๒๕ มกราคม ๒๕๕๘
ผมเป็นสมาชิกที่นี่มานาน ได้แต่อ่านและให้ความคิดเห็น เพิ่งจะมีวันนี้ที่สบโอกาสและอยากแบ่งปันประสบการณ์ รวมทั้งใช้เวทีนี้แสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ที่ได้รับแก่เพื่อนร่วมสังคมทั้งหลาย
อาจเป็นได้ทั้งอุทาหรณ์ แง่คิด แนวทางการเตรียมตัว หรือประโยชน์ใดๆ ต่อทุกท่านที่ได้ผ่านมาอ่าน...
การเดินทางเรียงลำดับตามที่ผมเขียนไว้ด้านล่างนี้ พร้อมแผนที่จาก Google นะครับ
๑. วัดราชาธิวาส
๒. วัดเทวราชกุญชร
๓. วัดคฤหบดี
๔. วัดระฆังโฆสิตาราม
กินข้าวกลางวัน
๕. วัดอัมรินทร์
๖. วัดอรุณราชวราราม
๗. วัดกัลยาณมิตร
๘. วัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร
๙. วัดราชสิงขร
แผนที่เส้นทาง
https://www.google.com/maps/d/edit?mid=zOlshbP4NIqo.k4hpEtjVUzRY
แฟนผมเป็นมนุษย์เงินเดือนสายการตลาดของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในวงการน้ำเมาระดับล่าง ซึ่งประสบชะตากรรมจากสายบังคับบัญชามาตลอดหลายปีที่เริ่มงานจนถึงปัจจุบัน
ชะตากรรมที่ผจญ คือ การต้อง "ยอมทำตามใจเจ้านาย" ตั้งแต่ระดับหัวหน้าขึ้นไปจนถึงระดับเจ้าของ มันอัดอั้นมากจนถึงระดับที่แทบระเบิด --แต่เพราะความเป็น "ผู้น้อย-ระดับล่าง" จึงต้องทนเก็บไว้ แล้วหาทางอื่นระบายออก...
ผมจึงหาทางช่วย "คู่ชีวิต" ด้วยทางธรรม จากที่เคยอ่านเคยเห็นคนยุคนี้มีช่องทางเสริมสิริมงคลในชีวิตด้วยการไปไหว้พระเก้าวัด แต่เพราะชีวิตการทำงานของแฟนผมต้องเดินทางไปต่างจังหวัดทุกเดือน จนแทบจะมีถนนกับรถเป็นคู่ชีวิตแทนผมไปแล้ว เลยอยากเลี่ยงการเดินทางด้วยรถและถนน ไปเป็นการเดินทางทางน้ำแทน
การติดต่อจอง "ทัวร์ไหว้พระเก้าวัดกับเรือด่วนเจ้าพระยา" สำเร็จได้ไม่ง่ายนัก
ครั้งแรกผมพยายามจองผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งจากข้อมูลที่ค้นคว้ามานั้นสามารถจองผ่าน ThaiTicketMajor ได้ --แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลว เพราะเขายังไม่เปิดรับจองผ่านอินเตอร์เน็ต
ครั้งที่สองผมตรงไปที่ท่าเรือสาทร ซึ่งมีบูธถาวรขายบัตรเรือต่างๆ ของทางเรือด่วนเจ้าพระยาอยู่ และคิดไปเองว่า น่าจะจองที่นั่นได้เลย --แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลวเป็นครั้งที่สอง
เจ้าหน้าที่ประจำบูธแจ้งว่า ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลโปรแกรมนี้ทางโทรศัพท์โดยตรง
ครั้งที่สามผมก็โทรหาเจ้าหน้าที่ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่เขาลงประกาศไว้ใกล้ๆ กับบูธตรงนั้น --แต่เจ้าหน้าที่ปลายสายแนะนำให้ส่งอีเมล์มาจอง!
