สัมภาษณ์ซาบีน่าจากคมชัดลึกค่ะ

สู่หนทางที่วาดหวังในวันวานสานต่อฝันให้เป็นจริงของ "ซาบีน่า" : บันเทิงวันเสาร์ เรื่อง... มงคล บุญคุ้ม ภาพ... แมน น้อยพิทักษ์



          หลังจบการแข่งขันสุดร้อนแรงไปเรียบร้อยแล้วสำหรับ รายการ เดอะเฟส ไทยแลนด์ ซีซั่นแรก จากคัดสรรเหล่าสาว ผู้มีฝันในการเป็นนางแบบและนักแสดง ของ 3 เมนเทอร์  "ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม"  "พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์" และ "หญิง- รฐา โพธิ์งาม" จนได้ผู้ชนะคนแรกของรายการนี้ไปคือ "ซาบีน่า-อจิรภา ซาบีน่า ไมซิงเกอร์"  สาวก้านยาวลูกครึ่งไทย-ออสเตรีย งานนี้หน้าบันเทิง หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก จึงไม่รีรอขอคว้าตัวซาบีน่ามานั่งพูดคุยและทำความรู้จักกับเธอคนนี้ให้มากขึ้น


เดอะเฟสคนแรกของไทย และ เอเชีย
000ช่วยเล่าบรรยาการในการถ่ายทำรายการได้ไหมว่าเป็นอย่างไรบ้าง
          คือในรายการแน่นอนอยู่แล้ว ว่าทุกอย่างมันต้องดูจริงจังซีเรียสสุดๆ เพราะมันคือการแข่งขันจริงๆ เป็นเกมหนึ่ง หากเราไม่ดึงจุดเด่นของตัวเองออกมา ก็จะอยู่ที่เดิม เดอะเฟส คือรายการที่ค้นหาทั้งนางแบบ และนักแสดง จากผู้เข้าสมัครตั้งแต่วันแรกเลย เป็นหลายร้อยคน แล้วก็เป็นการคัดเลือกคนที่มาสมัครให้เหลือเพียงแค่ 30 คน จากนั้นก็จะเป็นรอบที่ให้เมนเทอร์ ทั้ง 3 คน ยกป้ายว่าใครจะได้อยู่ทีมไหน หรือจะตกรอบไป ซึ่งพี่ลูกเกด (เมทินี กิ่งโพยม) เลือกหนู ซึ่งจุดนั้น มันเป็นอะไรที่ดีใจมาก แล้วความรู้สึกก่อนจะถูกเลือกบอกเลย ว่าความคิดในสมองมันทะเลาะกับหัวใจ ทั้งสั่นทั้งกลัว เพราะเรากำลังยืนอยู่ต่อหน้าบุคคลที่เป็นมืออาชีพทั้งด้านการแสดง การเดินแบบทั้งสามคน


000ทำไมถึงเลือกมาประกวดในรายการนี้
          ถามว่าทำไมหนูเลือกมาเข้าประกวดรายการนี้ บอกเลยว่าหนูเคยติดตามรายการเดอะเฟสในแบบต้นฉบับมาก่อนแล้ว หนูชื่นชอบ ในความเป็นนางแบบ อีกอย่างหนูติดตามในรายการประกวดหานางแบบของต่างประเทศมาหลายรายการ ทั้งอเมริกันเน็กท็อปโมเดล  แล้วบังเอิญผู้จัดการส่วนตัวหนู เป็นคนมาชวนว่า จะมีรายการเดอะเฟสไทยแลนด์ มาเปิดออดิชั่น หนูเลยคิดว่าถ้าพลาดโอกาสนี้ไป คงต้องเสียดายมากๆ แน่นอน


