เดือนมกราคม 2015 มาถึง หัวใจดิชั้นก็พองโต หลังจากเฝ้ารอการตามรอยเสือโคร่ง (ดอกนางพญาเสือโคร่ง) มาร่วมปี
ต้องเกริ่นก่อนนะคะดิชั้นจำได้ว่าเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว ดิชั้นเฝ้ามองหน้า feed ทั้ง Instagram ทั้ง facebook ซึ่งมีแต่สีชมพู
ด้วยสายตาลุกวาว จนต้องบอกกับตัวเองว่ารอไม่ได้แล้ว ตั๋วอยู่ไหน ต้องไปเลยซินะถึงจะทัน และเพื่อนคนไหนพร้อมจะไปทันที
ชั้นจะไป ชั้นจะไป ชั้นจะไป สรุป ... มีงานเข้าด่วน (อดซิคะ!!!)
หลังจากนั้นมาดิชั้นก็ทำการบ้านใหม่โดยเริ่มแพลนช่วงที่ดูมาจากหลายปีว่าดอกนางพญาเสือโคร่งจะบานสะพรั่งสุดในช่วงไหน
เพื่อไม่ไปก่อนหรือไปช้าเกินไป ซึ่งดิชั้นได้ฤกษ์งามยามดีมาเป็นช่วงกลางเดือนมกราคม และก็นำฤกษ์ที่ได้แจ้งกับชาวคณะเพื่อ
ให้เตรียมความพร้อม เรียกได้ว่าตื่นเต้นข้ามปีเลยทีเดียว หลังจากนั้นเดือนมีนาคม ฤดูกาลแห่งตั๋วโปรโมชั่นสายการบินมาถึง
ดิชั้นไม่รอช้าค่ะ จองซิคะได้ตั๋วมาในราคา ไป-กลับ 2,400 บาท (ถูกตรงไหนค๊า เพื่อนดิชั้นจองตามทีหลังก่อนเดินทาง 2 เดือน
ได้แพงกว่าแค่ 200 บาท ปวดใจ 555) และก็เฝ้ารอการมาอันยาวน๊านนานของมกราคม 2558 ......
เหมือนเดิมค๊า เริ่มจากแผนการเดินทางของพวกเราก่อนนะคะ :
- ทริปนี้มีเพื่อนร่วมเดินทาง 7 คนค่ะ (มีเพื่อนร่วมหารเงินเยอะดีค่ะ ช๊อบ ชอบ)
กำหนดการ ( 4 วัน 3 คืน ) :
วันที่ 1 : กรุงเทพ - ตัวเมืองเชียงใหม่
20.35 น. เราออกเดินทางโดยสายการบิน Air Asia เดินทางสู่จังหวัดเชียงใหม่ค่ะเข้าพักคืนแรกเป็นที่พักน่ารัก ใกล้สนามบิน
สไตล์คอนเทนเนอร์ ณ Snooze Box Hotel หน้าปากซอยที่พักของกินเพี๊ยบค่ะ
วันที่ 2 : ตัวเมืองเชียงใหม่ – ดอยสุเทพ – ขุนช่างเคี่ยน – ดอยอ่างขาง
07.00 น. เราเริ่มเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปยังเป้าหมายแรกของเราค่ะ คือมุ่งตรงสู่ สถานีวิจัยเกษตรขุนช่างเคี่ยน
โดยใช้เส้นทางผ่านดอยสุเทพ ดอยปุย เข้าสู่ขุนช่างเคี่ยน (ณ ตรงจุดนี้เราเปลี่ยนจากรถตู้เป็นรถแดงท้องถิ่นตรงดอยสุเทพ
เนื่องจากเส้นทางจะค่อนข้างแคบเมื่อจะเข้าสู่ขุนช่างเคี่ยน การใช้รถแดงท้องถิ่นจะสะดวกและปลอดภัยกว่า)
09.00 น. หลังจากสูดโอโซนบ้าง ดินลูกรังบ้าง เราก็มาถึงจุดแรกค่ะ แค่เห็นซุ้มแรกของดอกพญาเสือโคร่งก็ตื่นเต้นเหลือเกิน
