ส่วนตัวผมเคยทำงานด้านเอกชนมาก่อน สำหรับผมแล้วผมไม่เคยกลัวงานหนักนะครับ แต่งานที่อนาคตเราอยู่ไหนโดยเราไม่สามารถคาดการณ์ได้น่ากลัวกว่า ผมจบ ม.ของรัฐด้านวิศวะในกรุงเทพมา ผมเคยทำงานบริษัทเอกชนที่นิคมที่อยุธยาพอทำได้ไม่ถึงปีผมรู้สึกว่าไม่ได้รักในงานที่ต้องกดดันผู้อื่นเพราะทำงานเอกชนเราวัดกันที่ผลกำไรเป็นตัวชี้วัด KPI ของเรา
พอทำได้1ปีก็เริ่มคิดล่ะว่าอยากเข้าไปทำงานของรัฐวิสาหกิจหรือราชการ พอมาดูวุฒิของเรา พระเจ้าจอร์จเลยครับ ตอนเรียนตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะมารับราชการ สาขาของผมที่จบมาผมไปเปิดในคุณวุฒิที่ กพ รับรองเทียบเท่ากับวิศวะเครื่องกล ซึ่งผมจบมาผมไม่ได้ กว.(พึ่งมารู้ตอนหลังว่าหลักสูตรวิศวะที่ผมเรียนเป้นหลักสูตรที่ไม่ได้รับรองจากสภาวิศวะกรไม่สามารถเทียบโอนไปเรียนเพิ่มเพื่อขอใบ กว.ได้) ซึ่งถ้าอยากเข้ารัฐวิสาหกิจนะไม่ได้แล้วสำหรับวุฒินี้ ลองเปิดดูของราชการถ้าอยากเข้าก็ต้องสอบแข่งกับคุณวุฒิที่เขารับ ป.ตรีทุกสาขา แต่ผมมามีวุฒิ ปวส.อยู่ คิดว่าจะอยากเข้ารัฐวิสาหกิจตอนนั้นที่คิดว่าอยากเข้ารัฐวิสาหกิจอายุจะย่าง26แล้วครับ อายุเกินอีกครับ พอมาดูของราชการที่จะสอบได้ก็ไม่ค่อยมีรับวุฒิทางด้าน ปวส.ที่ผมจบมาอีก(พอดีสาขาที่ผมจบทั้ง ป.ตรีและ ปวส. เป็นสาขาที่เปิดขึ้นมาใหม่) และผมมีวุฒิ ปวช.อีก อันนี้สาขาตรง แต่รัฐวิสาหกิจอายุเกินอยู่แล้ว มาดูของราชการก็แทบจะไม่ค่อยเปิดรับระดับ ปวช.
ช่วงนั้นยังคิดอะไรไม่ออกก็เลยลองไปสอบ ภาค ก ของ กพ วุฒิ ป.ตรี ไปสอบก็พยายามอ่านหนังสือไปพอควรอยู่ ผลออกมาสอบไม่ผ่าน ก็เลยคิดว่าช่วงที่จะลองสอบในด้านที่เขารับ ป.ตรีทุกสาขา ก็อยากจะเรียน ป.ตรีอีกใบ เพื่อให้เป็นสายตรงที่สามารถสอบเข้าเฉพาะสาขาไปเลย และสามารถลบข้อจำกัดทางด้านอายุของเราที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ก็เลยคิดจะเรียนนิติศาสตร์เพราะอยากทำงานกฎหมายโดยคิดไว้ตอนแรกว่าเรียนจบแล้วจะไปสอบตั๋วทนายแล้วออกไปเป็นทนายความดีกว่า ตอนนั้นก้คิดว่าจะไปเรียนยังไงเพราะที่ทำงานเดิมทำงานเสาร์เว้นเสาร์ พอดีที่บ้านแนะนำให้เรียน มสธ เพราะเรียนด้วยตัวเองแล้วไปสอบเอาเองไม่ต้องไปเรียนเก็บคะแนน เราก็สมัครเรียนตั้งใจอ่านหนังสือ แต่เรียนเทอมแรกครับน้ำท่วมหนักตอนปี54 แทบจะถอดใจเหมือนกัน เพราะงานก็วุ่นๆต้องย้ายฐานการผลิตไปอีกจังหวัด
