ฉันเติบโตมาในครอบครัวที่เป็นพุทธ เข้าวัดบ้าง ไม่เข้าวัดบ้างตามประสา ครอบครัวเราเป็นคนเหนือ เราก็มีประเพณีต่างๆนอกจากที่ต้องทำในศาสนา เช่น การสู่ขวัญ การไหว้ผีปู่ย่า ฉันก็ทำตามในใจก็มีข้อสงสัย ครั้งหนึ่งที่บ้านจัดงานไหว้ผีปู่ย่า มีการใช้ไม้ไผ่ขนาดยาวเท่าการกางแขนทั้งสองข้าง มาเป็นส่วนวัดว่า ผีปู่ย่าของเราได้รับของเซ่นไหว้แล้วทานอิ่มรึยัง ในตอนแรกการการถวายของเซ่นไหว้ ขนาดความยาวของไม้ยังแข็งทื่อ ไม่โค้งงอ หลังจากถวายของเซ่นไหว้ไปแล้ว คนนำของถวายก็ถามว่าปู่ย่าได้รับของถวายและอิ่มหน่ำรึยัง และในขณะนั้นก็ได้ทำการวัดขนาดของไม้ไผ่ แล้วไม้ไผ่ก็โค้งงอ (ตามความเข้าใจในวัยเด็ก มันน่าจะหมายถึงปู่ย่าได้รับของถวายจากลูกหลานและทานอิ่มเรียบร้อย)
แต่ในใจเรากลับคิดว่า คนวัดไม้นั้น ในตอนแรกเค้าอาจจะออกแรงน้อยไม้จึงไม่โค้งงอ และภายหลังก็แค่ออกแรงให้มากหน่อยมันก็เลยโค้งงอ เราก็คิดสงสัย แต่ก็ไม่กล้าจะถามใครเพราะกลัวว่าจะถูกพ่อแม่ตำหนิ
จนวันหนึ่งฉันได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเขาเป็นมุสลิม ในตอนแรกที่เรารู้จักกัน ฉันยังไม่เข้าใจว่ามุสลิม หรืออิสลาม คืออะไร เพราะตอนที่เรียนในประถมและมัธยม มีความรู้เรื่องศาสนาอิสลามแค่ไม่กี่บรรทัด และด้วยความที่เขาก็ไม่ได้เคร่งศาสนามากเท่าไหร่ เราจึงเข้ากันได้ด้วยดี ผ่านมาหลายปีเราทั้งรักและเข้าใจกันมากขึ้น
อยู่มาวันหนึ่งมันคงถึงจุดเปลี่ยน ผู้ชายที่ฉันรักและฉันหวังจะฝากชีวิต บอกกับฉันว่า "ผมตัดสินใจที่จะดำเนินชีวิตตามหลักศาสนาอิสลาม"
นั้นก็หมายความว่าทุกย่างก้าวในการดำเนินชีวิตของเขาคือการปฏิบัติให้ถูกตามหลักศาสนา รวมถึงการมีภรรยาที่เป็นมุสลิมด้วยกัน
ความรักที่ฉันมีให้เขาทั้งหัวใจ มันไม่เพียงพอต่อการครองคู่ชีวิตกันต่อไปในอนาคต
แล้วฉันควรทำอย่างไร
1. ฉันก็แค่แกล้งทำเป็นนับถือศาสนาอิสลาม แสดงออกด้วยภาพลักษณ์ภายนอกให้คนอื่น เข้าใจว่าฉันคือมุสลิมสิ
มันเป็นทางออกที่ง่ายมาก ฉันเริ่มทำวันพรุ่งนี้ยังได้เลย
แต่.....เมื่อเวลาผ่านไป จนวันหนึ่งที่ฉันมีลูก ลูกของฉันจะเป็นอย่างไร? เมื่อถึงเวลาสอนการบ้านวิชาศาสนาฉันจะสอนลูกว่าอย่างไร?
