สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 52
ผมได้ซื้อ Taxi มาเป็นของตัวเองตั้งแต่กลางปี 57 (อาชีพเสริม)
และผมมี คคห. ดังต่อไปนี้ ครับ !
ผมคิดว่า...Taxi โดยรวมๆ ร้อยละ 95 % มักจะเป็นคนที่ขาดการศึกษา
ส่วนใหญ่ล้วนมาจากดินแดนอีสานกันทั้งนั้น
ทำไม..เค้าถึงอยากโกง และเอาเปรียบ
มันเป็นเพราะว่า...การที่เค้าไปรอเข้าคิวที่สนามบิน มันย่อมใช้เวลานานพอสมควร
และที่แน่ๆ ชาวต่างชาติ มักจะไปพักแถวโซนนานา ,ราชประสงค์ ,หรือตรอกข้าวสาร
พอเค้าไปส่งตามเป้าหมาย...ก็จะไม่ค่อยรับคนแบบสะเปะ-สะปะ ตามรายทางซักเท่าไร
ก็จะไปรอจมปลักอยู่ตามโรงแรม เพื่อที่จะรอหาลูกค้าที่จะย้อนกลับไปสุวรรณภูมิ หรือไปตามสถานที่ท่องเที่ยว
หรือพูดง่ายๆ เวลาที่เค้าว่างเปล่า ค่อนข้างจะเยอะพอสมควร
ก็เลยอยากจะกอบโกย หรือหรอกชาวต่างชาติ...ไงครับ
ผมไปแถวตรอกข้าวสารทีไร
ฝรั่ง ,ญี่ปุ่น เค้าก็จะหาโบกรถที่วิ่งผ่าน
เพราะว่า...รถที่จอดเรียงคิว จับกลุ่มคุยกัน
พวกนั้น..มันจะขอเหมากันทั้งนั้น
ผมไม่ได้มีเจตนาอยากจะไปเข้าข้าง Taxi ด้วยกัน
และคคห. ของผม ผมคิดว่า....ถ้าคิดจะขับหาเงิน ก็ไม่น่าจะมาเรื่องมาก หรือคิดฉ้อโกง
แต่นั้น...เค้าไม่คิดแบบผม ไงครับ
และที่สำคัญ ผม หรือใครบางคน หรือแม้แต่หน่วยงานของขนส่ง
จะไปสั่งว่า..."เฮ้ย ห้ามหลอก ,ห้ามเอาเปรียบนะ".......ไม่มีทางไปสั่งได้เลย
เพราะมันจะขึ้นอยู่กับสันดาน ของแต่ละคน..ไงครับ
แต่ละวันที่ผมขับ Taxi
ค่าเฉลี่ยของผม ผมจะวัดจาก 12 ชม. มักจะได้ไม่ต่ำกว่า 1,800-2,000 (หักค่าก๊าซ+กิน)
สนามบินทั้งสองแห่ง ผมไม่เคยไปต่อคิว เพราะผมไม่ชอบรอ (จะเป็นคนเซ็งมากๆ กับการรออยู่นิ่งๆ) สู้วิ่งออกไปหาลูกค้าตามรายทาง ดีกว่า
วันไหนอึดๆ ทะลุ 2,500-3,000 ก็เคยมี
บางครั้งที่ไปสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง กับเวลาที่ไปส่งลูกค้า
ถ้าจังหวะที่ลูกค้าเรียกออกมา (ชั้นบนขาออก)
ผมก็จะกดมิเตอร์ตามปรกติ
เจอะเจอชาวต่างชาติ เช่น ฝรั่ง ,ญี่ปุ่น ,สิงค์โปร์ หรือนิโกร
พอเค้าบอกปลายทาง พอผม ok เค้าก็ชี้ไปที่มิเตอร์ ว่า...ใช้มิเตอร์นะ
ผมก็....ok !
