ผมเริ่มลงทุน ก.ย. 56 ถึงวันนี้ ม.ค. 58 ก็ 1 ปี กะ 5 เดือนแล้ว
เวลาผ่านไปเร็ว ความรู้สึกตอนขาดทุนหุ้นแต่ละตัว มันยังคงอยู่ แต่ค่อยๆจางหายไป
ความหวังว่าจะรวยง่ายๆ ยังมีเข้ามาในสมองทุกวัน
หลายวันที่ผ่านมา ผมนั่งอ่านประทู้ในสินธร มีหลายกระทู้นำเอาพอร์ทมาแสดงให้ดู
หลายๆพอร์ท ผมเห็นแล้วผมลุกขึ้นยืนเลยครับ เพราะมันเยอะมากมายเลย... 8 ล้าน 10+ล้าน 30 ล้าน 50 ล้าน ฯลฯ
บางคนเริ่มจากเงินไม่กี่แสน ในเวลาไม่กี่ปี เงินบวมขึ้นมาบานเลย
บางคนก็สะสมประสบการณ์มาอย่างโชคโชน ทั้งยังถ่อมตน และเข้ามาแนะนำแนวทางอยู่รอดในตลาดทุนอยู่เสมอๆ
เห็นแล้วมันรู้สึกอิจฉานะครับ อยากจะมีแบบนั้นมั่ง
แต่อิจฉาอย่างเดียวคงจะไม่เกิดอะไร คงต้องมี action อะไรบ้าง
ผมว่าคนพอร์ทใหญ่นี่ เท่าที่อ่านความคิดเห็นพวกเขา แต่ละคนไม่ธรรมดาเลย พวกเขาค้นพบและมีแนวทางของตน ที่ไม่เหมือนกันเลย และพวกเขามุ่งมั่นยึดแนวทางของตนอย่างแน่วแน่ ประกอบกับเข้าใจตนเอง เข้าใจตลาด และเข้าใจสิ่งแวดล้อม สามารถเอาตัวรอด และสร้างผลกำไรอย่างมากมายได้
จริงๆแล้ว พวกเขาเหล่านั้นเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ ผมรู้ได้เลยว่ายังมีอีกมากมายหลายท่านที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน แต่ไม่แสดงตน และพวกเขาน่าจะมีสินทรัพย์มากมายเป็นหลายๆสิบ ร้อยๆ หรือพันล้าน
ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าความมั่งคั่งจากตลาดทุนมีอยู่จริง ไม่มายา แต่มันไม่เกิดกับทุกคนแน่นอน เพราะจำนวนคนเยอะ แต่มี resource มีจำกัด
ผมหวังว่าจะพบแนวทางของตัวเอง ที่สามารถทำให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยได้ และสามารถทำผลกำไรจากตลาดทุนได้มากเพียงพอกับการใช้ชีวิตที่ดีระดับหนึ่ง แต่นั่นคงไม่ง่าย เพราะในตลาดทุนยังมีคนเก่งๆ ฉลาดๆ และทุนหนา อีกเยอะที่เราต้องเกี่ยวข้องกับเขา แต่มันก็เป็นเรื่องท้าทาย
มีคุณลุงท่านหนึ่งที่ผมทึ่งมาก แกบอกอย่างหนึ่งว่าต้องแยกเงินจริง ออกจาก เงินมายา
เงินจริงจับต้องได้ เงินมายายุบได้พองได้ ไม่แน่นอน
มันจริงอย่างนั้นแหละ เพราะ market cap ที่เห็นๆกันมันขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นน้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่ซื้อขายกันบนกระดาน