(อยากจะกรี๊ด!) ผมก็คิดในใจว่า อืม... เอาน่ะ ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลาอีกสองสัปดาห์ก่อนถึงกำหนดทัวร์ในโปรแกรม น่าจะจองทัน
ทิ้งเวลาไปเพลินจนถึงสัปดาห์สุดท้าย กำหนดทัวร์มันวันอาทิตย์เท่านั้น! ลองโทรเช็คอีกที ดีกว่า จะได้รู้ๆ กันไปว่าเต็มรึยัง
เจ้าหน้าที่: ขออีเมล์ด้วยค่ะ เดี๋ยวส่งข้อมูลการจองทัวร์ไปให้
ผม: (คิดในใจ ...แล้วตอนโทรหาครั้งแรกไม่ขอเลยล่ะฟะ?) อืมครับ ได้ครับ
ภายในวันเดียวกันนั้น ก็ได้รับอีเมล์จากเจ้าหน้าที่ของเรือด่วนเจ้าพระยา ข้อความว่า
"...ที่นั่งยังว่างอยู่ สามารถซื้อตั๋วได้ ณ จุดขึ้นเรือท่าสาทรเลยนะคะ"
ผมก็ตอบไปว่า "...กลัวไปซื้อแล้วเต็ม งั้นของจองไว้สองที่นะครับ"
แล้ววันอันเป็นสิริฤกษ์ก็มาถึง ผมและแฟนเตรียมตัวกันอย่างดีพร้อมจิตใจสดใส พร้อมรับมงคลจากการไปไหว้พระเก้าวัดครั้งนี้อย่างเต็มที่ ไปถึงที่ท่าเรือสาทร 08.30 น. เป๊ะ เห็นเจ้าหน้าที่ชายหนึ่งหญิงหนึ่งอยู่ที่โต๊ะติดบูธของเรือด่วนเจ้าพระยา จึงถามถึงการซื้อตั๋วทัวร์ไหว้พระฯ ก็โป๊ะเชะ
"ซื้อที่นี่เลยค่ะ"
อืมโชคดีจังเรา ถามถูกคนเลย เป็นนิมิตที่ดีในความตั้งใจครั้งนี้ ก็จ่ายเงินไป ๑,๙๙๘ บาท (คนละ ๕๐๐ บาท รวมค่าเรือ, มัคคุเทศก์, ประกันการเดินทาง และน้ำเปล่าบริการตลอดทาง)
รายละเอียดดูที่
http://www.chaophrayaexpressboat.com/th/promotions/detail.aspx?id=27&lang=th
หรือ
http://www.chaophrayaexpressboat.com/th/rental/
แล้วเรือก็มาตรงเวลา 09.00 น. ลงเรือที่ท่าเดียวกันกับเรือไปเอเชียทีคและโรงแรมต่างๆ (ท่าซ้ายมือสุดเมื่อหันหน้าออกแม่น้ำ)
เมื่อนักท่องเที่ยวครบ มัคคุเทศก์ก็แนะนำตัว แนะนำเส้นทาง อธิบายกติกาในการเดินทาง พร้อมย้ำเรื่องเวลา และที่นั่ง
"เมื่อท่านได้ที่นั่งแล้ว กรุณาจำที่นั่งของตัวเองไว้นะครับ ขอให้นั่งที่เดิมตลอดการเดินทาง..."
ผมกับแฟนซึ่งเตรียมข้าวเหนียว-หมูปิ้งกับน้ำไว้กันหิว จึงเอาถุงทั้งหลายผูกไว้กับราวจับด้านหน้าเพราะขึ้เกี่ยจถือ
แล้วมัคคุเทศก์ก็แจ้งว่า การเดินทางครั้งนี้ต่างไปจากรายการปกติ เนื่องจากมีสองวัดที่ไม่พร้อมรับศาสนิกชนทางเรือ เพราะโป๊ะอยู่ระหว่างซ่อมบำรุง การเดินทางของผมจึงเปลี่ยนไปตามลำดับดังต่อไปนี้
จากท่าเรือสาทร มุ่งตรงไปวัดราชาธิวาส (๑)
ขึ้นจากท่าก็ตรงเข้าโบสถ์ มีพระคอยต้อนรับและนำสวดนมัสการ แล้วท่านก็อธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับสถาป้ตยกรรมต่างๆ ของวัด
หลังจากไหว้พระเสร็จ เราก็เดินไปลงเรือ แต่เพราะที่นั่งของเราอยู่หลังสุด จึงรอให้คนอื่นลงไปก่อน แล้วก็ต้องแปลกใจเพราะเก้าอี้ด้านหน้าของเราว่าง มัคคุเทศก์ก็ถามว่าครบกันหรือยัง ผมก็บอกเขาไปว่าสองที่ข้างหน้าผมยังไม่มา
แต่ปรากฎว่า สองคนข้างหน้าผมเขาย้ายไปนั่งที่อื่น ซึ่งผมไม่ทันสังเกตว่าย้ายไปนั่งตรงไหน เพราะมัวแต่ชี้ชวนกันดูตึกรามบ้านช่องสองฝั่งแม่น้ำ
ซึ่งคราวนี้รอคนนานนิดนึง เราก็ไม่ได้ว่าอะไร คิดว่าเขาคงตื่นตาตื่นใจเหมือนเรา ชิลๆ รอกันไป
สี่คนพ่อแม่ลูกก็ลงเรือมา แต่ปรากฎว่าที่นั่งของพวกเขาโดนคนอื่นนั่งแทนไปแล้ว ที่ว่างที่เหลือคือสองที่สุดท้ายหน้าผม และด้านหน้าที่มัคคุเทศก์นั่งบรรยาย
เห็นเดินลงเรือกันมาสี่คน คนแม่ตรงไปนั่งที่ว่างด้านหน้าผมพร้อมลูกอีกสองคน วัยประมาณสิบขวบไล่ๆ กัน ส่วนคนพ่อไม่ได้ไปนั่งด้านหน้าที่ว่าง ...ผมคิดในใจว่าคงนั่งด้านหลังตรงทางขึ้น-ลงเรือ แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร ยังคงปริ่มเปรมกับการได้ไหว้พระ นั่งนึกกันอยู่ว่ากำลังจะไปวัดไหน
แล้วเราก็ไปต่อที่วัดเทวราชกุญชร (๒) ไหว้พระเสร็จตามลำดับเดิม ก็มารอลงเรือ ให้คนอื่นๆ ลงก่อน
อ๊ะ! มีคนนั่งที่เราแล้วอ่า... สี่คนพ่อแม่ลูกกลุ่มที่มาช้ากลุ่มนั้นไง ผมก็ตรงไปสะกิดคุณพ่อ พร้อมบอกว่า "ตรงนี้ที่นั่งผมอ่ะครับ" พร้อมชี้ให้ดูถุงที่แขวนไว้
คุณพ่อกล่าว "ก็มีคนแย่งที่นั่งผมไปอ่ะ"
ผมอึ้งในคำตอบไปชั่วขณะ
แล้วหูแสนไว ก็ได้ยินคุณพ่อพูดกับลูกสาวที่ทำท่าจะย้ายไปนั่งกับแม่เหมือนเดิมว่า "นั่งๆ ไปเหอะ!"
