คำตอบนี้ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเล่นหุ้นและแนวทางการลงทุนของเราเฉพาะตัว ผมบอกได้ว่าการเล่นหุ้นมันไม่ได้เหมือนกับการพนันไปทั้งหมด
การพนันเองก็มีระบบที่เราจะต้องปรับปรุงในแต่ละเกม ในขณะที่การเล่นหุ้นจะเป็นการเล่นที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเจ้ามือหรือตลาดจะมีแนวทางการเล่นหุ้นยังไงบ้าง
หากเรามีการทดลองวินัยและกลยุทธ์การเล่นหุ้นของตัวเอง เราก็สามารถทำกำไรได้ อย่างไรก็ตามหากเราเล่นหุ้นแบบมั่วๆ ก็จะทำให้เราพบกับความเจ็บปวด
บทความนี้ลองมาดู 8 สัญญาณที่บ่งบอกว่าเราเล่นแบบนักพนันและไม่ได้เล่นแบบนักลงทุน
1.เราเล่นหุ้นแบบทุ่มหมดตัวหรือเปล่า?
ขึ้นอยู่กับเงินในบัญชีของเราและหุ้นที่เราเล่น โดยเราจะต้องรู้ด้วยว่าตัวเองเล่นมากเกินไปแล้วหรือไม่
ตอนนี้หากเราเล่น Day Trade เราก็ควรที่จะประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนทุกๆครั้งในการเล่นหุ้นและบริหารจัดการเงินแต่ละครั้งให้ดีๆ
หากเราพบว่าตัวเองเล่นหุ้นหมดตัว ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า เราใช้ความเสี่ยงโดยไม่จำเป็นที่จะหวังว่าได้กำไรก้อนโตชั่วข้ามคืน ตัวอย่างนี้ก็มาจากการที่เรามีเงินในบัญชีทั้งหมดแล้วใส่ในหุ้นเพียงครั้งเดียว
ก่อนหน้านี้ผมเองก็ไม่สามารถควบคุมเงินตัวเองได้ในแต่ละปีในการสร้างเงินเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นผมจึงคิดว่าจะต้องทุ่มเงินหมดหน้าตักไปกับหุ้นปั่นหลายๆตัว ก่อนที่ผมจะวางเงิน ผมก็วางแผน แต่จริงๆแล้วเป็นแผนที่จะทำกำไรให้ได้ก้อนโตมากกว่า
หากผมยังดื้อด้านทำแบบนี้อยู่ ผมก็ต้องเจอแรงเหวี่ยงกับความกลัว เพราะผมได้เสี่ยงชีวิตแบบนี้อยู่ทุกๆวัน ผมรู้สึกแย่ที่หุ้นลงเพียงแค่จุดเดียวแล้วก็ตั้งความหวังว่าจะได้กำไร 5-10 เท่า เป็นความกลัวที่ผมจะต้องย้อนกลับไปดูตัวเอง
เรารู้ตัวหรือเปล่าว่าการเดิมพันหมดตัวนั้นมันแย่แค่ไหน หากรู้ ก็เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าตัวเราเป็นนักพนัน
2.เรารู้ตัวว่าตัวเองใช้เงินมากเกินไป?
บ่อยครั้งที่การพนันจะทำให้เราพยายามดิ้นรนออกจากหลุม ส่วนใหญ่ก็มักจะฝังหลุมทางการเงินให้กับเรา
ไม่สำคัญหรอกว่าเราเป็นเทรดเดอร์ที่ดีแค่ไหน เราก็จะต้องเผชิญหน้าแบบเดียวกัน ทำให้เราไม่สามารถเอาชนะได้ เทรดเดอร์ที่ฉลาดจะหยุดเล่นในแต่ละช่วงเวลาหรือเริ่มต้นด้วยวงเงินน้อยๆจนกว่าพวกเขาจะเล่นหุ้นได้ดีขึ้น
หากเราพบว่าตัวเองเล่นหุ้นจำนวนมากเกินไป เราก็ต้องวางเส้นทางใหม่ระหว่างการพนันกับการลงทุนให้ดีๆ
ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมเล่น Day Trade อยู่และตลาดหุ้นมันก็ปรับตัวลดลงอย่างหนักในช่งง 11 โมง แทนที่ผมจะวางเงินน้อยๆหรือหยุดเล่นไปเลยในวันนั้น ผมตัดสินใจว่าจะต้องเอาชนะตลาดหุ้นให้ได้ ผมก็เริ่มวางเงินมากขึ้น จนสุดท้ายถูกย่างสดทั้งเป็น
ผมคิดว่าผมอาจจะต้องวางเงินใหม่ ผมจะต้องพูดอยู่เสมอว่า ตัวเองทำอะไรอยู่
ผมอาจจะใช้เวลาไม่กี่วันในการวางเงินจำนวนมาก แต่ผมก็รู้ว่าตัวเองเป็นนักพนัน เราจะต้องสังเกตตัวเองว่า กำลังวางเงินเล่นหุ้นมากเกินไปหรือไม่
การเล่นด้วยเงินจำนวนมากก็ไม่ต่างกับนักพนัน ที่เราจะต้องแก้ปัญหาตรงนี้
3.เรากู้เงินเล่นหุ้นหรือไม่?
