ที่มา:
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1422261211
น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) เปิดเผยว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม คสรท.จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และจากนั้นเวลา 11.00 น. จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ทบทวนร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกันสังคม(ฉบับที่..) พ.ศ. …. ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกันสังคมฯ ตามขั้นตอนตามวาระแรกไปแล้ว และรอการพิจารณาในวาระที่สองในเดือนกุมภาพันธ์
เนื่องจากพบว่าร่างดังกล่าวมีการตัดสิทธิผู้ประกันตนกรณีลาออกจากงานจากเดิมที่ผู้ประกันตนจะได้รับเงินช่วยเหลือขณะว่างงานจำนวนร้อยละ30ของค่าจ้างไม่เกิน3 เดือน โดยที่ไม่มีการสอบถามผู้ประกันตนและส่งผลกระทบ สร้างความเดือดร้อนต่อผู้ประกันตนอย่างมาก เนื่องจากแรงงานบางรายลาออกด้วยเหตุผลที่ต้องมาดูแลอาการป่วยของคนในครอบครัว การตัดสิทธิออกไปก็ยิ่งเป็นการซ้ำเติมแรงงานมากยิ่งขึ้น
ประธานคสรท.กล่าวอีกว่า ตนทราบข้อมูลมาว่า การตัดสิทธิดังกล่าวออก เพราะสปส.เคยระบุว่ามีผู้ประกันตนบางคนลาออกเนื่องจากหวังเงินสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน แต่จากความเป็นจริงที่คสรท.พบคือไม่มีใครอยากลาออกจากงาน ซึ่งการลาออกจะทำให้ขาดรายได้เลี้ยงครอบครัวและพบว่าบางส่วนถูกนายจ้างบีบให้ออกจากงาน
"สปส.อย่ามโนไปเองว่าแรงงานลาออกเพราะหวังเงินกรณีว่างงานเงินที่ถูกตัดออกไปนี้เป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับคนยากคนจนเวลาคนงานลำบากเงินส่วนนี้ช่วยชีวิตไว้ได้ หากสปส.จะประหยัดเงินก็อย่ามาตัดสิทธิกันแบบนี้ ไปตัดโครงการอื่นๆ ที่ฟุ่มเฟือยและไม่เกิดประโยชน์กับผู้ประกันตนจะดีกว่า ทั้งการประชาสัมพนธ์ การไปดูงานต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินกองทุนไปได้มากกว่าการมาตัดสิทธิกรณีว่างงาน"
น.ส.วิไลวรรณ ยังกล่าวว่า อยากให้ทบทวนเนื้อหาร่างพ.ร.บ.ประกันสังคมฯ โดยให้สิทธิผู้ประกันตนที่ลาออกจากงานและลาออกจากการเป็นผู้ประกันตนแต่ส่งเงินสมทบไม่ถึง 15 ปีและมีอายุต่ำกว่า 55 ปี สามารถขอรับเงินสิทธิประโยชน์กรณีบำเหน็จชราภาพได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงเกณฑ์อายุ 55 ปี เพราะผู้ประกันตนหลายคนที่ลาออกจากงานมีความเดือดร้อน ที่ผ่านมามีกรณีแรงงานเสียชีวิตก่อนอายุครบ 55 ปีและไม่ได้แจ้งระบุทายาทผู้รับเงินต่อสปส.ไว้จึงทำให้เงินตกเป็นของกองทุน
นอกจากนี้แรงงานข้ามชาติก็ควรได้รับเงินบำเหน็จเมื่อครบกำหนดทำงานในไทยและเดินทางกลับประเทศต้นทางโดยไม่ต้องรออายุครบเกณฑ์นอกจากนี้อยากให้เพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรจากเดิมตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ6 ปี เป็นถึงอายุ 15 ปี แทนการให้เงินค่าคลอดบุตรเพิ่มเป็น 3 คน จากเดิมที่กำหนดไว้ 2 คน
น.ส.วิไลวรรณ กล่าวอีกว่า ตนมองว่าการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวยังไม่มีการเปิดให้ผู้ประกันตนเข้าไปมีส่วนร่วม เห็นได้จากอำนาจการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ หรือการออกระเบียบ ยังคงเป็นอำนาจของฝ่ายรัฐและการเมือง ซึ่งหากการยื่นหนังสือขอให้ทบทวนไม่เป็นผลก็อาจจะต้องมีการเคลื่อนไหว เนื่องจากเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกันตนกว่า 10 ล้านคน