เออเนอะ เด็กน้อยยังพอรู้ความ...
ผมกับแฟนได้แต่มองหน้ากัน ยิ้มและส่ายหัวพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วก็ตัดสินใจชวนแฟนไปนั่งด้านท้ายเรือ --เรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก นั่งตรงไหนก็ได้เนอะ เรามาทำบุญ...
เราขึ้นฝั่งที่วัดคฤหบดี (๓) นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาไหว้พระที่วัดนี้ เพราะใช้ชีวิตอยู่ฝั่งพระนครมาตลอด ตื่นตาตื่นใจดีแท้ ไหว้พระเสร็จด้วยความชุ่มชื่นใจ เราก็ไปลงเรือ เพื่อมุ่งหน้าไปสู่วัดระฆังโฆสิตาราม (๔) พร้อมแวะกินข้าวกลางวัน
เราไม่ได้คุยกันเรื่องที่ถูกแย่งที่นั่งแบบหน้าตาเฉย ยอมเสียสละไปนั่งท้ายเรือ เพราะใจคิดถึงแต่เรื่องดีๆ ที่จะได้ทำร่วมกันต่อไป จึงเดินระเรื่อยไปกินข้าวกลางวันที่ร้านติดแอร์ร้านหนึ่งระหว่างทาง แล้วก็ไปรอขึ้นเรือเป็นคนหลังๆ ตามปกติ
ระหว่างนั่งหันหลังชนกันอยู่ท้ายเรือ ต่างคนต่างก็มองบรรยากาศตามลำน้ำไปเรื่อย เสียงแกร่งทรงพลังกลบเสียงเครื่องยนต์เรือก็ดังขึ้น ข้างๆ
"พี่ๆ เดินไปนั่งข้างหน้าเลย ที่ว่างเยอะแยะ หนูจะได้นั่งมั่ง"
เราหันไปมองต้นเสียง ซึ่งเป็นพนักงานท้ายเรือหญิงที่คอยดูแลบริการน้ำเปล่า
แฟนผมนั่งเงียบ ผมนึกในใจแล้วว่า อุ้ย! "มาคุ" แล้วอ่ะอาการนี้ ท่าจะไม่ดีแน่เลยพูดทีเล่นทีจริงกับพนักงานหญิงคนนั้นไปว่า
"ไม่เป็นไรครับนั่งตรงนี้ก็ได้ พวกผมสบายๆ เดี๋ยวผมนั่งชิดๆ กันให้คุณน้องนั่ง" แล้วผมก็สะกิดแฟนให้ขยับมานั่งติดกัน
แต่คุณน้องพนักงานหญิงยังไม่ละความตั้งใจที่จะนั่งตรงนั้น "ตามลำพัง" ให้ได้ เธอพูดย้ำด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกถึงการผลักไล่ไสส่งอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า
"ไปเลยๆ ที่ว่างตั้งเยอะแยะ ก็หนูจะนั่งตรงนี้"
สิ้นประโยคของคุณน้อง คุณพี่แฟนผมก็ระเบิด "นี่อะไรกัน โดนแย่งที่นั่งแล้วพนักงานไม่จัดการแก้ปัญหาให้ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะ ยังจะมาไล่ให้ไปนั่งที่อื่นอีกเหรอ?"
ผมพูดต่อ "ผมเสียเงินมาเต็มจำนวนนะครับ ไม่ได้ขอติดเรือมาฟรีๆ นั่งไม่สบายผมก็ไม่ว่าอะไร แล้วมาพูดอย่างนี้ได้ยังไง?"