(แช๊ะรูปเป็นร้อย 555) ซึ่งเราลงเดินไปเรื่อย ๆ ค่ะ จนถึงสถานีวิจัย ฟินส์ค่ะฟินส์จะฟินส์มากเลยค่ะถ้าไม่ต้องฟินส์ไปกระโดดหลบรถไป
12.00 น. เราลงจากขุนช่างเคี่ยน มาแวะกราบนมัสการพระธาตุดอยสุเทพ ขอพร เอาฤกษ์เอาชัยให้กับสิ่งดี ๆ ในชีวิตกับปี 2015
หลังจากนั้นเราก็ดิ่งตรงสู่ดอยอ่างขาง
17.00 น. เราเดินทางถึง ดอยอ่างขาง อากาศหนาวเย็นเช่นเคย ตลอดทางที่รถวิ่งผ่านมีซุ้มนางพญาเสือโคร่งสีชมพูต้อนรับบนถนนเป็นระยะ ๆ
คืนนี้เราพัก ณ อ่างขางเลาติงรีสอร์ท ค่ะ เคยมาพักที่นี่ครั้งหนึ่งแล้วรู้สึกอยู่ในตลาด สะดวกสบายดี หิวเมื่อไหร่วิ่งออกหาของกินได้ตลอดเวลา
วันที่ 3 : ดอยอ่างขาง – ม่อนแจ่ม – ตัวเมืองเชียงใหม่
05.00 น. เราตื่นแต่เช้ามืดออกไปรอการมาของดวงตะวัน ฯ จุดชมวิวม่อนสน ไกลจากตัวตลาดอ่างขางประมาณ 3 กิโล มีมวลมหาประชาชน
มาตั้งเต้นท์นอนมากมายเลยค่ะ
07.00 น. หลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เราเดินทางต่อไปยัง ไร่ชา 2000 มาที่นี่แล้วรับโอโซนกลางขุนเขาเต็ม ๆ ค่ะงดงามตามธรรมชาติจริง ๆ
09.00 น. หลังจากนั้นมาต่อที่ ไร่สตอเบอร์รี่อ่างขาง ไม่ไกลจากไร่ชามากค่ะ ช่วงนี้ของแถมของการมาชมไร่สตอเบอร์รี่ คือทิวดอกนางพญาเสือโคร่ง
สีชมพูงดงามมาก
12.00 น. เราเดินทางเข้าสู่พื้นที่อุทยานเพื่อนไปชมแปลงบ๊วย และชมดอกไม้นานาพันธุ์และออกเดินทางกลับสู่ตัวเมือง
16.00 น. ก่อนกลับเข้าตัวเมืองเราเลี้ยวขวาขึ้นแม่ริม มาชมพระอาทิตย์ตกดิน ณ ม่อนแจ่มสักหน่อย คืนนี้เราพักในเมืองค่ะ ณ The Artel Nimman
วันที่ 4 : ตัวเมืองเชียงใหม่ - ขุนวาง ดอยอินทนนท์
07.00 น. เราตื่นมาหาของกินแถวตลาดต้นพยอมค่ะ หลังจากนั้นก็ออกดเดินทางมุ่งหน้าสู่ดอยอินทนนท์ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
10.00 น. เราก็เดินทางสู่พื้นที่ ขุนวาง ที่นี่ดอกนางพญาเสือโคร่งกำลังบานเต็มที่เลยค่ะ แต่มีมวลมหาประชาชนหนาแน่นเช่นเคยค่ะ แบ่ง ๆ กันเที่ยว
แบ่ง ๆ กัน ชื่นชมความสวยงามค่ะ เราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานเลยทีเดียวค่ะ
13.00 น. เดินทางออกจากขุนวางแวะซื้อของฝากตรงตลาดม้งค่ะ และก็แวะนมัสการพระธาตุจอมทอง ก่อนกลับเข้าไปร่อนในเมืองค่ะ
ค่าใช้จ่ายหลัก :
ค่าที่พักแต่ละที่ราคาประมาณ 1,000 - 1,500 บาทค่ะ (ดิฉันชอบที่พักแนวชิคค์หน่อย ๆ อบอุ่น ๆ ไม่เป็นทางการมาก)