หุ้นบางตัว ผมเห็นซื้อเพียงร้อยหุ้น แต่บวกไปหลายช่อง market cap ขึ้นไปเป็นหลายเปอร์เซ็นต์ (แต่คนอยากขายก็ขายไม่ได้นะครับ เพราะไม่มีใครมาบิดซื้อ) ด้วยเหตุนี้ บางทีราคาหุ้นเหมือนกับถูกกำหนดได้ อยากให้ขึ้นให้ลงก็ทำได้ดังใจ เพราะใช้จำนวนเงินไม่มาก
ผมเรียนรู้จากหลายท่านว่า ความมั่งคั่งจะเกิดได้ มันต้องมีหลายปัจจัยมาประสานกัน
- ความรู้: ถ้าไม่มีคงทำอะไรลำบาก เลือกหุ้นไม่ได้ อะไรข่าวจริง อะไรข่าวหลอก
- ประสบการณ์: ไม่มีใครทำอะไรได้ดีแต่เกิด ต้องมีทุกข์และสุขมาบ่มเพาะชีวิต ทำให้รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง และเหิญฟ้าทะยานสู่ความสำเร็จได้
- ทุน: ถ้ามีเยอะก็ได้เปรียบ ถ้ามีน้อยก็ต้องอดทนและพยายาม
- เวลา: อันนี้เป็นเพื่อนกับนักลงทุนเลย มันทำให้หลักของดอกเบี้ยทบต้นมีพลังอำนาจสูง
- สภาพแวดล้อม: ถ้ามีทุกอย่างที่กล่าวมา แต่สภาพตลาดไม่อำนวย ก็อาจจะยาก หรือ นานหน่อยกว่าจะถึงจุดหมาย
คนที่ไม่รู้ มักเป็นเหยื่อของคนที่รู้
คนที่โลภ มักเป็นเหยื่อของคนที่ไม่โลภ
คนที่กลัว มักเป็นเหยื่อของคนที่ไม่กลัว
ตลาดทุน มี 2 แยก ให้เราเลือกอยู่ตลอกเวลา
-มีบิด มีออฟเฟอร์
-มีขึ้น มีลง
-มีรวย มีจน
แต่จะมีกี่คนที่เลือกถูกได้บ่อยๆ
ผมหวังให้ตัวเองเป็นหนึ่งในนั้น
1 ปี กะ 5 เดือน...
เวลาผ่านไปเร็ว ความรู้สึกตอนขาดทุนหุ้นแต่ละตัว มันยังคงอยู่ แต่ค่อยๆจางหายไป
ความหวังว่าจะรวยง่ายๆ ยังมีเข้ามาในสมองทุกวัน
หลายวันที่ผ่านมา ผมนั่งอ่านประทู้ในสินธร มีหลายกระทู้นำเอาพอร์ทมาแสดงให้ดู
หลายๆพอร์ท ผมเห็นแล้วผมลุกขึ้นยืนเลยครับ เพราะมันเยอะมากมายเลย... 8 ล้าน 10+ล้าน 30 ล้าน 50 ล้าน ฯลฯ
บางคนเริ่มจากเงินไม่กี่แสน ในเวลาไม่กี่ปี เงินบวมขึ้นมาบานเลย
บางคนก็สะสมประสบการณ์มาอย่างโชคโชน ทั้งยังถ่อมตน และเข้ามาแนะนำแนวทางอยู่รอดในตลาดทุนอยู่เสมอๆ
เห็นแล้วมันรู้สึกอิจฉานะครับ อยากจะมีแบบนั้นมั่ง
แต่อิจฉาอย่างเดียวคงจะไม่เกิดอะไร คงต้องมี action อะไรบ้าง
ผมว่าคนพอร์ทใหญ่นี่ เท่าที่อ่านความคิดเห็นพวกเขา แต่ละคนไม่ธรรมดาเลย พวกเขาค้นพบและมีแนวทางของตน ที่ไม่เหมือนกันเลย และพวกเขามุ่งมั่นยึดแนวทางของตนอย่างแน่วแน่ ประกอบกับเข้าใจตนเอง เข้าใจตลาด และเข้าใจสิ่งแวดล้อม สามารถเอาตัวรอด และสร้างผลกำไรอย่างมากมายได้
