หลังจากที่ห่างหายไปนานจากตอนแรก เราก็มีอารมณ์อยากเขียนต่อขึ้นมาแล้ว...(ขอโทษนะ ถ้าใครรอติดตาม)
คนที่ยังไม่เคยอ่านตอนแรก เราก็ยัดเยียดให้ไปเลยละกัน http://ppantip.com/topic/32873116 ไปอ่านกันก่อนเลย เดี๋ยวจะไม่สนุก(คิดเองเออเองทั้งนั้น)
.
.
จากตอนที่แล้วทิ้งท้ายที่ไป fish market ไปซื้ออาหารทะเล เพื่อไปทำอะไรทานกันที่ coogee beach

พอมาถึงพวกเราก็เริ่มต้นทำการปิ้งๆย่างๆ เพราะหิวกันมาก ที่นั้นจะมีเตาไฟฟ้าอยู่บนชายหาดให้นักท่องเที่ยวเรียบร้อย (บ้านเราน่าจะมีบ้างเนอะ ถ้ามีก็ขอให้ไม่ชำรุดเร็วไป)


รูปร่างหน้าตาเตาไฟฟ้า

อาหารที่พวกเรายัดเข้ากระเพาะกัน



แซลม่อน ทูน่า กุ้ง หมึก สแกลอป บลาๆ (บอกได้แค่ว่า มันละลายในปากเลยแหละ)

บรรยากาศที่นี้ เหมาะกับไปดูพระอาทิตย์ตก นั่งทานอาหาอร่อยๆ เอาเท้าแตะน้ำทะเลเบาๆ




เราชอบนะที่นี้ ไปกับเพื่อนหลายๆคนยิ่งสนุก

เราคิดว่าสถานที่ท่องเที่ยว จากรูปเราน่าจะหมดแล้วมั้ง ก็เหลือแต่รูปของกิน

งั้นมาเริ่มดูรูปของกินที่เราไปเผชิญมาเลยละกันเนอะ



ภาพด้านบนเป็น ร้านอาหารแดจังกึม ร้านอาหารดังของเกาหลีที่นี้คนไปทานกันเยอะ หลังจากมึนๆออกจากผับ บาร์ แต่เราว่ามันก็คล้ายๆร้านชาบูบ้านเรานะ เรื่องน้ำจิ้มกับเครื่องเคียงต้องยกให้เขาไปเลย

ต่อไป


อันนี้คือ พิซซ่า เราก็จำไมได้ว่าของประเทศอะไร ร้านอยู่ที่ Darling harbour ต้องไปตอนกลางวันนะ
แล้วแต่ละวันจะมีโปรโมชั่นต่างกัน วันนั้นที่เลือกกินอันนี้เพราะลดราคาพอดี (ต้องเซฟเงินในกระเป๋าอย่างหนัก ณ เวลานั้น)

ถ้าใครไปช่วงงาน vivid ในซิดนีย์ ก็จะได้เห็นการฉายแสงสีลงบนตัว opera house
แล้วถ้านั่งทานอาหาร ร้านอาหารตรงนั้นนะ จะได้บรรยาการโรแมนติกมาก  
      นี่เลยอยากซึมซาบบรรยากาศงั้นบ้าง เลยของร้องเพื่อนๆว่า ไปกันเหอะ (ไปคนเดียวไม่ได้ ราคาสูงเอาเรื่องอยู่)



แนะนำไปกับคนรู้ใจอะไรแบบนี้ โรแมนติกมาก(นี่ไปกับเพื่อนๆพี่ๆคะ คนรู้ใจก็หากันต่อไป)


มาอยู่นี้แทนที่จะได้ทานอาหารฝรั่งอะไรแบบนี้ นี่ไม่เลยอาหารเกาหลีทั้งนั้น ไม่ก็อาหารไทยของร้านอาหารที่ทำอยู่



ภาพด้านบนก็ร้านเกาหลีอีกเช่นกัน

ชื่อร้านจำไม่ได้ (ป่าวๆเลย ที่จริงอ่านภาษาพี่เกาหลีแกไม่ออก)