ก็เลยตั้งใจจะไม่ย้ายงานจนกว่าจะเรียนจบ และคิดไว้ว่าเราจะทำงานบริษัทเอกชนที่นี้เป็นที่แรกและที่สุดท้าย ต่อให้หนักกว่าเดิมก้จะทนอยู่เพื่อเรียนให้จบ ช่วงเรียน3เทอมแรกไม่ได้ไปสอบของ กพ เลย เพราะงานยุ่งมากแล้วต้องอ่านหนังสือเรียนด้วย พอเข้าเทอมที่4 ก็ลองไปสอบ กพ คุณวุฒิ ป.ตรี อีกครั้ง ผลที่ออกมาก็สอบไม่ผ่านอีกแล้ว ก็ยังไม่ถอดใจก็กลับไปตั้งหน้าตั้งตาเรียนต่อ บางครั้งก็ท้อเหมือนกันครับเห็นเพื่อนเราไปเที่ยวเล่นกินเหล้าสบายใจ แต่เราต้องมานั่งอ่านหนังสือทุกวัน วันล่ะ2-3ชั่วโมง ผมก้ยังคงทำงานอยู่ที่เดิมจนเข้าเทอมสุดท้ายที่เรียน พอดีมีหน่วยงานราชการหน่วยหนึ่งเปิดรับสมัครสอบซึ่งรับเยอะหลายอัตราตั้งแต่ วุฒิ ปวช-ปวส โดยไม่จำกัดอายุ ตอนผมจะสมัครก็คิดอยู่ว่าจะใช้วุฒิไหนดีลองเอามาเทียบดูอีกครั้ง วุฒิ ป.ตรีกับ ปวส. สอบได้เฉพาะตำแหน่งที่รับ ป.ตรี หรือ ปวส. ทุกสาขา ดูแล้วตำแหน่งที่รับดูแล้วไม่ใช่สายช่างอย่างที่เราถนัด เลยเอาวุฒิ ปวช ลองสมัครสอบดู สมัครปลายปีครับนึกว่าจะสอบซักประมาณต้นปี แต่การสอบเลื่อนไปเลื่อนมาจนมาสอบ1อาทิตย์ที่ผมจะสอบของ มสธ ที่ผมกำลังเรียนอยู่ ผมเรียนเทอมสุดท้ายแล้วเหลือแค่3วิชาก็อยากจบเทอมนี้เหมือนกัน หนักเลยครับผมช่วงนั้น อ่านหนังสือเรียนก็ต้องอ่าน อ่านหนังสือสอบเข้าราชการก็ต้องอ่าน
เดียวกลับมาเล่าต่อนะครับ
ระหว่างงานที่เงินเดือนเริ่มต้นน้อยแต่โตไปอย่างมั่นคง กับงานที่เงินเดือนเยอะแต่อนาคตไม่แน่นอน
ส่วนตัวผมเคยทำงานด้านเอกชนมาก่อน สำหรับผมแล้วผมไม่เคยกลัวงานหนักนะครับ แต่งานที่อนาคตเราอยู่ไหนโดยเราไม่สามารถคาดการณ์ได้น่ากลัวกว่า ผมจบ ม.ของรัฐด้านวิศวะในกรุงเทพมา ผมเคยทำงานบริษัทเอกชนที่นิคมที่อยุธยาพอทำได้ไม่ถึงปีผมรู้สึกว่าไม่ได้รักในงานที่ต้องกดดันผู้อื่นเพราะทำงานเอกชนเราวัดกันที่ผลกำไรเป็นตัวชี้วัด KPI ของเรา
พอทำได้1ปีก็เริ่มคิดล่ะว่าอยากเข้าไปทำงานของรัฐวิสาหกิจหรือราชการ พอมาดูวุฒิของเรา พระเจ้าจอร์จเลยครับ ตอนเรียนตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะมารับราชการ สาขาของผมที่จบมาผมไปเปิดในคุณวุฒิที่ กพ รับรองเทียบเท่ากับวิศวะเครื่องกล ซึ่งผมจบมาผมไม่ได้ กว.(พึ่งมารู้ตอนหลังว่าหลักสูตรวิศวะที่ผมเรียนเป้นหลักสูตรที่ไม่ได้รับรองจากสภาวิศวะกรไม่สามารถเทียบโอนไปเรียนเพิ่มเพื่อขอใบ กว.ได้) ซึ่งถ้าอยากเข้ารัฐวิสาหกิจนะไม่ได้แล้วสำหรับวุฒินี้ ลองเปิดดูของราชการถ้าอยากเข้าก็ต้องสอบแข่งกับคุณวุฒิที่เขารับ ป.ตรีทุกสาขา แต่ผมมามีวุฒิ ปวส.อยู่ คิดว่าจะอยากเข้ารัฐวิสาหกิจตอนนั้นที่คิดว่าอยากเข้ารัฐวิสาหกิจอายุจะย่าง26แล้วครับ อายุเกินอีกครับ พอมาดูของราชการที่จะสอบได้ก็ไม่ค่อยมีรับวุฒิทางด้าน ปวส.ที่ผมจบมาอีก(พอดีสาขาที่ผมจบทั้ง ป.ตรีและ ปวส. เป็นสาขาที่เปิดขึ้นมาใหม่) และผมมีวุฒิ ปวช.อีก อันนี้สาขาตรง แต่รัฐวิสาหกิจอายุเกินอยู่แล้ว มาดูของราชการก็แทบจะไม่ค่อยเปิดรับระดับ ปวช.