000โจทย์ในสัปดาห์ไหนที่ยากที่สุด และโจทย์รอบใดที่ชอบมากที่สุด
          พูดถึงเรื่องโจทย์ยากก่อนแล้วกัน มันมีโจทย์หนึ่ง เป็นโจทย์ที่มีเหมือนในฉบับบต่างประเทศเลย คือการที่ให้ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน เดินแบบบนโต๊ะอาหาร และด้วยเครื่องแต่งกาย เครื่องเพชรหลายสิบล้าน ที่ประดับตกแต่งอยู่บนคอ อยู่ที่หู บวกกับชุดราตรีกรุยกราย นี่คือสิ่งที่ยากมากๆ สำหรับหนู เพราะครั้งหนึ่งเคยมีประสบการณ์ ทีไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ในการเดินชุดราตรี ที่ต้องมีขั้นบันไดเยอะ เพราะหนูเคยเดินเหยียบชุดราตรีแล้วล้มลงบันไดมาก่อน ครั้งนั้นเลยต้องยกให้กับพี่ลูกเกด ที่ทำให้หนูรอดการเดินแบบครั้งนั้นมาได้  ส่วนโจทย์ที่หนูชอบมากที่สุดคือ โจทย์ถ่ายแบบบนสลิงอันนี้ชอบ เพราะมันมีความตื่นเต้นท้าทาย หนูเป็นคนชอบอะไรที่แปลกๆ ไม่ซ้ำซากจำเจแบบเสี่ยงๆ นี่แหละหนูปลื้มเลย


000พูดถึงการได้ร่วมงานกับลูกเกด รู้สึกอย่างไรบ้างที่อยู่ในทีมนี้
          แต่ละสัปดาห์พี่ลูกเกด จะเรียกพวกเราในทีม พาไปสอนแบบส่วนตัวทั้งที่ตัวเองทำงานอยู่ ครั้งหนึ่งพี่ลูกเกดให้พวกหนูไปฝึกในกองถ่ายละครเรื่อง สงครามนางงาม เลยเพราะพี่ลูกเกดเขาไม่ค่อยมีเวลา แต่เขาก็ทุ่มเทเวลาให้มากที่สุด  หนูบอกเลยว่าหนูคุ้มมากและโชคดีมากๆ ที่ได้อยู่ในทีมของพี่ลูกเกด เขาเป็นเหมือนครู และแม่ของเราคนหนึ่ง ด้วยความที่เขามีลูก พี่ลูกเกดจึงให้ความอบอุ่นกับพวกเรามากๆ  คอยบอกคอยสอนเรื่องราวต่างๆ ให้เราแนะนำเทคนิคการเดินแบบรวมไปถึงการใช้ชีวิตในวงการบันเทิงด้วย


000แรงผลักดันในการก้าวไปถึงฝั่งฝันได้สำเร็จ
          หนูคิดว่าหนูมีความฝัน และความฝันพาหนูมาในจุดนี้ และครั้งหนึ่งหนูเคยพูดเล่นกับคุณพ่อเอาไว้ว่าสักวันหนึ่ง หนูจะไปอยู่ในทีวีให้พ่อดูให้ได้ แล้วพ่อคงเอาไปพูดอวดเพื่อนๆ ตอนที่เขาพูดเขาคงจะมีความสุขนั่งยิ้มดีใจ แต่ในการพูดเล่นครั้งนั้นของหนู มันก็มีความจริงอยู่ คือฝันนั้นเป็นสิ่งที่หนูต้องการจะคว้ามันมาให้เป็นจริง และหนูก็ตัดสินใจเข้ามาประกวดในรายการนี้ทันที


รู้จักกับสาวมาดมั่นให้มากขึ้น
000คิดว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน มีนิสัยใจคอแบบไหน
          หนูเป็นคนที่สบายๆ แต่ชอบความท้าทาย ตื่นเต้น หนูไม่ชอบชีวิตอะไรที่เป็นแบบซ้ำเดิมไปมา ชีวิตหนูถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ ยังเป็นแบบเดิม ไม่มีอะไรท้าทายในชีวิต หนูคงไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ เลยเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หนูเข้าประกวด  คิดว่าหลังจากจบการประกวดแข่งขันนี้แล้ว ชีวิตหนูน่าจะอยู่ในวงการบันเทิงนี่แหละ น่าจะเป็นอะไรที่ท้าทาย และเหมาะกับคนอย่างหนูมากที่สุดแล้ว เพราะเราน่าจะได้เห็น และทำอะไรที่มันไม่ซ้ำซาก ชีวิตคงจะมีอะไรที่เป็นสีสันมากกว่านี้