เอารูปไปดูชื่อร้านละกัน เผื่อใครอ่านออก เผื่อใครอยากไปทาน


อร่อยนะอร่อย พนักงงานเสริฟก็ชิวๆ สบายๆ(รับออเดอร์ไป ทานองุ่นต่อหน้ากูไป สบายๆชิวๆ)


ทานอยู่นั่นแหละเกาหลีเพราะดันมีพี่ที่สนิทชอบเกาหลี และดันมีเพื่อนเป็นเกาหลี


ร้านอาหารด้านล่าง แนะนำๆเลย (แนะนำเพราะมันดัง) ใครมาก็ต้องมาทานร้านนี้
ส่วนเรื่องรสชาติก็อร่อยสมคำล้ำลือ คนที่ชอบทานsteak , pork rib , pancakes น่าจะมาลิ้มรส

ชื่อร้าน Pancakes on the rocks






.....พอๆ สำหรับอาหาร เดี๋ยวจะกลายเป็นกระทู้รีวิวอาหารกันพอ /จบ. อาหาร

เราได้ไปเจอเพื่อนคนหนึ่งที่ซิดนีย์ เจอกันในร้านเหล้าโดยบังเอิญ คุยไปคุยมาก็เป็นเพื่อนกันเฉยเลย
นางมาอยู่ที่ออสเตรเลียตั้งแต่อายุ 14 จนตอนนี้ 21 แล้ว ครอบครัวเลยย้ายมาอยู่ที่นี้เป็นหลักเป็นแหล่ง ภาษาของนางเลยดีกว่าเรามาก

สิ่งที่น่าแปลกคือ ระยะเวลาที่รู้จักกันแป๊ปเดียว แต่ได้คำว่าเพื่อนมานี่ถือว่าคุ้มสุดๆ

ขอเขียนถึงนางหน่อยนะ

(ไอคนหัวดำๆอ้วนๆ5555)


วันที่หมดสัญญาที่บ้านพักก่อนจะกลับไทย ก็อาศัยบ้านนางตั้งหลายวันนี่แหละ พักพิง

แค่เวลาไม่กี่วันก็พอจะเข้าใจ life style เด็กนอกได้มานิด
.....ไม่ค่อยเล่น social media
.....ในบ้านมีเครื่องดนตรีเกือบทุกชนิด
.....ไปเรียนตอนไหนก็ได้ แต่นางบอกว่าถ้าวันไหนไม่ไป ถือต้องยืมเพื่อนจดให้เป็นเป็นปัจจุบันที่สุด
.....เลือกเรียนในสิ่งที่เราสนใจจะเรียน มันไม่มีหลักสูตรเหมือนที่ไทย
......ที่นี่ให้ความสำคัญกับงานฝีมือมากกว่า เช่น ช่างไม้ ช่างซ้อม ช่างเชื่อม ช่างเล็บ ฯลฯ (เงินดีกว่าด้วย)
......วันว่างๆ ก็ไม่มานั่งเล่นคอมฯกันหรอก เพื่อนจะนัดมาทำกิจกรรมกัน อย่างเช่น ไปเล่นเจ็ตสกี สเก็ตบอร์ด เล่นดนตรี ฯลฯ
......ทำงานหาเงินเรียนเองตั้งแต่ high school ไม่อยากขอเงินที่บ้านเวลาอยากได้อะไร

จำได้ประมาณนี้ นี่เลยกลับมาคิดว่า "แล้วกูทำอะไรอยู่ว่ะ" (คิดได้ตอนนั้นนะ)
เราก็เอาสิ่งที่เราพอรู้บ้างมาบอก ในอีกแง่มุมหนึ่งของโลกกันเนอะ

อ่าว ..แล้วที่นี้จะโม้ต่อเรื่องอะไรดีล่ะ..(ไม่ได้เขียนโครงเรื่อง ก่อนมาเขียนด้วย เลยหารูปไปก็เขียนไป ขอโทษทีนะ)

เราก็ไม่อยากบรรยายเป็นตัวหนังสือเยอะ เราคิดว่าคนส่วนใหญ่คงชอบดูภาพมากกว่าที่จะมานั่งอ่านกันเนอะ
งั้นเราเอารูปที่เหลือๆ มาพูดนิดๆ ให้เห็นบรรยากาศของเมืองที่เราคิดว่าสวยมาให้ดูแทน