ค่าเช่ารถตู้ : ใช้บริการ Chom Car Rent เชียงใหม่ค่ะ ราคาวันละ 1,800 บาท ไม่รวมค่าน้ำมันและทริปคนขับ (แล้วแต่จะให้ค่ะ)
ค่าน้ำมันรถตู้ : 3 วันที่ผ่านมาตามเส้นทางค่าน้ำมัน 1,900 บาทค่ะ
ค่ารถสองแถว : จากดอยสุเทพขึ้นไปขุนช่างเคี่ยน คนละ 300 บาท
ช่วงอยากบอกต่อ :
- ขุนช่างเคี่ยน ใช้เส้นทางดอยสุเทพ วิ่งเลยไปประมาณ 10 กิโล จะผ่านทางไปดอยปุย แล้วจะเริ่มเข้าพื้นที่สถานีวิจัย
ดอยอ่างขาง เส้นทางคดเคี้ยว ชันมากเป็นบางช่วง ควรให้ผู้เชี่ยวชาญพาขึ้นไปค่ะ ดอกนางพญาเสือโคร่งจะมีตามถนนเป็นระยะ ๆ ค่ะ
ซึ่งตามจุดชมวิวก็จะมีเรียงรายมากหน่อย สวยเลยทีเดียวค่ะ
ขุนวาง ใช้เส้นทางดอยอินทนนท์ค่ะ จะแยกขวาก่อนถึงตลาดม้ง เลี้ยวไปเส้นทางมีคอเคี้ยวพอสมควร ไปจากแยกประมาณ 10 กิโลได้
- ถ้าเดินทางหลายคน การเช่ารถตู้ส่วนตัว เพื่อพาไปตามจุดต่าง ๆ จะทำให้เราสะดวกสบายในการเดินทางมากค่ะ และก็เป็นไปตามเวลาด้วย
- การไปชมนางพญาเสือโคร่งบางจุด เช่น ขุนช่างเคี่ยน เส้นทางเมื่อใกล้ถึงค่อนข้างแคบมากกกก ถ้าไม่เซียนทางหรือรถตู้บางครั้งคันใหญ่
อาจต้องเปลี่ยนเป็นรถสองแถวท้องถิ่น เพื่อให้สะดวกต่อการเดินทางมากกว่า
- การเดินทางจากกรุงเทพ จองตั๋วเครื่องบินขาไปช่วงกลางคืน เพราะเพื่อน ๆ จะได้ไม่ต้องลางานและไม่เหนื่อยเกินไปสำหรับ
การเดินทางในวันรุ่งขึ้น (พูดแล้วดูดี ที่จริงแล้วช่วงเวลายิ่งดึก ตั๋วยิ่งถูกต่างหากละคะ 555)
- มอเตอร์ไซค์ขึ้นได้รึเปล่าาา !! ทุกจุดเห็นมีมอเตอร์ไซค์ขึ้นได้นะคะ แต่เส้นทางเอาเรื่องเลยทีเดียว ควรจะมีความเชี่ยวชาญในการขี่มอเตอร์ไซค์
มากกกเลยทีเดียว และควรมีน้ำมันสำรองไว้ที่รถด้วยเพราะเส้นทางแต่ละที่นี่ค่อนข้างไกลเหมือนกัน
[CR] เมื่อดอกนางพญาเสือโคร่งบาน ฤดูกาลเปลี่ยนเป็นสีชมพู 2015
เดือนมกราคม 2015 มาถึง หัวใจดิชั้นก็พองโต หลังจากเฝ้ารอการตามรอยเสือโคร่ง (ดอกนางพญาเสือโคร่ง) มาร่วมปี
ต้องเกริ่นก่อนนะคะดิชั้นจำได้ว่าเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว ดิชั้นเฝ้ามองหน้า feed ทั้ง Instagram ทั้ง facebook ซึ่งมีแต่สีชมพู
ด้วยสายตาลุกวาว จนต้องบอกกับตัวเองว่ารอไม่ได้แล้ว ตั๋วอยู่ไหน ต้องไปเลยซินะถึงจะทัน และเพื่อนคนไหนพร้อมจะไปทันที
ชั้นจะไป ชั้นจะไป ชั้นจะไป สรุป ... มีงานเข้าด่วน (อดซิคะ!!!)