แล้วผมกับแฟนก็พากันมายืนข้างเรือ พร้อมกับปรึกษากันถึงเรื่องนี้ ได้แต่ปลอบใจกันไปมาว่า ชีวิตเรา "ซวยซ้ำซวยซ้อน" กันจริงๆ
โดนแย่งที่นั่ง ก็ทำใจไม่ว่าอะไรจนเฉยๆ ไปแล้ว แต่กลับโดนพนักงานประจำเรือตะเพิดส่งอีก ถึงขนาดแฟนผมหมดความอดทน บอกยกเลิกทัวร์นี้แล้วไปต่อเองดีกว่า อย่าให้ใครมาทิ่มมาตำซ้ำซ้อนอีกเลย --นี่มาหาเรื่องสิริมงคลนะ ไม่ได้มาหากรรม
ผมแนะให้เราปรึกษามัคคุเทศก์ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร พร้อมปลอบแฟนให้อดทนและให้อภัยไม่ถือโกรธ เพราะเคยได้ยินคำของพระสักองค์พูดว่า "การให้อภัย คือทานที่ให้ยากที่สุด"
"เรายืนๆ ไปอย่างนี้แหละเนอะ ให้เขาเห็นกันทั้งลำเรือเลยว่า คนที่เปลี่ยนที่นั่งคนแรกได้ทำกรรมไว้ตกแก่เรา ซึ่งเราอภัยไม่ถือโกรธแล้ว คนที่แย่งที่นั่งเราซึ่งๆ หน้าแม้เราบอกแจ้งแล้วนั้น เราก็ให้อภัย ถือว่านี่เราได้บุญกว่าคนอื่นๆ ทั้งหมด ณ ที่นั้น เพราะเราได้ทำทานต่อผู้อื่นไปด้วย..."
"ถ้าเรายอมลำบากนิดหน่อย ยืนๆ ไปจนจบรายการทัวร์ คนที่ทำกรรมคนแรก หรือคนต่อมาไม่สำนึก ก็ให้เรานึกเองว่า เขาเป็นหนึ่งในบัวสี่เหล่า ซึ่งเป็นกอที่อยู่ใต้ตม ทำอย่างไรเขาก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจอยู่ดี อภัยๆๆๆ"
ระหว่างรอขึ้นฝั่งเพื่อไปวัดอัมรินทร์ (๕) เราได้คุยกับมัคคุเทศก์ เขารับปากจะจัดการให้ พร้อมให้เบอร์โทรร้องเรียนของบริษัทฯ ย้ำให้เราร้องเรียนให้ได้ เพราะเหตุแบบนี้เกิดมาหลายครั้งแล้ว
แต่เราสองคนก็บอกความตั้งใจไป ว่าไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา แต่ในใจคิดว่า เรื่องนี้น่าจะมีประโยชน์ในหลายแง่มุม ถ้าได้ถ่ายทอดผ่านพันทิป
ไหว้พระเสร็จ เราสองคนก็หมดความกระตือรือร้นที่จะหามงคลใส่ตัวต่อไป คุณพี่แฟนผมเศร้ามาก ตัดพ้อตลอดว่าทำไมชีวิตต้องมาโดนอะไรแบบนี้ ผมก็ได้แต่ปลอบไปว่า
"คงเพราะเป็นกรรมที่เราทำไว้ ต้องอดทนรับผลกรรมนั้นไว้ และไม่สร้างกรรมเพิ่มจะดีที่สุด"
ตอนลงเรือ เราทำตามขั้นตอนปกติของเราคือ ลงเรือคนสุดท้าย ตั้งใจจะไปยืนข้างเรือที่เดิม แต่ก็ได้ยินเสียงประกาศผ่านโทรโข่งจากมัคคุเทศก์ซึ่งยืนอยู่ตรงเก้าอี้ (เก่า) ของเราว่า
"ขอให้ทุกท่านนั่งที่เดิม ที่นั่งเรือมาครั้งแรกนะครับ" เขาย้ำอย่างนี้เป็นระยะๆ จนทุกคนนั่งเต็ม
ปรากฎว่า ที่นั่งเราว่างแล้ว! สี่คนพ่อแม่ลูก ได้นั่งที่เดิมของเขา สาวสองคนที่ย้ายไปคู่แรกกลับมานั่งที่เก้าอี้หน้าเรา --ส่วนเก้าอี้เรา ไม่มีใครมานั่งเลย...
ผมดีใจจนออกนอกหน้า ขอบคุณมัคคุเทศก์และหันไปพูดกับผู้หญิงที่มาคนเดียวซึ่งนั่งข้างหลังผมว่า "เย้! ผมได้ที่นั่งกลับมาแล้ว"
และทัวร์ไหว้พระก็ดำเนินต่อไป ถึงวัดที่หก วัดอรุณราชวราราม เราไม่ค่อยมีความสุขเหมือนตอนเริ่มแรก แต่ก็ปรับใจให้ผ่อนคลาย และนมัสการพระต่อไป
ถึงวัดที่เจ็ด วัดกัลยาณมิตร, ๘. วัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร และสุดท้ายที่วัดราชสิงขร (ข้างๆ เอเชียทีค)
เรือแล่นมาส่ง ณ ท่าสาทรเวลา 16.00 น. เราตรงไปยังรถที่จอดไว้เพื่อกลับบ้านของเราสองคน...