นี่เป็นสี่แยก ของห้าง QVB ที่เราต้องข้ามไฟแดงททุกวันในวันที่ไปเรียนสาย



ไฟแดง ไฟเขียว ไฟส้ม อะไรก็ตาม จะตรงเวลามาก เราเคยสังเกตุตัวเอง ถ้าเลยเวลาเดิมนิดเดียว คือต้องรอไฟแดงละ


สะพานยอดนิยมในการถ่ายรูปเมื่อมาเยือนที่นี้




ท่าเรือขนาดใหญ่ ตรง opera house



ภาพบรรยากาศที่ต่างๆ ที่พอจะถ่ายเก็บมาไว้ได้บ้าง (พูดไปแล้วน่าเสียดายนะ ที่ไม่นึกถึงการถ่ายภาพสถานที่ต่างๆไว้)














หมดละภาพเมืองในฝันของใครหลายคน หนึ่งในนั้นก็เมืองในฝันของเราที่หนึ่ง

    
เอาเป็นว่าสิ่งที่เราได้กลับมาจากที่นี้
...1."ประสบการณ์"  เราให้อันนี้เป็นอันดับหนึ่ง เพราะแต่ละคนต้องลองไปเผชิญกันเอง ประสบการณ์กันของแต่ละคนคงไม่ซ้ำกันแน่นอน
                   อย่างของเรา คือการทำงาน ที่เราคิดว่าอยู่ที่ไทยก็คงไม่ได้อะไรที่เราเจอแบบนี้มาเหมือนกัน
         ...................................................................................................................................................
       ไปยืนทนทำงานอากาศหนาวราวๆ 10 องศา เพื่อได้เงินมา  
       ไปเป็นพนักงานเสริฟ ร้านที่คนเยอะมากๆทุกวัน (เดินจนขาลากแทบทุกวัน) บางวันก็คุยกับลูกค้าไม่เข้าใจ
       ไปเดินส่ง resume ตามร้านต่างๆ(ตอนนั้นแอบอายอยู่เหมือนกันนะ) แต่เขาไม่รับทำงาน
      
               อีกอันก็ การใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ห่างจากครอบครัว ดูแลตัวเอง เก็บเงินจ่ายค่าบ้านเอง จ่ายค่าอาหารการกินเอง เราว่าเราเก่งขึ้นเยอะ


        
...2."เพื่อน" เพื่อนต่างอายุ ...บางคน40 บางคน35 บางคน25 (ตัวเลขคืออายุนะ ไม่ใช่รอบเอว) อายุที่ต่างกันแต่เราคุยกันรู้เรื่อง คุยกันแบบที่ว่าต่างคนต่างไม่มองกันและกันว่า เธออายุน้อยกว่านะ เธออายุมากเกินไปนะ ไม่เลยทุกคนพร้อมที่จะร่วมแชร์สิ่งต่างๆให้แก่กัน เราว่ามันเจ๋งสุดละ




...3."ภาษา" ..ถามว่าได้มาเยอะไม่ เราตอบตรงๆเลยว่า "ไม่"  อาจเป็นเพราะเราไม่ตั้งใจเรียนด้วย เราคบเพื่อนไทยส่วนใหญ่ด้วย ระยะเวลาที่ไปด้วย แต่ก็ถือว่ายังได้กลับมานะ ได้ความกล้าพูดมากขึ้น เทคนิคการจำที่ดีกว่าเดิม การออกเสียงที่ถูกต้อง เราเลยคิดว่าการที่ได้ไปเรียนกับเจ้าของภาษาหรือที่ที่ไม่พูดไทยเลย ได้อะไรมากกว่าจริงๆ ไม่เชื่อก็ลองไปดู แล้วจะรู้ว่ามันได้อะไรกลับมาบ้างมั้ย 555555





