
ข้อแตกต่างมันเยอะมากเหลือเกินครับตั้งแต่หน้าตายันหน้าที่ในการใช้งาน
ผมขออนุญาตเขียนคร่าวๆนะครับ หน้าที่และการใช้งานของวาล์วทุกประเภท

Globe valve

ใช้ในการควบคุมการไหล เพราะมีการหักเหทิศทางการไหลของของไหล
ให้ขึ้นไปในแนวตั้งฉากจึงหมุนเปิดและปิดได้ง่ายกว่า สามารถใช้กับระบบที่มีความแตกต่างความดันสูงมากๆได้
แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนทิศทางการไหล ความดันลดที่ตกคร่อม globe valve มากขึ้นตาม
globe valve จึงนิยมใช้เป็นอย่างมากในงานที่ต้องควบคุมอัตราไหลของของไหล

Gate valve

ใช้ในการเปิด-ปิดการไหลเท่านั้น ไม่นิยมนำมาใช้ในการควบคุมการไหล
เนื่องจากเปิด-ปิดได้ช้าจึงไม่เกิดการตะบันน้ำ (hydraulic ram)
ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลง momentum ของของไหลอย่างทันทีทันใด
และจะส่งผลให้ valve พัง ท่อแตก หรือ ข้อต่อหลุดได้
อีกทั้งไม่มีบ่ารอง valve (valve seat) ที่มักจะใช้เป็น polymer และทนอุณหภูมิสูงไม่ได้
gate valve จึงใช้กับอุณหภูมิสูงได้ แต่ไม่นิยมใช้กับของไหลที่มีสารแขวนลอย
เพราะสารแขวนลอยอาจะไปตกอยู่ในร่อง valve ได้ ทำให้ไม่สามารถปิด valve ได้สนิทจริงๆ

Ball valve

ใช้ในการเปิด-ปิดเช่นเดียวกับ gate valve แต่จัดอยู่ในตระกูล quarter-turn valves
หรือ valve ที่เปิด-ปิดได้ในการหมุนเพียง 1/4 รอบ
นิยมใช้ในงานประปาตามบ้านเรือนทั่วๆไปเพราะ ใช้งานได้ง่ายเพียงหมุนเพียง 1/4 รอบก็สามารถหยุดการไหลได้แล้ว
แต่ไม่ควรใช้กับการไหลที่มีโมเมนตัมของของไหลสูง เพราะจะเกิด hydraulic ram ได้
มี seat valve รองอยู่ ทำให้ช่องระหว่าง ball ที่หมุนกับตัว valve แนบกันได้มากกว่า
seat valve ชนิดที่เป็นโลหะ ใช้ในงานอุณหภูมิสูงก็มีเช่นกัน
แต่จะทำให้ valve กับ ball แนบกันไม่สนิทและมีการรั่วในปริมาณหนึ่ง

Plug valve

เหมือน ball valve ทุกประการ เพียงแค่รูปทรงของ ball valve คือทรงกลม
ในขณะที่ plug valve มักเป็นทรงกระบอกหรือโคนตัดแหลม
reliability ของ plug valve นั้นต่ำกว่า ball valve และมักมีการรั่วมากกว่า ball valve
ball valve จึงเป็นที่นิยมมากกว่า แต่หากเป็นงานลักษณะพิเศษเช่นงานอุณหภูมิสูงหรือความดันสูงมาก
บางครั้งราคาของ plug valve ก็มักจะถูกกว่า ball valve

Butterfly valve

ใช้ในการควบคุมการไหล และจัดอยู่ในตระกูล quarter-turn valves
มีหน้าตาคล้าย gate valve แต่แทนที่จาน valve จะเคลื่อนที่ขึ้น-ลงแบบ gate valve
butterfly valve กลับใช้การหมุนแทนเหมือน ball valve และมี seat valve เช่นเดียวกัน
แต่สามารถลดปริมาณโลหะที่ใช้ทำจานหมุนได้มาก butterfly valve จึงมีน้ำหนักเบากว่า
นิยมใช้กับการควบคุมการไหลที่มีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เช่น ในระบบจ่ายน้ำมันให้เครื่องยนต์รถ
และแน่นอนว่ามันใช้ในงานที่ใช้ความดันสูงไม่ค่อยได้นัก

Diaphragm valve

ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก เป็น valve เปิด-ปิด ทนความดันได้ต่ำ
เพราะแผ่น diaphragm นั้นทำจาก polymer ไม่ก็โลหะบางๆ
และมักใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความสะอาดสูงมากๆ
งานที่การรั่วไหล หรือการปนเปื้อนนั้นต้องต่ำมากๆ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยา
อุตสาหกรรมสารอันตราย เป็นต้น

Needle valve

วาล์วควบคุมการไหลอีกชนิด มีลักษณะคล้ายกับ globe valve ทุกประการ
เพียงแต่ตัวควบคุมการไหลมีขนาดเล็กจนเป็นเข็มเท่านั้นเอง
มักไม่มีให้เห็นใช้งานกันทั่วไปแต่ใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำในการไหลสูง
ควบคุมได้ในระดับ 0.x% ของการไหลสูงสุด
เช่น ควบคุมการไหลของสารเคมี เป็นต้น

Metering valve
วาล์วควบคุมการไหลอีกชนิด เป็น needle valve ที่สามารถปรับค่าการไหลได้อย่างแม่นยำสุดๆ
ไม่มีให้เห็นในการใช้งานทั่วไป แต่ใช้กันในโรงงานอุตสาหกรรมเคมี
ควบคุมการไหลได้ในระดับ 0.0x% ของการไหลสูงสุดเลยทีเดียว
ใช้ควบคุมอัตราการไหลของสารเคมีที่เข้าไปทำปฏิกิริยา เป็นต้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่