ผมและแฟนตั้งใจอย่างเต็มเปี่ยมที่จะหาสิริมงคลแก่ชีวิตตามวาระและโอกาสที่จะทำได้ เราปลอบกันและกันถึงเหตุการณ์ที่พบเจอมาว่าเป็นกรรมของเราเอง
(มีต่อ)
แก้ไข: เพิ่มรูป
ไหว้พระเก้าวัดกับเรือด่วนเจ้าพระยา
ผมเป็นสมาชิกที่นี่มานาน ได้แต่อ่านและให้ความคิดเห็น เพิ่งจะมีวันนี้ที่สบโอกาสและอยากแบ่งปันประสบการณ์ รวมทั้งใช้เวทีนี้แสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ที่ได้รับแก่เพื่อนร่วมสังคมทั้งหลาย
อาจเป็นได้ทั้งอุทาหรณ์ แง่คิด แนวทางการเตรียมตัว หรือประโยชน์ใดๆ ต่อทุกท่านที่ได้ผ่านมาอ่าน...
การเดินทางเรียงลำดับตามที่ผมเขียนไว้ด้านล่างนี้ พร้อมแผนที่จาก Google นะครับ
๑. วัดราชาธิวาส
๒. วัดเทวราชกุญชร
๓. วัดคฤหบดี
๔. วัดระฆังโฆสิตาราม
กินข้าวกลางวัน
๕. วัดอัมรินทร์
๖. วัดอรุณราชวราราม
๗. วัดกัลยาณมิตร
๘. วัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร
๙. วัดราชสิงขร
แผนที่เส้นทาง
https://www.google.com/maps/d/edit?mid=zOlshbP4NIqo.k4hpEtjVUzRY
แฟนผมเป็นมนุษย์เงินเดือนสายการตลาดของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในวงการน้ำเมาระดับล่าง ซึ่งประสบชะตากรรมจากสายบังคับบัญชามาตลอดหลายปีที่เริ่มงานจนถึงปัจจุบัน
ชะตากรรมที่ผจญ คือ การต้อง "ยอมทำตามใจเจ้านาย" ตั้งแต่ระดับหัวหน้าขึ้นไปจนถึงระดับเจ้าของ มันอัดอั้นมากจนถึงระดับที่แทบระเบิด --แต่เพราะความเป็น "ผู้น้อย-ระดับล่าง" จึงต้องทนเก็บไว้ แล้วหาทางอื่นระบายออก...
ผมจึงหาทางช่วย "คู่ชีวิต" ด้วยทางธรรม จากที่เคยอ่านเคยเห็นคนยุคนี้มีช่องทางเสริมสิริมงคลในชีวิตด้วยการไปไหว้พระเก้าวัด แต่เพราะชีวิตการทำงานของแฟนผมต้องเดินทางไปต่างจังหวัดทุกเดือน จนแทบจะมีถนนกับรถเป็นคู่ชีวิตแทนผมไปแล้ว เลยอยากเลี่ยงการเดินทางด้วยรถและถนน ไปเป็นการเดินทางทางน้ำแทน
การติดต่อจอง "ทัวร์ไหว้พระเก้าวัดกับเรือด่วนเจ้าพระยา" สำเร็จได้ไม่ง่ายนัก
ครั้งแรกผมพยายามจองผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งจากข้อมูลที่ค้นคว้ามานั้นสามารถจองผ่าน ThaiTicketMajor ได้ --แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลว เพราะเขายังไม่เปิดรับจองผ่านอินเตอร์เน็ต
ครั้งที่สองผมตรงไปที่ท่าเรือสาทร ซึ่งมีบูธถาวรขายบัตรเรือต่างๆ ของทางเรือด่วนเจ้าพระยาอยู่ และคิดไปเองว่า น่าจะจองที่นั่นได้เลย --แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลวเป็นครั้งที่สอง
เจ้าหน้าที่ประจำบูธแจ้งว่า ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลโปรแกรมนี้ทางโทรศัพท์โดยตรง
ครั้งที่สามผมก็โทรหาเจ้าหน้าที่ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่เขาลงประกาศไว้ใกล้ๆ กับบูธตรงนั้น --แต่เจ้าหน้าที่ปลายสายแนะนำให้ส่งอีเมล์มาจอง!