000เล่าเรื่องครอบครัวของตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง
          ก่อนหน้านี้หนูใช้ชีวิตอยู่กับคุณพ่อมาโดยตลอด ที่พัทยา ชลบุรี เพียงแค่สองคนเท่านั้น เพราะพ่อกับแม่หนูแยกทางกันตั้งแต่ยังเด็ก แต่ก็ยังคงติดต่อพูดคุยกับทางคุณแม่อยู่ตลอด แล้วก่อนหน้านี้ไม่นานคุณพ่อหนูเพิ่งเสียไป ตอนนี้หนูเลยย้ายเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯ เพียงคนเดียว มาเดินตามความฝันที่พ่อเคยบอกไว้ว่า อยากเห็นเราอยู่ในทีวี มาสานฝันต่อของพ่อ หนูมาอยู่ที่นี่เพียงคนเดียวมาเรียน และหาเงินเลี้ยงชีวิตตัวเองคนเดียว ฟังดูเหมือนจะเป็นชีวิตที่ลำบาก ดูเหงา ตัวคนเดียว แต่ความจริงแล้วหนูก็ไม่ได้อยู่แบบเหงาๆ เพราะหนูมีเพื่อนที่เป็นเหมือนครอบครัว อย่ามองว่าหนูน่าสงสารอะไรขนาดนั้น หนูว่าขึ้นอยู่กับที่เราคิดมากกว่า เราจะมองชีวิตของเราเองในแบบไหน หากมองให้มันเป็นความสุขก็สุขไป หากมองว่าเราทุกข์ความทุกข์นั้นมันก็จะอยู่กับเราเอง


000ย้อนอดีตในวันวานของ เด็กหญิง ซาบีน่า เป็นเด็กแบบไหน
          ตอนเด็กๆ หนูเป็นเด็กโก๊ะๆ ซนชอบไปเล่นดิน เล่นทราย ดื้อ ชอบปีนต้นไม้ ไม่ค่อยฟังผู้ใหญ่  ครั้งหนึ่งจำได้ว่าอยากกินน้ำมะพร้าวมากๆ หนูเลยปีนขึ้นไปเก็บลูกมะพร้าวเอามาเฉาะกิน แต่ดันตกลงมาเลยโดนผู้ใหญ่ตีเลย ที่สำคัญแต่ก่อน หนูเป็นคนที่ชอบดูถูกตัวเองสารพัดเลย ว่าหน้าตาหนูอย่างนี้เหรอจะเข้าวงการบันเทิง คือไม่รู้นะด้วยความที่เป็นคนที่ไม่ได้มั่นใจว่าตัวเองเป็นเด็กน่ารักอะไร สิ่งนี้มันก็เลยทำให้หนูก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงช้าไปเยอะเลย


จุดเริ่มต้นในเส้นทางมายา
000ก่อนหน้านี้ที่จะได้เข้ามาในวงการบันเทิงมองวงการนี้ไว้อย่างไร
          หนูรู้สึกว่าวงการนี้ เราต้องมีสติ ควบคุมตัวเองให้ได้ นอกจากนั้นเหนือสิ่งอื่นใด ก็คงไม่สามารถทำอะไรเราได้ เพราะเราคือตัวกำหนดชีวิตตัวเองไว้ว่าจะเดินไปในทางใดมากกว่าสิ่งเร้าอื่นๆ และที่สำคัญต้องเรียนรู้ และรู้จักการเตรียมความพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ให้ได้


000วางเป้าหมายชีวิตในวงการบันเทิงเอาไว้มากน้อนแค่ไหน
          คือหนูมีความฝันในชีวิตหลายอย่างมาก หนึ่งคือหนูชอบการเป็นนางแบบ นี่คือสิ่งที่หนูฝันและไขว่คว้ามาได้ สองสำหรับเรื่องการแสดงนั้น เป็นเรื่องใหม่สำหรับหนูมากๆ ซึ่งหนูต้องการที่จะเรียนรู้และเปิดรับในศาสตร์นี้ให้ได้ เพราะนางแบบ หนูพอรู้ว่าหลักการทำงานว่าจะต้องเป็นแบบไหน แต่ละครเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเรามาก อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือทำงานเก็บเงินไว้เลี้ยงตัวเองให้ได้ อีกอย่างที่สำคัญสุด คือหนูจะไม่มีวันละทิ้งการเรียนเด็ดขาด คือต้องเรียนให้จบด้วย ตอนนี้ชีวิตในวงการบันเทิง ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น ซึ่งในอนาคตหนูตอบไม่ได้หรอกว่าหนูจะไปไกลขนาดไหน แต่หนูรู้อยู่สิ่งหนึ่ง คือมันต้องเป็นอะไรที่ท้าทายสำหรับหนูมากๆ และเข้าใจว่าจะต้องเปิดเผยอะไรบ้าง เตรียมใจยอมรับกับสิ่งที่มันกำลังจะเข้ามาให้ได้มากที่สุด คนชอบหรือไม่ชอบมันมีอยู่แล้ว ชีวิตไม่ได้มีแค่ด้านบวกมันย่อมมีด้านลบบ้าง