ช่วงนั้นยังคิดอะไรไม่ออกก็เลยลองไปสอบ ภาค ก ของ กพ วุฒิ ป.ตรี ไปสอบก็พยายามอ่านหนังสือไปพอควรอยู่ ผลออกมาสอบไม่ผ่าน ก็เลยคิดว่าช่วงที่จะลองสอบในด้านที่เขารับ ป.ตรีทุกสาขา ก็อยากจะเรียน ป.ตรีอีกใบ เพื่อให้เป็นสายตรงที่สามารถสอบเข้าเฉพาะสาขาไปเลย และสามารถลบข้อจำกัดทางด้านอายุของเราที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ก็เลยคิดจะเรียนนิติศาสตร์เพราะอยากทำงานกฎหมายโดยคิดไว้ตอนแรกว่าเรียนจบแล้วจะไปสอบตั๋วทนายแล้วออกไปเป็นทนายความดีกว่า ตอนนั้นก้คิดว่าจะไปเรียนยังไงเพราะที่ทำงานเดิมทำงานเสาร์เว้นเสาร์ พอดีที่บ้านแนะนำให้เรียน มสธ เพราะเรียนด้วยตัวเองแล้วไปสอบเอาเองไม่ต้องไปเรียนเก็บคะแนน เราก็สมัครเรียนตั้งใจอ่านหนังสือ แต่เรียนเทอมแรกครับน้ำท่วมหนักตอนปี54 แทบจะถอดใจเหมือนกัน เพราะงานก็วุ่นๆต้องย้ายฐานการผลิตไปอีกจังหวัด
ก็เลยตั้งใจจะไม่ย้ายงานจนกว่าจะเรียนจบ และคิดไว้ว่าเราจะทำงานบริษัทเอกชนที่นี้เป็นที่แรกและที่สุดท้าย ต่อให้หนักกว่าเดิมก้จะทนอยู่เพื่อเรียนให้จบ ช่วงเรียน3เทอมแรกไม่ได้ไปสอบของ กพ เลย เพราะงานยุ่งมากแล้วต้องอ่านหนังสือเรียนด้วย พอเข้าเทอมที่4 ก็ลองไปสอบ กพ คุณวุฒิ ป.ตรี อีกครั้ง ผลที่ออกมาก็สอบไม่ผ่านอีกแล้ว ก็ยังไม่ถอดใจก็กลับไปตั้งหน้าตั้งตาเรียนต่อ บางครั้งก็ท้อเหมือนกันครับเห็นเพื่อนเราไปเที่ยวเล่นกินเหล้าสบายใจ แต่เราต้องมานั่งอ่านหนังสือทุกวัน วันล่ะ2-3ชั่วโมง ผมก้ยังคงทำงานอยู่ที่เดิมจนเข้าเทอมสุดท้ายที่เรียน พอดีมีหน่วยงานราชการหน่วยหนึ่งเปิดรับสมัครสอบซึ่งรับเยอะหลายอัตราตั้งแต่ วุฒิ ปวช-ปวส โดยไม่จำกัดอายุ ตอนผมจะสมัครก็คิดอยู่ว่าจะใช้วุฒิไหนดีลองเอามาเทียบดูอีกครั้ง วุฒิ ป.ตรีกับ ปวส. สอบได้เฉพาะตำแหน่งที่รับ ป.ตรี หรือ ปวส. ทุกสาขา ดูแล้วตำแหน่งที่รับดูแล้วไม่ใช่สายช่างอย่างที่เราถนัด เลยเอาวุฒิ ปวช ลองสมัครสอบดู สมัครปลายปีครับนึกว่าจะสอบซักประมาณต้นปี แต่การสอบเลื่อนไปเลื่อนมาจนมาสอบ1อาทิตย์ที่ผมจะสอบของ มสธ ที่ผมกำลังเรียนอยู่ ผมเรียนเทอมสุดท้ายแล้วเหลือแค่3วิชาก็อยากจบเทอมนี้เหมือนกัน หนักเลยครับผมช่วงนั้น อ่านหนังสือเรียนก็ต้องอ่าน อ่านหนังสือสอบเข้าราชการก็ต้องอ่าน
เดียวกลับมาเล่าต่อนะครับ