ไม่สถานการณ์ไหนคิดดีแล้วว่าจะต้องกู้เงินเข้ามาเล่นหุ้นทุกๆครั้ง คิดเหรอว่ากู้เงินแล้วเราจะควบคุมวงเงินตัวเองได้ แล้วทำไมเราจะต้องกู้เงินเพิ่มด้วยล่ะ?
คำตอบง่ายก็คือ ความโลภของเราและความงี่เง่าที่อยากจะรวยเร็ว
ลองตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อนว่า
1.เราใช้บัตรเครดิตในชีวิตประจำวันด้วยหรือเปล่า
2.เราใช้เงินคงเส้นคงวาหรือไม่
3.เรากู้เงินให้คนที่เรารักหรือไม่?
หากเราค้นพบคำตอบแล้ว ก็หยุดทำเสียและเอาเงินกู้กลับคืนไป เพราะมันไม่ใช่เงินของเราจริงๆ
นี่ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้เราขาดทุนจนเป็นหนี้ แต่เราไม่ควรที่จะปล่อยให้ตลาดหุ้นทำให้เราเป็นหนี้ในการเล่นหุ้น หากเราทำกำไรไม่ได้ด้วยเงินของตัวเอง แล้วคิดเหรอว่าจะทำกำไรได้ด้วยการกู้เงิน? มันไม่ได้อยู่การทำกำไรก้อนโต แต่มันอยู่การเล่นหุ้นอย่างชาญฉลาดของเราต่างหาก
4.เรามีอารมณ์เหวี่ยงไปมาหรือไม่?
สัญญาณหลักๆที่บ่งบอกความเป็นนักพนันก็คือ อารมณ์ที่เหวี่ยงไปมา แต่ละคนวันหนึ่งก็ต้องเจออารมณ์ที่เหวี่ยงไปมามากและจากนั้นก็ต้องเจอกับความกดดันตามมาในอนาคต พฤติกรรมแบบนี้มาจากที่เราคิดว่า เราจะต้องได้รับชัยชนะก้อนโตไปทุกๆครั้ง แล้วพอเจอกับความพ่ายแพ้ความกดดันก็ต้องมาอย่างท่วมถ้น
การเล่นหุ้นไม่ได้คิดแบบธุรกิจอย่างเดียว เราจะต้องพบว่าตัวเองกำลังหลีกเลี่ยงทำในสิ่งดีๆหรือไม่ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเจออะไรบ้าง
การเล่นหุ้นไม่ควรที่จะทำให้อารมณ์ของเราได้รับผลกระทบไปด้วย นี่เป็นสัญญาณที่ดีของเทรดเดอร์ที่ดี ทำให้เราใช้ทักษะความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ทั้งความกลัวและความโลภ
5.เรามีกฎวินัยในการเล่นหุ้นหรือไม่?
การเล่นหุ้นจะต้องมีกฎควบคุมแนวทางของเราเสมอ สามารถประยุกต์กับตลาดหุ้นได้ เพราะตลาดหุ้นมันก็เป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งที่เป็นรูปธรรม ที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่ามันจะเคลื่อนไหวยังไงต่อไป
แต่ละครั้งหากเราทำลายกฎของตัวเอง เราก็มีปัญหาเข้าให้แล้ว เป็นสัญญาณที่บอกว่าเราไม่ได้สนใจผลลัพธ์ที่ออกมาว่าจะเป็นยังไง
พฤติกรรมแบบนี้ก็ไม่ต่างกับนักพนันที่ไม่สนใจโลกอะไรทั้งนั้น แต่ขอให้ทำกำไรให้มากที่สุดก็เพียงพอแล้ว
แล้วแบบนี้เราจะไปหวังให้เล่นหุ้นได้ดีอีกหรือ?