จริงๆแล้ว พวกเขาเหล่านั้นเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ ผมรู้ได้เลยว่ายังมีอีกมากมายหลายท่านที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน แต่ไม่แสดงตน และพวกเขาน่าจะมีสินทรัพย์มากมายเป็นหลายๆสิบ ร้อยๆ หรือพันล้าน
ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าความมั่งคั่งจากตลาดทุนมีอยู่จริง ไม่มายา แต่มันไม่เกิดกับทุกคนแน่นอน เพราะจำนวนคนเยอะ แต่มี resource มีจำกัด
ผมหวังว่าจะพบแนวทางของตัวเอง ที่สามารถทำให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยได้ และสามารถทำผลกำไรจากตลาดทุนได้มากเพียงพอกับการใช้ชีวิตที่ดีระดับหนึ่ง แต่นั่นคงไม่ง่าย เพราะในตลาดทุนยังมีคนเก่งๆ ฉลาดๆ และทุนหนา อีกเยอะที่เราต้องเกี่ยวข้องกับเขา แต่มันก็เป็นเรื่องท้าทาย
มีคุณลุงท่านหนึ่งที่ผมทึ่งมาก แกบอกอย่างหนึ่งว่าต้องแยกเงินจริง ออกจาก เงินมายา
เงินจริงจับต้องได้ เงินมายายุบได้พองได้ ไม่แน่นอน
มันจริงอย่างนั้นแหละ เพราะ market cap ที่เห็นๆกันมันขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นน้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่ซื้อขายกันบนกระดาน
หุ้นบางตัว ผมเห็นซื้อเพียงร้อยหุ้น แต่บวกไปหลายช่อง market cap ขึ้นไปเป็นหลายเปอร์เซ็นต์ (แต่คนอยากขายก็ขายไม่ได้นะครับ เพราะไม่มีใครมาบิดซื้อ) ด้วยเหตุนี้ บางทีราคาหุ้นเหมือนกับถูกกำหนดได้ อยากให้ขึ้นให้ลงก็ทำได้ดังใจ เพราะใช้จำนวนเงินไม่มาก
ผมเรียนรู้จากหลายท่านว่า ความมั่งคั่งจะเกิดได้ มันต้องมีหลายปัจจัยมาประสานกัน
- ความรู้: ถ้าไม่มีคงทำอะไรลำบาก เลือกหุ้นไม่ได้ อะไรข่าวจริง อะไรข่าวหลอก
- ประสบการณ์: ไม่มีใครทำอะไรได้ดีแต่เกิด ต้องมีทุกข์และสุขมาบ่มเพาะชีวิต ทำให้รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง และเหิญฟ้าทะยานสู่ความสำเร็จได้
- ทุน: ถ้ามีเยอะก็ได้เปรียบ ถ้ามีน้อยก็ต้องอดทนและพยายาม
- เวลา: อันนี้เป็นเพื่อนกับนักลงทุนเลย มันทำให้หลักของดอกเบี้ยทบต้นมีพลังอำนาจสูง
- สภาพแวดล้อม: ถ้ามีทุกอย่างที่กล่าวมา แต่สภาพตลาดไม่อำนวย ก็อาจจะยาก หรือ นานหน่อยกว่าจะถึงจุดหมาย
คนที่ไม่รู้ มักเป็นเหยื่อของคนที่รู้
คนที่โลภ มักเป็นเหยื่อของคนที่ไม่โลภ
คนที่กลัว มักเป็นเหยื่อของคนที่ไม่กลัว
ตลาดทุน มี 2 แยก ให้เราเลือกอยู่ตลอกเวลา
-มีบิด มีออฟเฟอร์
-มีขึ้น มีลง
-มีรวย มีจน
แต่จะมีกี่คนที่เลือกถูกได้บ่อยๆ
ผมหวังให้ตัวเองเป็นหนึ่งในนั้น