000เป็นหนึ่งในว่าที่นางเอกละครเรื่อง ดาวหลงฟ้า ภูผาสีน้ำเงิน
          คือในภารกิจสุดท้ายของการประกวด มีการให้แสดงบทเจ้าหญิงจัสมิน ถามว่าจะมีโอกาสได้เล่นไหม ก็มีนะในความคิดเรา คือเราทำดี แต่ไม่รู้ว่าหน้าเราเหมาะหรือเปล่า แต่คือถ้าให้แสดงก็แสดงได้ พี่เต้ (ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก) ก็ชมว่าทำดี แต่เพนนี (กริยาณี ดาโสม) อาจจะดีกว่า ก็ต้องรอดูกันต่อ แต่ถ้าเป็นหนูที่ได้รับเลือกก็คิดว่าเป็นเกียรติ  เพราะว่ามันไม่ใช่ทุกคนที่ได้ของดีๆ แบบนี้ แล้วก็รู้สึกยินดี  ตอนนี้ต้องรอทางผู้ใหญ่จะสรุปอีกที ถามว่ามีการทาบทามหรือยัง ก็ยังนะ เพราะช่วงนี้ ต้องไปขอบคุณสื่อมวลชน ขอบคุณสปอนเซอร์ แล้วก็ต้องรอพี่เต้ออกมาพูดอีกทีหนึ่ง ซึ่งพี่เต้บอกว่าเร็วๆ นี้แน่นอน


แง้มประตูหัวใจของสาวสุดมั่น
000ตอนนี้สถานะหัวใจเป็นอย่างไรบ้าง  และสเปกของผู้ชายที่จะชนะใจซาบีน่าต้องแบบไหน
          ตอนนี้ยังนะกับความรัก หนูมีเรื่องงาน เรื่องเรียนมันเยอะแล้ว ความรักมันเป็นสิ่งที่สวยงามสำหรับหนู ถ้าเราได้อยู่กับคนที่ถูกต้องคู่ควร และพร้อมที่จะเข้าใจเราทุกเรื่อง หนูก็โอเคแล้ว  ถามถึงเรื่องสเปกของผู้ชาย หนูไม่มีเลยนะ คือถ้าคนคนหนึ่ง เดินเข้ามาถ้าเขาคนนั้นใช่ก็คือใช่  แต่เอาจริงๆ หนูชอบคนผิวเข้ม ไม่ต้องถึงขั้นต่างชาติ หรือ สูง เตี้ย กว่าหนู ไม่เป็นไรหนูรับได้ ขอแค่คนที่เข้าใจหนูเท่านั้นก็พอ  

          เชื่อได้เลยว่า "อนาคต" ของเธอคนนี้ไปได้ไกลแน่นอน

.......................................

เธอคนนี้ชื่อ   อจิรภา ซาบีน่า ไมซิงเกอร์
ชื่อเล่น   "ซาบีน่า"
อายุ 20 ปี
เกิดวันที่ 12 สิงหาคม 2537
การศึกษา ชั้นปีที่ 1 คณะ นานาชาติ สาขา การท่องที่ยวโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต
ผลงานล่าสุด   แชมป์จากรายการ เดอะเฟส ไทยแลนด์ และ คนแรกของเอชีย

.......................................
(หมายเหตุ สู่หนทางที่วาดหวังในวันวานสานต่อฝันให้เป็นจริงของ "ซาบีน่า" : บันเทิงวันเสาร์ เรื่อง...  มงคล บุญคุ้ม  ภาพ... แมน  น้อยพิทักษ์ )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่