6.เราคิดว่าตลาดหุ้นเป็นศูนย์กลางจักรวาลหรือเปล่า?
หลายคนอาจจะงง เพราะผมเคยบอกไว้แล้วว่า ผมเป็นคนที่ลุ่มหลงกับการเล่นหุ้น เราจะเข้าใจหากว่าเราฝันถึงกราฟหุ้นในแต่ละคืน
เมื่อผมถามว่าตลาดหุ้นเป็นศูนย์กลางของจักรวาลหรือไม่นั้น เราก็รู้ตัวแล้วว่า ตัวเองคิดแบบนี้อยู่หรือเปล่า
หากเราพบว่าตัวเองมีความปรารถนาเล็กๆในชีวิต เราก็สามารถลดความคิดที่ว่าตลาดหุ้นเป็นศูนย์กลางของจักรวาลได้ แล้วก็หันมาทำความเข้าใจกับตลาดหุ้นใหม่
ก็คล้ายๆกับนักพนันที่โฟกัสว่า โลกนี้มีแค่การพนันเป็นศูนย์กลางจักรวาล เราเองก็ควรที่จะปรับความคิดเสียใหม่
7.เราไม่เคยยอมรับปัญหาต่างๆเลยใช่ไหม?
หากเราเล่นหุ้นได้แย่ อย่างน้อยก็ต้องรู้ความจริงก่อนว่าปัญหามาจากอะไร หากเราแต่งงานกับคู่ชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตามทั้งความรักที่มีต่อกันหรือมีอะไรที่เหมือนๆกัน พวกเขาก็ต้องรู้ด้วยว่าตัวเองกำลังแชร์ปัญหาที่มีให้แก่กันและกันอยู่
หากคู่ชีวิตของเราหรือเพื่อนของเราได้เผชิญหน้ากับความสูญเสีย ก็แน่นอนว่าจะต้องรู้สึกไม่สบายใจด้วยเหมือนกัน แต่ความรู้สึกแบบนี้เราก็สามารถแก้ไขปัญหาได้เช่นกัน
เมื่อเทรดเดอร์ได้เผชิญกับการพนันโดยที่ไม่สนโลกอะไรว่าจะเป็นยังไง นักพนันก็จะเดินหน้าและก็เริ่มสูญเงินจำนวนมากขึ้น ไม่สนใจว่าจะเป็นยังไงต่อไป และก็ไม่รู้ว่าจะทำกำไรกลับคืนมายังไง
หากเป็นแบบนั้นจริง นักพนันก็ต้องหลีกเลี่ยงการทำแบบเดียวกับเพื่อนสนิทองเราเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว
8.เราเคยถอยหนีบ้างหรือไม่?
ก่อนที่เราจะเล่นหุ้นแต่ละครั้ง เราก็ต้องประเมินว่าจะต้องถอยหนีออกมายังไง หากเราผิด ก็อย่าไปยึดติดกับมัน เมื่อผมบอกให้ถอย ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเราจะถอยหลัง เราจะต้องคิดเรื่องถอยหนีก่อนหากว่าตลาดมันขัดแย้งกับสิ่งที่เราคิดอยู่
การถอยหนีถือเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ทุกๆคนจะต้องมี เพราะว่าเราจะต้องเจอกับความผิดพลาดในแต่ละสถานการณ์ เราไม่สามารถต่อสู้ในระยะยาวได้หรือสู้กับความผิดพลาดแต่ละครั้งได้แน่นอน
การถอยหนีจะทำให้เรารู้ถึงความเสี่ยงว่า จะต้องปรับระดับมากน้อยแค่ไหน
จะให้ผมบอกไหมว่า จะต้องถอยหนียังไง?