ช็อก! ร่างพ.ร.บ.ประกันสังคม ตัดสิทธิผู้ประกันตนลาออก คสรท.เตรียมยื่นค้าน
น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) เปิดเผยว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม คสรท.จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และจากนั้นเวลา 11.00 น. จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ทบทวนร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกันสังคม(ฉบับที่..) พ.ศ. …. ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกันสังคมฯ ตามขั้นตอนตามวาระแรกไปแล้ว และรอการพิจารณาในวาระที่สองในเดือนกุมภาพันธ์
เนื่องจากพบว่าร่างดังกล่าวมีการตัดสิทธิผู้ประกันตนกรณีลาออกจากงานจากเดิมที่ผู้ประกันตนจะได้รับเงินช่วยเหลือขณะว่างงานจำนวนร้อยละ30ของค่าจ้างไม่เกิน3 เดือน โดยที่ไม่มีการสอบถามผู้ประกันตนและส่งผลกระทบ สร้างความเดือดร้อนต่อผู้ประกันตนอย่างมาก เนื่องจากแรงงานบางรายลาออกด้วยเหตุผลที่ต้องมาดูแลอาการป่วยของคนในครอบครัว การตัดสิทธิออกไปก็ยิ่งเป็นการซ้ำเติมแรงงานมากยิ่งขึ้น
ประธานคสรท.กล่าวอีกว่า ตนทราบข้อมูลมาว่า การตัดสิทธิดังกล่าวออก เพราะสปส.เคยระบุว่ามีผู้ประกันตนบางคนลาออกเนื่องจากหวังเงินสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน แต่จากความเป็นจริงที่คสรท.พบคือไม่มีใครอยากลาออกจากงาน ซึ่งการลาออกจะทำให้ขาดรายได้เลี้ยงครอบครัวและพบว่าบางส่วนถูกนายจ้างบีบให้ออกจากงาน
"สปส.อย่ามโนไปเองว่าแรงงานลาออกเพราะหวังเงินกรณีว่างงานเงินที่ถูกตัดออกไปนี้เป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับคนยากคนจนเวลาคนงานลำบากเงินส่วนนี้ช่วยชีวิตไว้ได้ หากสปส.จะประหยัดเงินก็อย่ามาตัดสิทธิกันแบบนี้ ไปตัดโครงการอื่นๆ ที่ฟุ่มเฟือยและไม่เกิดประโยชน์กับผู้ประกันตนจะดีกว่า ทั้งการประชาสัมพนธ์ การไปดูงานต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินกองทุนไปได้มากกว่าการมาตัดสิทธิกรณีว่างงาน"
น.ส.วิไลวรรณ ยังกล่าวว่า อยากให้ทบทวนเนื้อหาร่างพ.ร.บ.ประกันสังคมฯ โดยให้สิทธิผู้ประกันตนที่ลาออกจากงานและลาออกจากการเป็นผู้ประกันตนแต่ส่งเงินสมทบไม่ถึง 15 ปีและมีอายุต่ำกว่า 55 ปี สามารถขอรับเงินสิทธิประโยชน์กรณีบำเหน็จชราภาพได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงเกณฑ์อายุ 55 ปี เพราะผู้ประกันตนหลายคนที่ลาออกจากงานมีความเดือดร้อน ที่ผ่านมามีกรณีแรงงานเสียชีวิตก่อนอายุครบ 55 ปีและไม่ได้แจ้งระบุทายาทผู้รับเงินต่อสปส.ไว้จึงทำให้เงินตกเป็นของกองทุน
นอกจากนี้แรงงานข้ามชาติก็ควรได้รับเงินบำเหน็จเมื่อครบกำหนดทำงานในไทยและเดินทางกลับประเทศต้นทางโดยไม่ต้องรออายุครบเกณฑ์นอกจากนี้อยากให้เพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรจากเดิมตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ6 ปี เป็นถึงอายุ 15 ปี แทนการให้เงินค่าคลอดบุตรเพิ่มเป็น 3 คน จากเดิมที่กำหนดไว้ 2 คน
น.ส.วิไลวรรณ กล่าวอีกว่า ตนมองว่าการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวยังไม่มีการเปิดให้ผู้ประกันตนเข้าไปมีส่วนร่วม เห็นได้จากอำนาจการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ หรือการออกระเบียบ ยังคงเป็นอำนาจของฝ่ายรัฐและการเมือง ซึ่งหากการยื่นหนังสือขอให้ทบทวนไม่เป็นผลก็อาจจะต้องมีการเคลื่อนไหว เนื่องจากเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกันตนกว่า 10 ล้านคน