แล้วเมื่อวันหนึ่งฉันทนไม่ได้กับสิ่งที่ฉันโกหกมาตลอดชีวิต ครอบครัวฉันคงพัง ลูกของฉันคงต้องไม่มีแม่
...นั้นไม่ใช่ทางออกสำหรับชีวิตของฉันแน่นอน
2. เปิดใจศึกษาศาสนาอิสลาม
วิธีนี้คือสิ่งที่ฉันตั้งใจทำอยู่ในขณะนี้ แต่ฉันไม่สามารถตอบคำถามได้ว่า "ฉันจะเป็นมุสลิม(ที่ดี)เมื่อไหร่" มันอาจจะแค่ 3 เดือน หรือ 10ปี ฉันไม่สามารถตอบได้
ยังมีความคิดหลายอย่างที่ขัดแย้งอยู่ในตัวฉัน
เพราะฉันยังต้องอยู่ในสังคมนี้และเลี้ยงชีพต่อไป และพ่อแม่ของฉัน พวกเขาจะเข้าใจฉันมากน้อยแค่ไหน ฉันจะปฏิบัติกับพวกเขาอย่างไร ถึงแม้คำถามเหล่านี้จะมีคำตอบ แต่ในทางปฏิบัตินั้น มันช่างยากเหลือเกิน
ในใจของฉันตอนนี้ ฉันไม่ได้ปฏิเสธศาสนาอิสลาม ฉันมีความสุขกับวิถีชีวิตและการปฏิบัติตนตามกฏหมายของอิสลาม แต่ไม่ได้รวมถึงการแสดงออกถึงการศรัทธาในพระเจ้าด้วยการละหมาด การอ่านภาษาอาหรับทำให้ฉันหัวเสีย ฉันไม่ชอบเสียงของผู้สอนศาสนาในทีวี ที่เอาแต่พูดจาเสียงดังเหมือนเสียงกลุ่มคนที่กำลังประท้วง
ยังมีอีกหลายสิ่งที่ฉันยัง "กลัว" หากฉันเป็นมุสลิม ด้วยเหตุผลหนึ่งเพราะฉันตัวคนเดียว ไม่มีใครที่รู้จักที่เป็นมุสลิม (นอกจากครอบครัวของคนที่ฉันรัก)
และด้วยทางเลือกนี้ ฉันไม่อาจจะให้คำตอบกับตัวเองว่า "เมื่อไหร่ฉันจะเป็นมุสลิม(ที่ดี)" ฉันก็ไม่อาจจะให้คำตอบกับคนที่ฉันรักไม่ได้เช่นกัน
ถึงเวลาที่เราต้อง"จบ" กับความรักที่ผิดต่อหลักศาสนา และทำให้เขาได้รับบาปมากขึ้น หากเรายังขืนรักกันต่อไป
เราอาจจะได้ "กลับมารักกันให้ถูกต้องตามหลักศาสนา" ก็เป็นไปได้ แต่ด้วยคำว่า"อาจจะ" และคำตอบที่ฉันยังตอบกับตัวเองไม่ได้ว่า"อีกนานแค่ไหนที่ฉันจะสามารถเป็นมุสลิม(ที่ดี)ได้" ฉันก็ไม่ขอคิดที่จะรั้งใครไว้ให้ทุกข์ทรมารอีก และขอให้เป็นสิ่งที่พระเจ้าประสงค์จะให้มันเกิดขึ้นในอนาคต
ฉันเคยอิจฉา ผู้คนที่เกิดมาแล้วเป็นมุสลิมตามพ่อและแม่ของเขา แต่วันนี้ฉันรับรู้ความจริงหนึ่งอย่างที่ว่า "พวกเขาเกิดมาเป็นมุสลิมตามสายเลือดก็จริง แต่พวกเขาอาจจะไม่ใช่มุสลิมที่ดีที่ถูกต้องตามหลักศาสนาก็เป็นได้" ดังนั้นอย่าได้คิดอิจฉาพวกเขา "แต่จงใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อค้นหาความจริงและปฏิบัติตนให้ถูกต้อง"
และตอนนี้ไม่ว่าฉันจะเลือกทางไหน เราก็ไม่อาจได้เป็นสามีและภรรยากันในอนาคต เพราะเขาได้บอกถึงสิ่งที่ตัดสินใจไปแล้ว (โดยที่บอกให้ฉันทราบหลังจากนั้น) หากถามถึงความรู้สึกข้างใน "ฉันโกรธแค้นคุณมาก ที่ทำทุกอย่างโดยไม่ได้บอกให้ฉันทราบก่อน" แต่ถ้าถามว่าฉันควรทำอย่างไร "ฉันก็ต้องก้าวต่อไปและเลือกตามทางที่ฉันจะเดิน ขอเพียงวันหนึ่งพระเจ้าจะเปิดรับฉันสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของพระองค์"
จากคำถามในประโยคแรก ฉันรู้ถึงคำตอบ
คำตอบของฉันคือ
>> "ฉันทุกข์เพราะศาสนาอิสลาม"
เพราะฉันไม่รู้จักศาสนาอิสลามดีพอ
>> "และฉันทุกข์เพราะฉันไม่มีศาสนา"
เพราะฉันดำเนินชีวิตตามใจอยาก แต่เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งที่ฉันต้องเศร้าใจหรือดีใจ ฉันควรหันหน้าเข้าหาใคร เข้าหาเพื่อน หรือเข้าหาพระเจ้า
***หากมีคำแนะนำสำหรับการเริ่มต้นเป็นมุสลิมใหม่ ขอความกรุณาช่วยแนะนำ และบอกถึงสิ่งที่ควรทำด้วยนะคะ***
ฉันทุกข์เพราะศาสนาอิสลาม? หรือ ฉันทุกข์เพราะฉันไม่มีศาสนา?