หลังจากนั้นมาดิชั้นก็ทำการบ้านใหม่โดยเริ่มแพลนช่วงที่ดูมาจากหลายปีว่าดอกนางพญาเสือโคร่งจะบานสะพรั่งสุดในช่วงไหน
เพื่อไม่ไปก่อนหรือไปช้าเกินไป ซึ่งดิชั้นได้ฤกษ์งามยามดีมาเป็นช่วงกลางเดือนมกราคม และก็นำฤกษ์ที่ได้แจ้งกับชาวคณะเพื่อ
ให้เตรียมความพร้อม เรียกได้ว่าตื่นเต้นข้ามปีเลยทีเดียว หลังจากนั้นเดือนมีนาคม ฤดูกาลแห่งตั๋วโปรโมชั่นสายการบินมาถึง
ดิชั้นไม่รอช้าค่ะ จองซิคะได้ตั๋วมาในราคา ไป-กลับ 2,400 บาท (ถูกตรงไหนค๊า เพื่อนดิชั้นจองตามทีหลังก่อนเดินทาง 2 เดือน
ได้แพงกว่าแค่ 200 บาท ปวดใจ 555) และก็เฝ้ารอการมาอันยาวน๊านนานของมกราคม 2558 ......
เหมือนเดิมค๊า เริ่มจากแผนการเดินทางของพวกเราก่อนนะคะ :
- ทริปนี้มีเพื่อนร่วมเดินทาง 7 คนค่ะ (มีเพื่อนร่วมหารเงินเยอะดีค่ะ ช๊อบ ชอบ)
กำหนดการ ( 4 วัน 3 คืน ) :
วันที่ 1 : กรุงเทพ - ตัวเมืองเชียงใหม่
20.35 น. เราออกเดินทางโดยสายการบิน Air Asia เดินทางสู่จังหวัดเชียงใหม่ค่ะเข้าพักคืนแรกเป็นที่พักน่ารัก ใกล้สนามบิน
สไตล์คอนเทนเนอร์ ณ Snooze Box Hotel หน้าปากซอยที่พักของกินเพี๊ยบค่ะ
วันที่ 2 : ตัวเมืองเชียงใหม่ – ดอยสุเทพ – ขุนช่างเคี่ยน – ดอยอ่างขาง
07.00 น. เราเริ่มเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปยังเป้าหมายแรกของเราค่ะ คือมุ่งตรงสู่ สถานีวิจัยเกษตรขุนช่างเคี่ยน
โดยใช้เส้นทางผ่านดอยสุเทพ ดอยปุย เข้าสู่ขุนช่างเคี่ยน (ณ ตรงจุดนี้เราเปลี่ยนจากรถตู้เป็นรถแดงท้องถิ่นตรงดอยสุเทพ
เนื่องจากเส้นทางจะค่อนข้างแคบเมื่อจะเข้าสู่ขุนช่างเคี่ยน การใช้รถแดงท้องถิ่นจะสะดวกและปลอดภัยกว่า)
09.00 น. หลังจากสูดโอโซนบ้าง ดินลูกรังบ้าง เราก็มาถึงจุดแรกค่ะ แค่เห็นซุ้มแรกของดอกพญาเสือโคร่งก็ตื่นเต้นเหลือเกิน
(แช๊ะรูปเป็นร้อย 555) ซึ่งเราลงเดินไปเรื่อย ๆ ค่ะ จนถึงสถานีวิจัย ฟินส์ค่ะฟินส์จะฟินส์มากเลยค่ะถ้าไม่ต้องฟินส์ไปกระโดดหลบรถไป