สรุป
ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังเล่นหุ้นแบบสะเพร่าอยู่ ไม่ว่าจะสะเพร่าหรือพนัน ก็ต้องหันมาดูคำถามก่อนหน้านี้
เราจะต้องให้เกียรติ์ตัวเอง หากเราเล่น Day Trade และเจอกับความเสียหาย ก็ต้องมาดูคำถามเหล่านี้ ผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่ทำใจยาก แต่ตลาดหุ้นมันก็เป็นแบบนี้ ที่มันแยกแยะคนที่ทำกำไรกับขาดทุนแบบนี้อยู่ตลอด
โชคดีมีกำไร
ผู้เขียน : Anton Hill
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : tradingsim.com
8 สัญญาณที่บ่งบอกว่าเราเล่น Day Trade เหมือนกับการพนัน
การพนันเองก็มีระบบที่เราจะต้องปรับปรุงในแต่ละเกม ในขณะที่การเล่นหุ้นจะเป็นการเล่นที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเจ้ามือหรือตลาดจะมีแนวทางการเล่นหุ้นยังไงบ้าง
หากเรามีการทดลองวินัยและกลยุทธ์การเล่นหุ้นของตัวเอง เราก็สามารถทำกำไรได้ อย่างไรก็ตามหากเราเล่นหุ้นแบบมั่วๆ ก็จะทำให้เราพบกับความเจ็บปวด
บทความนี้ลองมาดู 8 สัญญาณที่บ่งบอกว่าเราเล่นแบบนักพนันและไม่ได้เล่นแบบนักลงทุน
1.เราเล่นหุ้นแบบทุ่มหมดตัวหรือเปล่า?
ขึ้นอยู่กับเงินในบัญชีของเราและหุ้นที่เราเล่น โดยเราจะต้องรู้ด้วยว่าตัวเองเล่นมากเกินไปแล้วหรือไม่
ตอนนี้หากเราเล่น Day Trade เราก็ควรที่จะประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนทุกๆครั้งในการเล่นหุ้นและบริหารจัดการเงินแต่ละครั้งให้ดีๆ
หากเราพบว่าตัวเองเล่นหุ้นหมดตัว ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า เราใช้ความเสี่ยงโดยไม่จำเป็นที่จะหวังว่าได้กำไรก้อนโตชั่วข้ามคืน ตัวอย่างนี้ก็มาจากการที่เรามีเงินในบัญชีทั้งหมดแล้วใส่ในหุ้นเพียงครั้งเดียว
ก่อนหน้านี้ผมเองก็ไม่สามารถควบคุมเงินตัวเองได้ในแต่ละปีในการสร้างเงินเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นผมจึงคิดว่าจะต้องทุ่มเงินหมดหน้าตักไปกับหุ้นปั่นหลายๆตัว ก่อนที่ผมจะวางเงิน ผมก็วางแผน แต่จริงๆแล้วเป็นแผนที่จะทำกำไรให้ได้ก้อนโตมากกว่า
หากผมยังดื้อด้านทำแบบนี้อยู่ ผมก็ต้องเจอแรงเหวี่ยงกับความกลัว เพราะผมได้เสี่ยงชีวิตแบบนี้อยู่ทุกๆวัน ผมรู้สึกแย่ที่หุ้นลงเพียงแค่จุดเดียวแล้วก็ตั้งความหวังว่าจะได้กำไร 5-10 เท่า เป็นความกลัวที่ผมจะต้องย้อนกลับไปดูตัวเอง
เรารู้ตัวหรือเปล่าว่าการเดิมพันหมดตัวนั้นมันแย่แค่ไหน หากรู้ ก็เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าตัวเราเป็นนักพนัน
2.เรารู้ตัวว่าตัวเองใช้เงินมากเกินไป?
บ่อยครั้งที่การพนันจะทำให้เราพยายามดิ้นรนออกจากหลุม ส่วนใหญ่ก็มักจะฝังหลุมทางการเงินให้กับเรา
ไม่สำคัญหรอกว่าเราเป็นเทรดเดอร์ที่ดีแค่ไหน เราก็จะต้องเผชิญหน้าแบบเดียวกัน ทำให้เราไม่สามารถเอาชนะได้ เทรดเดอร์ที่ฉลาดจะหยุดเล่นในแต่ละช่วงเวลาหรือเริ่มต้นด้วยวงเงินน้อยๆจนกว่าพวกเขาจะเล่นหุ้นได้ดีขึ้น
หากเราพบว่าตัวเองเล่นหุ้นจำนวนมากเกินไป เราก็ต้องวางเส้นทางใหม่ระหว่างการพนันกับการลงทุนให้ดีๆ
ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมเล่น Day Trade อยู่และตลาดหุ้นมันก็ปรับตัวลดลงอย่างหนักในช่งง 11 โมง แทนที่ผมจะวางเงินน้อยๆหรือหยุดเล่นไปเลยในวันนั้น ผมตัดสินใจว่าจะต้องเอาชนะตลาดหุ้นให้ได้ ผมก็เริ่มวางเงินมากขึ้น จนสุดท้ายถูกย่างสดทั้งเป็น
ผมคิดว่าผมอาจจะต้องวางเงินใหม่ ผมจะต้องพูดอยู่เสมอว่า ตัวเองทำอะไรอยู่
ผมอาจจะใช้เวลาไม่กี่วันในการวางเงินจำนวนมาก แต่ผมก็รู้ว่าตัวเองเป็นนักพนัน เราจะต้องสังเกตตัวเองว่า กำลังวางเงินเล่นหุ้นมากเกินไปหรือไม่
การเล่นด้วยเงินจำนวนมากก็ไม่ต่างกับนักพนัน ที่เราจะต้องแก้ปัญหาตรงนี้
3.เรากู้เงินเล่นหุ้นหรือไม่?