(อยากจะกรี๊ด!) ผมก็คิดในใจว่า อืม... เอาน่ะ ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลาอีกสองสัปดาห์ก่อนถึงกำหนดทัวร์ในโปรแกรม น่าจะจองทัน
ทิ้งเวลาไปเพลินจนถึงสัปดาห์สุดท้าย กำหนดทัวร์มันวันอาทิตย์เท่านั้น! ลองโทรเช็คอีกที ดีกว่า จะได้รู้ๆ กันไปว่าเต็มรึยัง
เจ้าหน้าที่: ขออีเมล์ด้วยค่ะ เดี๋ยวส่งข้อมูลการจองทัวร์ไปให้
ผม: (คิดในใจ ...แล้วตอนโทรหาครั้งแรกไม่ขอเลยล่ะฟะ?) อืมครับ ได้ครับ
ภายในวันเดียวกันนั้น ก็ได้รับอีเมล์จากเจ้าหน้าที่ของเรือด่วนเจ้าพระยา ข้อความว่า
"...ที่นั่งยังว่างอยู่ สามารถซื้อตั๋วได้ ณ จุดขึ้นเรือท่าสาทรเลยนะคะ"
ผมก็ตอบไปว่า "...กลัวไปซื้อแล้วเต็ม งั้นของจองไว้สองที่นะครับ"
แล้ววันอันเป็นสิริฤกษ์ก็มาถึง ผมและแฟนเตรียมตัวกันอย่างดีพร้อมจิตใจสดใส พร้อมรับมงคลจากการไปไหว้พระเก้าวัดครั้งนี้อย่างเต็มที่ ไปถึงที่ท่าเรือสาทร 08.30 น. เป๊ะ เห็นเจ้าหน้าที่ชายหนึ่งหญิงหนึ่งอยู่ที่โต๊ะติดบูธของเรือด่วนเจ้าพระยา จึงถามถึงการซื้อตั๋วทัวร์ไหว้พระฯ ก็โป๊ะเชะ
"ซื้อที่นี่เลยค่ะ"
อืมโชคดีจังเรา ถามถูกคนเลย เป็นนิมิตที่ดีในความตั้งใจครั้งนี้ ก็จ่ายเงินไป ๑,๙๙๘ บาท (คนละ ๕๐๐ บาท รวมค่าเรือ, มัคคุเทศก์, ประกันการเดินทาง และน้ำเปล่าบริการตลอดทาง)
รายละเอียดดูที่ http://www.chaophrayaexpressboat.com/th/promotions/detail.aspx?id=27&lang=th
หรือ http://www.chaophrayaexpressboat.com/th/rental/
แล้วเรือก็มาตรงเวลา 09.00 น. ลงเรือที่ท่าเดียวกันกับเรือไปเอเชียทีคและโรงแรมต่างๆ (ท่าซ้ายมือสุดเมื่อหันหน้าออกแม่น้ำ)
เมื่อนักท่องเที่ยวครบ มัคคุเทศก์ก็แนะนำตัว แนะนำเส้นทาง อธิบายกติกาในการเดินทาง พร้อมย้ำเรื่องเวลา และที่นั่ง
"เมื่อท่านได้ที่นั่งแล้ว กรุณาจำที่นั่งของตัวเองไว้นะครับ ขอให้นั่งที่เดิมตลอดการเดินทาง..."
ผมกับแฟนซึ่งเตรียมข้าวเหนียว-หมูปิ้งกับน้ำไว้กันหิว จึงเอาถุงทั้งหลายผูกไว้กับราวจับด้านหน้าเพราะขึ้เกี่ยจถือ
แล้วมัคคุเทศก์ก็แจ้งว่า การเดินทางครั้งนี้ต่างไปจากรายการปกติ เนื่องจากมีสองวัดที่ไม่พร้อมรับศาสนิกชนทางเรือ เพราะโป๊ะอยู่ระหว่างซ่อมบำรุง การเดินทางของผมจึงเปลี่ยนไปตามลำดับดังต่อไปนี้
จากท่าเรือสาทร มุ่งตรงไปวัดราชาธิวาส (๑)
ขึ้นจากท่าก็ตรงเข้าโบสถ์ มีพระคอยต้อนรับและนำสวดนมัสการ แล้วท่านก็อธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับสถาป้ตยกรรมต่างๆ ของวัด
หลังจากไหว้พระเสร็จ เราก็เดินไปลงเรือ แต่เพราะที่นั่งของเราอยู่หลังสุด จึงรอให้คนอื่นลงไปก่อน แล้วก็ต้องแปลกใจเพราะเก้าอี้ด้านหน้าของเราว่าง มัคคุเทศก์ก็ถามว่าครบกันหรือยัง ผมก็บอกเขาไปว่าสองที่ข้างหน้าผมยังไม่มา
แต่ปรากฎว่า สองคนข้างหน้าผมเขาย้ายไปนั่งที่อื่น ซึ่งผมไม่ทันสังเกตว่าย้ายไปนั่งตรงไหน เพราะมัวแต่ชี้ชวนกันดูตึกรามบ้านช่องสองฝั่งแม่น้ำ
ซึ่งคราวนี้รอคนนานนิดนึง เราก็ไม่ได้ว่าอะไร คิดว่าเขาคงตื่นตาตื่นใจเหมือนเรา ชิลๆ รอกันไป
สี่คนพ่อแม่ลูกก็ลงเรือมา แต่ปรากฎว่าที่นั่งของพวกเขาโดนคนอื่นนั่งแทนไปแล้ว ที่ว่างที่เหลือคือสองที่สุดท้ายหน้าผม และด้านหน้าที่มัคคุเทศก์นั่งบรรยาย
เห็นเดินลงเรือกันมาสี่คน คนแม่ตรงไปนั่งที่ว่างด้านหน้าผมพร้อมลูกอีกสองคน วัยประมาณสิบขวบไล่ๆ กัน ส่วนคนพ่อไม่ได้ไปนั่งด้านหน้าที่ว่าง ...ผมคิดในใจว่าคงนั่งด้านหลังตรงทางขึ้น-ลงเรือ แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร ยังคงปริ่มเปรมกับการได้ไหว้พระ นั่งนึกกันอยู่ว่ากำลังจะไปวัดไหน
แล้วเราก็ไปต่อที่วัดเทวราชกุญชร (๒) ไหว้พระเสร็จตามลำดับเดิม ก็มารอลงเรือ ให้คนอื่นๆ ลงก่อน
อ๊ะ! มีคนนั่งที่เราแล้วอ่า... สี่คนพ่อแม่ลูกกลุ่มที่มาช้ากลุ่มนั้นไง ผมก็ตรงไปสะกิดคุณพ่อ พร้อมบอกว่า "ตรงนี้ที่นั่งผมอ่ะครับ" พร้อมชี้ให้ดูถุงที่แขวนไว้
คุณพ่อกล่าว "ก็มีคนแย่งที่นั่งผมไปอ่ะ"
ผมอึ้งในคำตอบไปชั่วขณะ
แล้วหูแสนไว ก็ได้ยินคุณพ่อพูดกับลูกสาวที่ทำท่าจะย้ายไปนั่งกับแม่เหมือนเดิมว่า "นั่งๆ ไปเหอะ!"