12.00 น. เราลงจากขุนช่างเคี่ยน มาแวะกราบนมัสการพระธาตุดอยสุเทพ ขอพร เอาฤกษ์เอาชัยให้กับสิ่งดี ๆ ในชีวิตกับปี 2015
หลังจากนั้นเราก็ดิ่งตรงสู่ดอยอ่างขาง
17.00 น. เราเดินทางถึง ดอยอ่างขาง อากาศหนาวเย็นเช่นเคย ตลอดทางที่รถวิ่งผ่านมีซุ้มนางพญาเสือโคร่งสีชมพูต้อนรับบนถนนเป็นระยะ ๆ
คืนนี้เราพัก ณ อ่างขางเลาติงรีสอร์ท ค่ะ เคยมาพักที่นี่ครั้งหนึ่งแล้วรู้สึกอยู่ในตลาด สะดวกสบายดี หิวเมื่อไหร่วิ่งออกหาของกินได้ตลอดเวลา
วันที่ 3 : ดอยอ่างขาง – ม่อนแจ่ม – ตัวเมืองเชียงใหม่
05.00 น. เราตื่นแต่เช้ามืดออกไปรอการมาของดวงตะวัน ฯ จุดชมวิวม่อนสน ไกลจากตัวตลาดอ่างขางประมาณ 3 กิโล มีมวลมหาประชาชน
มาตั้งเต้นท์นอนมากมายเลยค่ะ
07.00 น. หลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เราเดินทางต่อไปยัง ไร่ชา 2000 มาที่นี่แล้วรับโอโซนกลางขุนเขาเต็ม ๆ ค่ะงดงามตามธรรมชาติจริง ๆ
09.00 น. หลังจากนั้นมาต่อที่ ไร่สตอเบอร์รี่อ่างขาง ไม่ไกลจากไร่ชามากค่ะ ช่วงนี้ของแถมของการมาชมไร่สตอเบอร์รี่ คือทิวดอกนางพญาเสือโคร่ง
สีชมพูงดงามมาก
12.00 น. เราเดินทางเข้าสู่พื้นที่อุทยานเพื่อนไปชมแปลงบ๊วย และชมดอกไม้นานาพันธุ์และออกเดินทางกลับสู่ตัวเมือง
16.00 น. ก่อนกลับเข้าตัวเมืองเราเลี้ยวขวาขึ้นแม่ริม มาชมพระอาทิตย์ตกดิน ณ ม่อนแจ่มสักหน่อย คืนนี้เราพักในเมืองค่ะ ณ The Artel Nimman
วันที่ 4 : ตัวเมืองเชียงใหม่ - ขุนวาง ดอยอินทนนท์
07.00 น. เราตื่นมาหาของกินแถวตลาดต้นพยอมค่ะ หลังจากนั้นก็ออกดเดินทางมุ่งหน้าสู่ดอยอินทนนท์ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
10.00 น. เราก็เดินทางสู่พื้นที่ ขุนวาง ที่นี่ดอกนางพญาเสือโคร่งกำลังบานเต็มที่เลยค่ะ แต่มีมวลมหาประชาชนหนาแน่นเช่นเคยค่ะ แบ่ง ๆ กันเที่ยว
แบ่ง ๆ กัน ชื่นชมความสวยงามค่ะ เราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานเลยทีเดียวค่ะ