ไม่สถานการณ์ไหนคิดดีแล้วว่าจะต้องกู้เงินเข้ามาเล่นหุ้นทุกๆครั้ง คิดเหรอว่ากู้เงินแล้วเราจะควบคุมวงเงินตัวเองได้ แล้วทำไมเราจะต้องกู้เงินเพิ่มด้วยล่ะ?
คำตอบง่ายก็คือ ความโลภของเราและความงี่เง่าที่อยากจะรวยเร็ว
ลองตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อนว่า
1.เราใช้บัตรเครดิตในชีวิตประจำวันด้วยหรือเปล่า
2.เราใช้เงินคงเส้นคงวาหรือไม่
3.เรากู้เงินให้คนที่เรารักหรือไม่?
หากเราค้นพบคำตอบแล้ว ก็หยุดทำเสียและเอาเงินกู้กลับคืนไป เพราะมันไม่ใช่เงินของเราจริงๆ
นี่ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้เราขาดทุนจนเป็นหนี้ แต่เราไม่ควรที่จะปล่อยให้ตลาดหุ้นทำให้เราเป็นหนี้ในการเล่นหุ้น หากเราทำกำไรไม่ได้ด้วยเงินของตัวเอง แล้วคิดเหรอว่าจะทำกำไรได้ด้วยการกู้เงิน? มันไม่ได้อยู่การทำกำไรก้อนโต แต่มันอยู่การเล่นหุ้นอย่างชาญฉลาดของเราต่างหาก
4.เรามีอารมณ์เหวี่ยงไปมาหรือไม่?
สัญญาณหลักๆที่บ่งบอกความเป็นนักพนันก็คือ อารมณ์ที่เหวี่ยงไปมา แต่ละคนวันหนึ่งก็ต้องเจออารมณ์ที่เหวี่ยงไปมามากและจากนั้นก็ต้องเจอกับความกดดันตามมาในอนาคต พฤติกรรมแบบนี้มาจากที่เราคิดว่า เราจะต้องได้รับชัยชนะก้อนโตไปทุกๆครั้ง แล้วพอเจอกับความพ่ายแพ้ความกดดันก็ต้องมาอย่างท่วมถ้น
การเล่นหุ้นไม่ได้คิดแบบธุรกิจอย่างเดียว เราจะต้องพบว่าตัวเองกำลังหลีกเลี่ยงทำในสิ่งดีๆหรือไม่ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเจออะไรบ้าง
การเล่นหุ้นไม่ควรที่จะทำให้อารมณ์ของเราได้รับผลกระทบไปด้วย นี่เป็นสัญญาณที่ดีของเทรดเดอร์ที่ดี ทำให้เราใช้ทักษะความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ทั้งความกลัวและความโลภ
5.เรามีกฎวินัยในการเล่นหุ้นหรือไม่?
การเล่นหุ้นจะต้องมีกฎควบคุมแนวทางของเราเสมอ สามารถประยุกต์กับตลาดหุ้นได้ เพราะตลาดหุ้นมันก็เป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งที่เป็นรูปธรรม ที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่ามันจะเคลื่อนไหวยังไงต่อไป
แต่ละครั้งหากเราทำลายกฎของตัวเอง เราก็มีปัญหาเข้าให้แล้ว เป็นสัญญาณที่บอกว่าเราไม่ได้สนใจผลลัพธ์ที่ออกมาว่าจะเป็นยังไง
พฤติกรรมแบบนี้ก็ไม่ต่างกับนักพนันที่ไม่สนใจโลกอะไรทั้งนั้น แต่ขอให้ทำกำไรให้มากที่สุดก็เพียงพอแล้ว
แล้วแบบนี้เราจะไปหวังให้เล่นหุ้นได้ดีอีกหรือ?