เออเนอะ เด็กน้อยยังพอรู้ความ...
ผมกับแฟนได้แต่มองหน้ากัน ยิ้มและส่ายหัวพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วก็ตัดสินใจชวนแฟนไปนั่งด้านท้ายเรือ --เรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก นั่งตรงไหนก็ได้เนอะ เรามาทำบุญ...
เราขึ้นฝั่งที่วัดคฤหบดี (๓) นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาไหว้พระที่วัดนี้ เพราะใช้ชีวิตอยู่ฝั่งพระนครมาตลอด ตื่นตาตื่นใจดีแท้ ไหว้พระเสร็จด้วยความชุ่มชื่นใจ เราก็ไปลงเรือ เพื่อมุ่งหน้าไปสู่วัดระฆังโฆสิตาราม (๔) พร้อมแวะกินข้าวกลางวัน
เราไม่ได้คุยกันเรื่องที่ถูกแย่งที่นั่งแบบหน้าตาเฉย ยอมเสียสละไปนั่งท้ายเรือ เพราะใจคิดถึงแต่เรื่องดีๆ ที่จะได้ทำร่วมกันต่อไป จึงเดินระเรื่อยไปกินข้าวกลางวันที่ร้านติดแอร์ร้านหนึ่งระหว่างทาง แล้วก็ไปรอขึ้นเรือเป็นคนหลังๆ ตามปกติ
ระหว่างนั่งหันหลังชนกันอยู่ท้ายเรือ ต่างคนต่างก็มองบรรยากาศตามลำน้ำไปเรื่อย เสียงแกร่งทรงพลังกลบเสียงเครื่องยนต์เรือก็ดังขึ้น ข้างๆ
"พี่ๆ เดินไปนั่งข้างหน้าเลย ที่ว่างเยอะแยะ หนูจะได้นั่งมั่ง"
เราหันไปมองต้นเสียง ซึ่งเป็นพนักงานท้ายเรือหญิงที่คอยดูแลบริการน้ำเปล่า
แฟนผมนั่งเงียบ ผมนึกในใจแล้วว่า อุ้ย! "มาคุ" แล้วอ่ะอาการนี้ ท่าจะไม่ดีแน่เลยพูดทีเล่นทีจริงกับพนักงานหญิงคนนั้นไปว่า
"ไม่เป็นไรครับนั่งตรงนี้ก็ได้ พวกผมสบายๆ เดี๋ยวผมนั่งชิดๆ กันให้คุณน้องนั่ง" แล้วผมก็สะกิดแฟนให้ขยับมานั่งติดกัน
แต่คุณน้องพนักงานหญิงยังไม่ละความตั้งใจที่จะนั่งตรงนั้น "ตามลำพัง" ให้ได้ เธอพูดย้ำด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกถึงการผลักไล่ไสส่งอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า
"ไปเลยๆ ที่ว่างตั้งเยอะแยะ ก็หนูจะนั่งตรงนี้"
สิ้นประโยคของคุณน้อง คุณพี่แฟนผมก็ระเบิด "นี่อะไรกัน โดนแย่งที่นั่งแล้วพนักงานไม่จัดการแก้ปัญหาให้ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะ ยังจะมาไล่ให้ไปนั่งที่อื่นอีกเหรอ?"
ผมพูดต่อ "ผมเสียเงินมาเต็มจำนวนนะครับ ไม่ได้ขอติดเรือมาฟรีๆ นั่งไม่สบายผมก็ไม่ว่าอะไร แล้วมาพูดอย่างนี้ได้ยังไง?"