...4."connection" อย่างทีว่า บางคนเงินเดือนตอนอยู่ไทย 6-8 หมื่น บางคนเป็นผู้จัดการบริษัทต่างๆ บางคนบ้านทำธุระกิจส่งออกต่างประเทศ  บลาๆ พอได้คุยแล้วเหมือนเราเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่อยู่มุมหนึ่งของโลกเท่านั้น ดูตัวเองเล็กลงอย่างบอกไม่ถูก แต่ที่พูดมา connection ที่ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ดี เลยทำให้ตัวเองกระตือรือร้นที่จะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนคนอื่นบ้าง(ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นสักอัน)  มันคงคล้ายๆกับที่เราอ่านหนังสือเล่มที่เห็นความสำเร็จของคนอื่นอะไรประมาณนี้





..5."การอยู่ร่วมกับผู้อื่น" ถ้าสำหรับคนที่เข้ากับคนง่ายเรื่องนี้คงสบายอยู่แล้ว สำหรับเรา เราก็ว่ามันไม่อยากนะ แต่พอได้ไปอยู่จริงๆมันยาก ต่างพ่อต่างแม่ไม่พอ ต่างภาษาด้วยทีนี้ วัฒนธรรมก็ต่างกัน การกินการอยู่ก็ต่างกัน .........มันเกิดจากการเรียนรู้จริงๆของแบบนี้




..6."ใช้ชีวิต"  คำนี้อาจฟังดูเหมือนการอยู่ร่วมกับคนอื่นกับประสบการณ์แต่เราขอแยกออกมา เพราะการใช้ชีวิตที่คิดเอง ตัดสินใจเอง ไม่มีคนร่วมคิดหรือช่วยตัดสินใจ แต่การใช้ชีวิตที่นี้ก็ดีนะ ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมานั่งสนใจใคร ไม่มีใครสนใจเรา มันเลยทำให้ "การนินทากันน้อยลง"




...7."ซิดนีย์" ประเทศนี้ ไม่สิเป็นเมือง  เท่าที่เราถามคนอื่นที่อยู่ที่นี่มานาน บอกกันว่าหาเงินง่ายสุดแล้ว อยู่ที่ว่าเราอดทนแค่ไหน มีทั้งนวดแผนไทย(นวดแบบจริงๆนะ) ถือป้ายนวดแผนไทย พ่อครัว ผู้ช่วยพ่อครัว เด็กเสริฟ คนเดินอาหาร คนทำอองเทร์ คนล้างจาน พนักงานทำความสะอาด คนห่อผัก ช่างซ่อม คนเลี้ยงเด็ก  เท่าที่เราพอรู้ก็ประมาณนี้ เห็นมั้ยว่ามันเยอะอยู่เหมือนกันนะสำหรับการใช้แรงงานเพื่อหาเงิน





..8."_____________"  อันนี้ เราขอ blank ไว้  ไว้ให้ใครลองไปดูแล้วได้อะไรกลับมานอกจากที่เราได้บ้าง  ของแบบนี้ต้องลอง

..............................................................................................................................................................................
ถามว่าอยากไปอีกมั้ย
ที่นี้เราว่าเหมาะกับคนที่เรียนจบแล้ว แล้วไปอยู่ยาวๆเอาภาษายาวๆ เอาเงินยาวๆ ถ้าหวังแบบนี้ที่นี่เหมาะ (เราก็ฟังจากหลายๆคนที่ถามมา)



ถามว่าเราจะไปไหนต่อ  เราอยากลองไป "อังกฤษ" ดู อยากรู้ว่าเจ้าของถิ่นภาษา เมืองผู้ดีนี่มันเป็นยังไงกัน (ขอเก็บตังค์ก่อนนะ)
....เพราะว่าราคามันไม่ต่างกันเลย ที่สำคัญที่พักถูกกว่า และมีงานรองรับ  (หวังสบายคะ555)
ปล.ใครสนใจไปอังกฤษก็ลอง โทรไปดูนะ 086-7899636  (อันนี้พูดเผื่อไว้ อาจได้เจอกัน)






เราหวังว่ากระทู้เรา อาจจะมีประโยชน์กับใครหลายๆคนบ้างนะ

สงสัยอะไรเพิ่มเติม เอเจน ราคาที่ไป อะไรยังไงถามในข้อความได้ๆ  ถ้าเรารู้เดี๋ยวเราจะตอบให้ทันทีเลย