6.เราคิดว่าตลาดหุ้นเป็นศูนย์กลางจักรวาลหรือเปล่า?
หลายคนอาจจะงง เพราะผมเคยบอกไว้แล้วว่า ผมเป็นคนที่ลุ่มหลงกับการเล่นหุ้น เราจะเข้าใจหากว่าเราฝันถึงกราฟหุ้นในแต่ละคืน
เมื่อผมถามว่าตลาดหุ้นเป็นศูนย์กลางของจักรวาลหรือไม่นั้น เราก็รู้ตัวแล้วว่า ตัวเองคิดแบบนี้อยู่หรือเปล่า
หากเราพบว่าตัวเองมีความปรารถนาเล็กๆในชีวิต เราก็สามารถลดความคิดที่ว่าตลาดหุ้นเป็นศูนย์กลางของจักรวาลได้ แล้วก็หันมาทำความเข้าใจกับตลาดหุ้นใหม่
ก็คล้ายๆกับนักพนันที่โฟกัสว่า โลกนี้มีแค่การพนันเป็นศูนย์กลางจักรวาล เราเองก็ควรที่จะปรับความคิดเสียใหม่
7.เราไม่เคยยอมรับปัญหาต่างๆเลยใช่ไหม?
หากเราเล่นหุ้นได้แย่ อย่างน้อยก็ต้องรู้ความจริงก่อนว่าปัญหามาจากอะไร หากเราแต่งงานกับคู่ชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตามทั้งความรักที่มีต่อกันหรือมีอะไรที่เหมือนๆกัน พวกเขาก็ต้องรู้ด้วยว่าตัวเองกำลังแชร์ปัญหาที่มีให้แก่กันและกันอยู่
หากคู่ชีวิตของเราหรือเพื่อนของเราได้เผชิญหน้ากับความสูญเสีย ก็แน่นอนว่าจะต้องรู้สึกไม่สบายใจด้วยเหมือนกัน แต่ความรู้สึกแบบนี้เราก็สามารถแก้ไขปัญหาได้เช่นกัน
เมื่อเทรดเดอร์ได้เผชิญกับการพนันโดยที่ไม่สนโลกอะไรว่าจะเป็นยังไง นักพนันก็จะเดินหน้าและก็เริ่มสูญเงินจำนวนมากขึ้น ไม่สนใจว่าจะเป็นยังไงต่อไป และก็ไม่รู้ว่าจะทำกำไรกลับคืนมายังไง
หากเป็นแบบนั้นจริง นักพนันก็ต้องหลีกเลี่ยงการทำแบบเดียวกับเพื่อนสนิทองเราเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว
8.เราเคยถอยหนีบ้างหรือไม่?
ก่อนที่เราจะเล่นหุ้นแต่ละครั้ง เราก็ต้องประเมินว่าจะต้องถอยหนีออกมายังไง หากเราผิด ก็อย่าไปยึดติดกับมัน เมื่อผมบอกให้ถอย ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเราจะถอยหลัง เราจะต้องคิดเรื่องถอยหนีก่อนหากว่าตลาดมันขัดแย้งกับสิ่งที่เราคิดอยู่
การถอยหนีถือเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ทุกๆคนจะต้องมี เพราะว่าเราจะต้องเจอกับความผิดพลาดในแต่ละสถานการณ์ เราไม่สามารถต่อสู้ในระยะยาวได้หรือสู้กับความผิดพลาดแต่ละครั้งได้แน่นอน
การถอยหนีจะทำให้เรารู้ถึงความเสี่ยงว่า จะต้องปรับระดับมากน้อยแค่ไหน
จะให้ผมบอกไหมว่า จะต้องถอยหนียังไง?
สรุป
ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังเล่นหุ้นแบบสะเพร่าอยู่ ไม่ว่าจะสะเพร่าหรือพนัน ก็ต้องหันมาดูคำถามก่อนหน้านี้
เราจะต้องให้เกียรติ์ตัวเอง หากเราเล่น Day Trade และเจอกับความเสียหาย ก็ต้องมาดูคำถามเหล่านี้ ผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่ทำใจยาก แต่ตลาดหุ้นมันก็เป็นแบบนี้ ที่มันแยกแยะคนที่ทำกำไรกับขาดทุนแบบนี้อยู่ตลอด
โชคดีมีกำไร
ผู้เขียน : Anton Hill
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : tradingsim.com