Taxi ที่มันเลวๆ
มันไม่ใช่อะไรหรอกครับ คือ..การศึกษา กับเหตุผล เค้าไม่มีไงครับ
ตรงนี้..ผมจะพูดในแง่ของความนึกคิดของ Taxi ทั่วๆ ไป นะครับ
เพราะตัวผมเอง ถ้าใครได้ติดตาม หรือรู้จัก ก็จะรู้ว่าผมทำอะไรไปบ้างให้กับสังคม
พอผมมาขับ Taxi ผมก็จะสนุกกับมัน
และที่สำคัญ
พระโบกรถ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ตรงไหน ผมจะปิดมิเตอร์ทันที
พอพระถาม ว่า..ทำไมโยมถึงทำแบบนี้
ผมก็อธิบายไปเรื่อยเปื่อย ว่า...ผมชอบลุยเรื่องบริจาค และช่วยเหลือคนยากไร้มาเยอะ
ถึงตอนนี้...ทั้งในคอ ทั้งในรถ...มีพระอยู่หลายองค์พอสมควร 555
คนท้อง !
ไม่ว่าปลายทางอยู่ที่ไหน
พอเค้าจะจ่ายเงิน...ผมก็บอกว่า...”ผมขอคิดเงินครึ่งหนึ่ง”
และผมก็อธิบายไปแบบคร่าวๆ จากนั้น เค้าก็ยกมือไหว้
บางคนก็จดทะเบียนรถไปอีก !
และที่สำคัญ
พอผมช่วยลักษณะแบบนี้ออกไป
ไปไหน-มาไหน พอส่งลูกค้าเสร็จ มักจะไม่ค่อยเกิน 1 กม. ก็จะมีรายใหม่เรียกอีก
Taxi ทั่วๆ ไป
มักจะเป็นคนที่เดือดร้อนเรื่องเงินกันซะส่วนใหญ่
แต่ก็อย่างว่า...ลำพังตัวผมเอง ผมก็ไม่ค่อยจะมีปัญหา
มันก็เลยมีความนึกคิดที่ไม่เหมือนกัน
มันพูดยากครับ ! เพราะสามัญสำนึกของแต่ละคน มันมีไม่เหมือนกัน
ผมคิดว่า...อีก 10 ปี 20 ปี ข้างหน้า
มันก็จะเป็นแบบเนี่ยแหละ ไปเรื่อยๆ 555
คันที่ดีๆ มันก็มี
จะสังเกตุได้ง่ายๆ คือ....เวลาที่ใครลืมเป๋าตังค์ หรือของมีค่าไว้ในรถ
คันๆ นั้น ก็จะนำไปคืนให้ที่ จส100 หรือ สวพ91
แต่ไอ้พวกที่เงียบกริบ.....มีมากกว่าแน่นอน
มันขึ้นอยู่ที่ว่า...เพื่อนๆ สมาชิก จะไปเจอคนขับแบบไหน..เท่านั้นเอง
ขอให้โชคดีนะครับ
และผมมี คคห. ดังต่อไปนี้ ครับ !
ผมคิดว่า...Taxi โดยรวมๆ ร้อยละ 95 % มักจะเป็นคนที่ขาดการศึกษา
ส่วนใหญ่ล้วนมาจากดินแดนอีสานกันทั้งนั้น
ทำไม..เค้าถึงอยากโกง และเอาเปรียบ
มันเป็นเพราะว่า...การที่เค้าไปรอเข้าคิวที่สนามบิน มันย่อมใช้เวลานานพอสมควร
และที่แน่ๆ ชาวต่างชาติ มักจะไปพักแถวโซนนานา ,ราชประสงค์ ,หรือตรอกข้าวสาร
พอเค้าไปส่งตามเป้าหมาย...ก็จะไม่ค่อยรับคนแบบสะเปะ-สะปะ ตามรายทางซักเท่าไร
ก็จะไปรอจมปลักอยู่ตามโรงแรม เพื่อที่จะรอหาลูกค้าที่จะย้อนกลับไปสุวรรณภูมิ หรือไปตามสถานที่ท่องเที่ยว
หรือพูดง่ายๆ เวลาที่เค้าว่างเปล่า ค่อนข้างจะเยอะพอสมควร
ก็เลยอยากจะกอบโกย หรือหรอกชาวต่างชาติ...ไงครับ
ผมไปแถวตรอกข้าวสารทีไร
ฝรั่ง ,ญี่ปุ่น เค้าก็จะหาโบกรถที่วิ่งผ่าน
เพราะว่า...รถที่จอดเรียงคิว จับกลุ่มคุยกัน
พวกนั้น..มันจะขอเหมากันทั้งนั้น
ผมไม่ได้มีเจตนาอยากจะไปเข้าข้าง Taxi ด้วยกัน
และคคห. ของผม ผมคิดว่า....ถ้าคิดจะขับหาเงิน ก็ไม่น่าจะมาเรื่องมาก หรือคิดฉ้อโกง