แล้วผมกับแฟนก็พากันมายืนข้างเรือ พร้อมกับปรึกษากันถึงเรื่องนี้ ได้แต่ปลอบใจกันไปมาว่า ชีวิตเรา "ซวยซ้ำซวยซ้อน" กันจริงๆ
โดนแย่งที่นั่ง ก็ทำใจไม่ว่าอะไรจนเฉยๆ ไปแล้ว แต่กลับโดนพนักงานประจำเรือตะเพิดส่งอีก ถึงขนาดแฟนผมหมดความอดทน บอกยกเลิกทัวร์นี้แล้วไปต่อเองดีกว่า อย่าให้ใครมาทิ่มมาตำซ้ำซ้อนอีกเลย --นี่มาหาเรื่องสิริมงคลนะ ไม่ได้มาหากรรม
ผมแนะให้เราปรึกษามัคคุเทศก์ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร พร้อมปลอบแฟนให้อดทนและให้อภัยไม่ถือโกรธ เพราะเคยได้ยินคำของพระสักองค์พูดว่า "การให้อภัย คือทานที่ให้ยากที่สุด"
"เรายืนๆ ไปอย่างนี้แหละเนอะ ให้เขาเห็นกันทั้งลำเรือเลยว่า คนที่เปลี่ยนที่นั่งคนแรกได้ทำกรรมไว้ตกแก่เรา ซึ่งเราอภัยไม่ถือโกรธแล้ว คนที่แย่งที่นั่งเราซึ่งๆ หน้าแม้เราบอกแจ้งแล้วนั้น เราก็ให้อภัย ถือว่านี่เราได้บุญกว่าคนอื่นๆ ทั้งหมด ณ ที่นั้น เพราะเราได้ทำทานต่อผู้อื่นไปด้วย..."
"ถ้าเรายอมลำบากนิดหน่อย ยืนๆ ไปจนจบรายการทัวร์ คนที่ทำกรรมคนแรก หรือคนต่อมาไม่สำนึก ก็ให้เรานึกเองว่า เขาเป็นหนึ่งในบัวสี่เหล่า ซึ่งเป็นกอที่อยู่ใต้ตม ทำอย่างไรเขาก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจอยู่ดี อภัยๆๆๆ"
ระหว่างรอขึ้นฝั่งเพื่อไปวัดอัมรินทร์ (๕) เราได้คุยกับมัคคุเทศก์ เขารับปากจะจัดการให้ พร้อมให้เบอร์โทรร้องเรียนของบริษัทฯ ย้ำให้เราร้องเรียนให้ได้ เพราะเหตุแบบนี้เกิดมาหลายครั้งแล้ว
แต่เราสองคนก็บอกความตั้งใจไป ว่าไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา แต่ในใจคิดว่า เรื่องนี้น่าจะมีประโยชน์ในหลายแง่มุม ถ้าได้ถ่ายทอดผ่านพันทิป
ไหว้พระเสร็จ เราสองคนก็หมดความกระตือรือร้นที่จะหามงคลใส่ตัวต่อไป คุณพี่แฟนผมเศร้ามาก ตัดพ้อตลอดว่าทำไมชีวิตต้องมาโดนอะไรแบบนี้ ผมก็ได้แต่ปลอบไปว่า
"คงเพราะเป็นกรรมที่เราทำไว้ ต้องอดทนรับผลกรรมนั้นไว้ และไม่สร้างกรรมเพิ่มจะดีที่สุด"
ตอนลงเรือ เราทำตามขั้นตอนปกติของเราคือ ลงเรือคนสุดท้าย ตั้งใจจะไปยืนข้างเรือที่เดิม แต่ก็ได้ยินเสียงประกาศผ่านโทรโข่งจากมัคคุเทศก์ซึ่งยืนอยู่ตรงเก้าอี้ (เก่า) ของเราว่า
"ขอให้ทุกท่านนั่งที่เดิม ที่นั่งเรือมาครั้งแรกนะครับ" เขาย้ำอย่างนี้เป็นระยะๆ จนทุกคนนั่งเต็ม
ปรากฎว่า ที่นั่งเราว่างแล้ว! สี่คนพ่อแม่ลูก ได้นั่งที่เดิมของเขา สาวสองคนที่ย้ายไปคู่แรกกลับมานั่งที่เก้าอี้หน้าเรา --ส่วนเก้าอี้เรา ไม่มีใครมานั่งเลย...
ผมดีใจจนออกนอกหน้า ขอบคุณมัคคุเทศก์และหันไปพูดกับผู้หญิงที่มาคนเดียวซึ่งนั่งข้างหลังผมว่า "เย้! ผมได้ที่นั่งกลับมาแล้ว"
และทัวร์ไหว้พระก็ดำเนินต่อไป ถึงวัดที่หก วัดอรุณราชวราราม เราไม่ค่อยมีความสุขเหมือนตอนเริ่มแรก แต่ก็ปรับใจให้ผ่อนคลาย และนมัสการพระต่อไป
ถึงวัดที่เจ็ด วัดกัลยาณมิตร, ๘. วัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร และสุดท้ายที่วัดราชสิงขร (ข้างๆ เอเชียทีค)
เรือแล่นมาส่ง ณ ท่าสาทรเวลา 16.00 น. เราตรงไปยังรถที่จอดไว้เพื่อกลับบ้านของเราสองคน...
ผมและแฟนตั้งใจอย่างเต็มเปี่ยมที่จะหาสิริมงคลแก่ชีวิตตามวาระและโอกาสที่จะทำได้ เราปลอบกันและกันถึงเหตุการณ์ที่พบเจอมาว่าเป็นกรรมของเราเอง
(มีต่อ)
แก้ไข: เพิ่มรูป