แต่ในใจเรากลับคิดว่า คนวัดไม้นั้น ในตอนแรกเค้าอาจจะออกแรงน้อยไม้จึงไม่โค้งงอ และภายหลังก็แค่ออกแรงให้มากหน่อยมันก็เลยโค้งงอ เราก็คิดสงสัย แต่ก็ไม่กล้าจะถามใครเพราะกลัวว่าจะถูกพ่อแม่ตำหนิ
จนวันหนึ่งฉันได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเขาเป็นมุสลิม ในตอนแรกที่เรารู้จักกัน ฉันยังไม่เข้าใจว่ามุสลิม หรืออิสลาม คืออะไร เพราะตอนที่เรียนในประถมและมัธยม มีความรู้เรื่องศาสนาอิสลามแค่ไม่กี่บรรทัด และด้วยความที่เขาก็ไม่ได้เคร่งศาสนามากเท่าไหร่ เราจึงเข้ากันได้ด้วยดี ผ่านมาหลายปีเราทั้งรักและเข้าใจกันมากขึ้น
อยู่มาวันหนึ่งมันคงถึงจุดเปลี่ยน ผู้ชายที่ฉันรักและฉันหวังจะฝากชีวิต บอกกับฉันว่า "ผมตัดสินใจที่จะดำเนินชีวิตตามหลักศาสนาอิสลาม"
นั้นก็หมายความว่าทุกย่างก้าวในการดำเนินชีวิตของเขาคือการปฏิบัติให้ถูกตามหลักศาสนา รวมถึงการมีภรรยาที่เป็นมุสลิมด้วยกัน
ความรักที่ฉันมีให้เขาทั้งหัวใจ มันไม่เพียงพอต่อการครองคู่ชีวิตกันต่อไปในอนาคต
แล้วฉันควรทำอย่างไร
1. ฉันก็แค่แกล้งทำเป็นนับถือศาสนาอิสลาม แสดงออกด้วยภาพลักษณ์ภายนอกให้คนอื่น เข้าใจว่าฉันคือมุสลิมสิ
มันเป็นทางออกที่ง่ายมาก ฉันเริ่มทำวันพรุ่งนี้ยังได้เลย
แต่.....เมื่อเวลาผ่านไป จนวันหนึ่งที่ฉันมีลูก ลูกของฉันจะเป็นอย่างไร? เมื่อถึงเวลาสอนการบ้านวิชาศาสนาฉันจะสอนลูกว่าอย่างไร?