13.00 น. เดินทางออกจากขุนวางแวะซื้อของฝากตรงตลาดม้งค่ะ และก็แวะนมัสการพระธาตุจอมทอง ก่อนกลับเข้าไปร่อนในเมืองค่ะ
ค่าใช้จ่ายหลัก :
ค่าที่พักแต่ละที่ราคาประมาณ 1,000 - 1,500 บาทค่ะ (ดิฉันชอบที่พักแนวชิคค์หน่อย ๆ อบอุ่น ๆ ไม่เป็นทางการมาก)
ค่าเช่ารถตู้ : ใช้บริการ Chom Car Rent เชียงใหม่ค่ะ ราคาวันละ 1,800 บาท ไม่รวมค่าน้ำมันและทริปคนขับ (แล้วแต่จะให้ค่ะ)
ค่าน้ำมันรถตู้ : 3 วันที่ผ่านมาตามเส้นทางค่าน้ำมัน 1,900 บาทค่ะ
ค่ารถสองแถว : จากดอยสุเทพขึ้นไปขุนช่างเคี่ยน คนละ 300 บาท
ช่วงอยากบอกต่อ :
- ขุนช่างเคี่ยน ใช้เส้นทางดอยสุเทพ วิ่งเลยไปประมาณ 10 กิโล จะผ่านทางไปดอยปุย แล้วจะเริ่มเข้าพื้นที่สถานีวิจัย
ดอยอ่างขาง เส้นทางคดเคี้ยว ชันมากเป็นบางช่วง ควรให้ผู้เชี่ยวชาญพาขึ้นไปค่ะ ดอกนางพญาเสือโคร่งจะมีตามถนนเป็นระยะ ๆ ค่ะ
ซึ่งตามจุดชมวิวก็จะมีเรียงรายมากหน่อย สวยเลยทีเดียวค่ะ
ขุนวาง ใช้เส้นทางดอยอินทนนท์ค่ะ จะแยกขวาก่อนถึงตลาดม้ง เลี้ยวไปเส้นทางมีคอเคี้ยวพอสมควร ไปจากแยกประมาณ 10 กิโลได้
- ถ้าเดินทางหลายคน การเช่ารถตู้ส่วนตัว เพื่อพาไปตามจุดต่าง ๆ จะทำให้เราสะดวกสบายในการเดินทางมากค่ะ และก็เป็นไปตามเวลาด้วย
- การไปชมนางพญาเสือโคร่งบางจุด เช่น ขุนช่างเคี่ยน เส้นทางเมื่อใกล้ถึงค่อนข้างแคบมากกกก ถ้าไม่เซียนทางหรือรถตู้บางครั้งคันใหญ่
อาจต้องเปลี่ยนเป็นรถสองแถวท้องถิ่น เพื่อให้สะดวกต่อการเดินทางมากกว่า
- การเดินทางจากกรุงเทพ จองตั๋วเครื่องบินขาไปช่วงกลางคืน เพราะเพื่อน ๆ จะได้ไม่ต้องลางานและไม่เหนื่อยเกินไปสำหรับ
การเดินทางในวันรุ่งขึ้น (พูดแล้วดูดี ที่จริงแล้วช่วงเวลายิ่งดึก ตั๋วยิ่งถูกต่างหากละคะ 555)
- มอเตอร์ไซค์ขึ้นได้รึเปล่าาา !! ทุกจุดเห็นมีมอเตอร์ไซค์ขึ้นได้นะคะ แต่เส้นทางเอาเรื่องเลยทีเดียว ควรจะมีความเชี่ยวชาญในการขี่มอเตอร์ไซค์
มากกกเลยทีเดียว และควรมีน้ำมันสำรองไว้ที่รถด้วยเพราะเส้นทางแต่ละที่นี่ค่อนข้างไกลเหมือนกัน