แต่นั้น...เค้าไม่คิดแบบผม ไงครับ
และที่สำคัญ ผม หรือใครบางคน หรือแม้แต่หน่วยงานของขนส่ง
จะไปสั่งว่า..."เฮ้ย ห้ามหลอก ,ห้ามเอาเปรียบนะ".......ไม่มีทางไปสั่งได้เลย
เพราะมันจะขึ้นอยู่กับสันดาน ของแต่ละคน..ไงครับ
แต่ละวันที่ผมขับ Taxi
ค่าเฉลี่ยของผม ผมจะวัดจาก 12 ชม. มักจะได้ไม่ต่ำกว่า 1,800-2,000 (หักค่าก๊าซ+กิน)
สนามบินทั้งสองแห่ง ผมไม่เคยไปต่อคิว เพราะผมไม่ชอบรอ (จะเป็นคนเซ็งมากๆ กับการรออยู่นิ่งๆ) สู้วิ่งออกไปหาลูกค้าตามรายทาง ดีกว่า
วันไหนอึดๆ ทะลุ 2,500-3,000 ก็เคยมี
บางครั้งที่ไปสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง กับเวลาที่ไปส่งลูกค้า
ถ้าจังหวะที่ลูกค้าเรียกออกมา (ชั้นบนขาออก)
ผมก็จะกดมิเตอร์ตามปรกติ
เจอะเจอชาวต่างชาติ เช่น ฝรั่ง ,ญี่ปุ่น ,สิงค์โปร์ หรือนิโกร
พอเค้าบอกปลายทาง พอผม ok เค้าก็ชี้ไปที่มิเตอร์ ว่า...ใช้มิเตอร์นะ
ผมก็....ok !
Taxi ที่มันเลวๆ
มันไม่ใช่อะไรหรอกครับ คือ..การศึกษา กับเหตุผล เค้าไม่มีไงครับ
ตรงนี้..ผมจะพูดในแง่ของความนึกคิดของ Taxi ทั่วๆ ไป นะครับ
เพราะตัวผมเอง ถ้าใครได้ติดตาม หรือรู้จัก ก็จะรู้ว่าผมทำอะไรไปบ้างให้กับสังคม
พอผมมาขับ Taxi ผมก็จะสนุกกับมัน
และที่สำคัญ
พระโบกรถ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ตรงไหน ผมจะปิดมิเตอร์ทันที
พอพระถาม ว่า..ทำไมโยมถึงทำแบบนี้
ผมก็อธิบายไปเรื่อยเปื่อย ว่า...ผมชอบลุยเรื่องบริจาค และช่วยเหลือคนยากไร้มาเยอะ
ถึงตอนนี้...ทั้งในคอ ทั้งในรถ...มีพระอยู่หลายองค์พอสมควร 555
คนท้อง !
ไม่ว่าปลายทางอยู่ที่ไหน
พอเค้าจะจ่ายเงิน...ผมก็บอกว่า...”ผมขอคิดเงินครึ่งหนึ่ง”
และผมก็อธิบายไปแบบคร่าวๆ จากนั้น เค้าก็ยกมือไหว้
บางคนก็จดทะเบียนรถไปอีก !
และที่สำคัญ
พอผมช่วยลักษณะแบบนี้ออกไป
ไปไหน-มาไหน พอส่งลูกค้าเสร็จ มักจะไม่ค่อยเกิน 1 กม. ก็จะมีรายใหม่เรียกอีก
Taxi ทั่วๆ ไป
มักจะเป็นคนที่เดือดร้อนเรื่องเงินกันซะส่วนใหญ่
แต่ก็อย่างว่า...ลำพังตัวผมเอง ผมก็ไม่ค่อยจะมีปัญหา
มันก็เลยมีความนึกคิดที่ไม่เหมือนกัน
มันพูดยากครับ ! เพราะสามัญสำนึกของแต่ละคน มันมีไม่เหมือนกัน
ผมคิดว่า...อีก 10 ปี 20 ปี ข้างหน้า
มันก็จะเป็นแบบเนี่ยแหละ ไปเรื่อยๆ 555
คันที่ดีๆ มันก็มี
จะสังเกตุได้ง่ายๆ คือ....เวลาที่ใครลืมเป๋าตังค์ หรือของมีค่าไว้ในรถ
คันๆ นั้น ก็จะนำไปคืนให้ที่ จส100 หรือ สวพ91
แต่ไอ้พวกที่เงียบกริบ.....มีมากกว่าแน่นอน
มันขึ้นอยู่ที่ว่า...เพื่อนๆ สมาชิก จะไปเจอคนขับแบบไหน..เท่านั้นเอง
ขอให้โชคดีนะครับ
แสดงความคิดเห็น
รู้กันรึยัง Taxi สุวรรณภูมิ มิเตอร์เริ่มต้น 75บาทแล้ว(หรือครับ???)
นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่ผมรู้จัก (พูดไทยได้) ขึ้นTaxi สีเขียว-เหลือง ทะเบียน xx-796 จากคิวรถที่ สนามบินชื่อดังในประเทศไทย
พอขึ้นรถปุ๊บ คนขับก็ได้ขอใบเรียกคิวไปทั้งหมด ผมไม่แน่ว่าปกติจะมีส่วนหนึ่งให้ผู้โดยสารเก็บไว้เป็นหลักฐานรึเปล่า
พอรอรถปุ๊บ คนญี่ปุ่นเค้าก็มองหามิเตอร์ แต่มองไม่เห็น จึงถามคนขับ
สรุปว่าคนขับเอาผ้าบังอยู่ พอเปิดผ้าขึ้นมามิเตอร์อยู่ที่75บาทแล้ว
จึงถามไปยังคนขับ คนขับแจ้งว่าเป็นกฏหมายใหม่ที่ปรับราคามาเป็น75บาทแล้ว
ซึ่งราคานี้ ยังไม่รวม 50บาทที่ชาร์ตเพิ่มตามธรรมเนียนที่รับจากสนามบิน
คลิปด้านล่างเป็นคลิปที่ถ่ายตอนเกือบๆจะถึงปลายทางแล้ว เนื่องจากคนญี่ปุ่น พยายามติดต่อและสอบถามคนอื่นๆเพื่อเช็คข้อมูลว่าปรับเป็น75จริงหรือไม่
ได้คำแนะนำว่า ให้ถ่ายรูปทะเบียนรถ และ ถ่ายคลิปยืนยันคำพูดของคนขับเพื่อเป็นหลังกฐาน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในคลิป คนขับอ้างว่า ราคาเริ่มต้น airport taxi ได้ปรับเป็น 75 บาท ตั้งแต่เดือน ธันวาคม จำนวน ประมาณ10,000คัน จาก 80,000-100,000คัน
พอคนญี่ปุ่นบอกคนขับว่าจะขอถ่ายรูปกับคลิปวีดีโอ คนขับก็ไม่อยากให้ถ่ายไปเท่าไร
และบอกว่า เค้าก็เป็นข้าราชการ ทหาร+ตำรวจ(เป็นตั้ง2อย่างเลย)
พอคุยไปคุยมา คนขับบอกจะลดให้ ทุกอย่างจะได้จบกันไป(ใจดีจัง)
ลดส่วนที่เกินขึ้นมา 35บาท จะได้เป็นราคาปกติ แล้วค่อยบวกอีก50บาท ซึ่งเป็นค่าชาร์ตเพิ่มจากสนามบิน
ก็เหมือนกับว่าจ่ายตามราคา ปกติ
แต่ในความคิดผม ผมก็ว่ามันยังไม่แฟร์อยู่ดี มิเตอร์ที่เริ่มมาเป็น 75บาทเลยเนี่ย
ไม่รู้ว่าคนขับกดเปิดมิเตอร์ตั้งแต่เมื่อไร วิ่งมากี่กิโลแล้ว
เท่าที่จำได้ ระยะทางยิ่งไกล กิโลเมตรหลังๆจะยิ่งแพงขึ้น
พึ่งมีข่าวฉาวไปไม่นาน ยังไม่ทันไรเลยนะครับเนี่ย ผมว่าทางการควรจะจริงจังและก็ตั้งบทลงโทษให้หนักข้อกว่านี้หน่อย
ยึดใบขับขี่สาธราณะ 3-5ปี หรือจะปรับเท่าไรก็ว่ากันไป
แล้วอย่างในกรณีทำอะไรได้บ้างมั้ยครับ....