แล้วเมื่อวันหนึ่งฉันทนไม่ได้กับสิ่งที่ฉันโกหกมาตลอดชีวิต ครอบครัวฉันคงพัง ลูกของฉันคงต้องไม่มีแม่
...นั้นไม่ใช่ทางออกสำหรับชีวิตของฉันแน่นอน
2. เปิดใจศึกษาศาสนาอิสลาม
วิธีนี้คือสิ่งที่ฉันตั้งใจทำอยู่ในขณะนี้ แต่ฉันไม่สามารถตอบคำถามได้ว่า "ฉันจะเป็นมุสลิม(ที่ดี)เมื่อไหร่" มันอาจจะแค่ 3 เดือน หรือ 10ปี ฉันไม่สามารถตอบได้
ยังมีความคิดหลายอย่างที่ขัดแย้งอยู่ในตัวฉัน
เพราะฉันยังต้องอยู่ในสังคมนี้และเลี้ยงชีพต่อไป และพ่อแม่ของฉัน พวกเขาจะเข้าใจฉันมากน้อยแค่ไหน ฉันจะปฏิบัติกับพวกเขาอย่างไร ถึงแม้คำถามเหล่านี้จะมีคำตอบ แต่ในทางปฏิบัตินั้น มันช่างยากเหลือเกิน
ในใจของฉันตอนนี้ ฉันไม่ได้ปฏิเสธศาสนาอิสลาม ฉันมีความสุขกับวิถีชีวิตและการปฏิบัติตนตามกฏหมายของอิสลาม แต่ไม่ได้รวมถึงการแสดงออกถึงการศรัทธาในพระเจ้าด้วยการละหมาด การอ่านภาษาอาหรับทำให้ฉันหัวเสีย ฉันไม่ชอบเสียงของผู้สอนศาสนาในทีวี ที่เอาแต่พูดจาเสียงดังเหมือนเสียงกลุ่มคนที่กำลังประท้วง
ยังมีอีกหลายสิ่งที่ฉันยัง "กลัว" หากฉันเป็นมุสลิม ด้วยเหตุผลหนึ่งเพราะฉันตัวคนเดียว ไม่มีใครที่รู้จักที่เป็นมุสลิม (นอกจากครอบครัวของคนที่ฉันรัก)
และด้วยทางเลือกนี้ ฉันไม่อาจจะให้คำตอบกับตัวเองว่า "เมื่อไหร่ฉันจะเป็นมุสลิม(ที่ดี)" ฉันก็ไม่อาจจะให้คำตอบกับคนที่ฉันรักไม่ได้เช่นกัน
ถึงเวลาที่เราต้อง"จบ" กับความรักที่ผิดต่อหลักศาสนา และทำให้เขาได้รับบาปมากขึ้น หากเรายังขืนรักกันต่อไป
เราอาจจะได้ "กลับมารักกันให้ถูกต้องตามหลักศาสนา" ก็เป็นไปได้ แต่ด้วยคำว่า"อาจจะ" และคำตอบที่ฉันยังตอบกับตัวเองไม่ได้ว่า"อีกนานแค่ไหนที่ฉันจะสามารถเป็นมุสลิม(ที่ดี)ได้" ฉันก็ไม่ขอคิดที่จะรั้งใครไว้ให้ทุกข์ทรมารอีก และขอให้เป็นสิ่งที่พระเจ้าประสงค์จะให้มันเกิดขึ้นในอนาคต
ฉันเคยอิจฉา ผู้คนที่เกิดมาแล้วเป็นมุสลิมตามพ่อและแม่ของเขา แต่วันนี้ฉันรับรู้ความจริงหนึ่งอย่างที่ว่า "พวกเขาเกิดมาเป็นมุสลิมตามสายเลือดก็จริง แต่พวกเขาอาจจะไม่ใช่มุสลิมที่ดีที่ถูกต้องตามหลักศาสนาก็เป็นได้" ดังนั้นอย่าได้คิดอิจฉาพวกเขา "แต่จงใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อค้นหาความจริงและปฏิบัติตนให้ถูกต้อง"
และตอนนี้ไม่ว่าฉันจะเลือกทางไหน เราก็ไม่อาจได้เป็นสามีและภรรยากันในอนาคต เพราะเขาได้บอกถึงสิ่งที่ตัดสินใจไปแล้ว (โดยที่บอกให้ฉันทราบหลังจากนั้น) หากถามถึงความรู้สึกข้างใน "ฉันโกรธแค้นคุณมาก ที่ทำทุกอย่างโดยไม่ได้บอกให้ฉันทราบก่อน" แต่ถ้าถามว่าฉันควรทำอย่างไร "ฉันก็ต้องก้าวต่อไปและเลือกตามทางที่ฉันจะเดิน ขอเพียงวันหนึ่งพระเจ้าจะเปิดรับฉันสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของพระองค์"
จากคำถามในประโยคแรก ฉันรู้ถึงคำตอบ
คำตอบของฉันคือ
>> "ฉันทุกข์เพราะศาสนาอิสลาม"
เพราะฉันไม่รู้จักศาสนาอิสลามดีพอ
>> "และฉันทุกข์เพราะฉันไม่มีศาสนา"
เพราะฉันดำเนินชีวิตตามใจอยาก แต่เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งที่ฉันต้องเศร้าใจหรือดีใจ ฉันควรหันหน้าเข้าหาใคร เข้าหาเพื่อน หรือเข้าหาพระเจ้า
***หากมีคำแนะนำสำหรับการเริ่มต้นเป็นมุสลิมใหม่ ขอความกรุณาช่วยแนะนำ และบอกถึงสิ่งที่ควรทำด้วยนะคะ***