เป็นเรื่องที่ผมเคยเขียนไว้ในบล็อค เมื่อหลายปีแล้ว
ทุกเรื่องที่เขียน เอามาเล่า เกิดขึ้นจริงๆ กับตัวผมเอง ในขณะนั้นครับ
มีอยู่3กรณี ที่ประทับใจและเอามาเล่าในที่นี่
เรื่องแรก แท็กซี่ฮ่องกง ครับ " สาม ร้วย จีง จีง ด่วย"
ผมไปทำธุระที่ฮ่องกงกับเพื่อนอีกสามคน
ด้วยความที่ต้องเร่งรีบ จึงเรียกใช้บริการแท๊กซี่
พอบอกปลายทางที่เราต้องการจะไป เท่านั้นแหละทุกคนก็รู้ว่า
ปัญหาของภาษาที่ใช้สื่อสารเกิดขึ้นแล้ว เพราะสำเนียงของเราเพี้ยน
คนขับรถก็พูดได้แต่กวางตุ้งของฮ่องกง จีนกลางพูดได้นิดหน่อย อังกฤษก็ไม่แข็งแรง
ส่วนเราทั้งสี่คน ภาษากวางตุ้งไม่ได้เลย ถ้าผักบุ้ง ผักกาดขาวยังพอไหว
พวกเราก็ช่วยกัน ออกสำเนียง บอกชื่อปลายทางที่จะไป คนขับก็ขับไป พยักหน้าบอกเราว่าเข้าใจ
รถวิ่งมาได้ประมาณ 20นาที เราก็เริ่มแปลกใจ ว่าทางนี้ไม่คุ้น เริ่มจะไม่ใช่ละ
เราก็ทักคนขัยว่า มาผิดทางแล้ว คนขับก็บอกว่าใช่ ทางนี้แหละ
พวกเราก็เริ่มทวนชื่อสถานที่อีกครั้งกับคนขับ ...................เขาก็บอกว่าใช่ ถูกแล้ว
รถวิ่งอยู่บนทางพิเศษ ..ใจผมคิดว่าผิดสถานที่แน่นอน .........
ใช่แล้วครับ ผิดสถานที่จริงๆ เพราะป้ายบอกทางมันเป็นอีกชื่อหนึ่ง ที่ออกเสียงล้ายกัน
หน้าปัดมิเตอร์ขึ้น 200HK$ แล้ว ปกติที่เคยมา จะประมาณ 208HKS แต่นี่หลงมาไกลมาก
นึกขึ้นได้ว่ามีแผนที่รถไฟฟ้าของฮ่องกงอยู่ในกระเป๋า จึงเอาออกมาบอกว่า เราต้องการไปที่สถานที่ตรงสถานีนี้
พี่คนขับก็ติดต่อเข้าศูนย์ เพื่อขอข้อมูลเส้นทางเพื่อย้อนกลับมาให้เร็วที่สุด
ย้อนกลับมาได้สักพักหนึ่งผม มองที่หน้าปัดมิเตอร์ อยู่ 255HK$ จึงบ่นกับเพื่อนว่า
............"ตรูว่า..สามร้อย แน่เลย"
........... คนขับยกมือขึ้นบอกว่าให้เราจ่ายเพียง 220HK$ เท่านั้น
............เออ...มีน้ำใจนะ......เอ๊าะ..ๆๆๆ เราบ่นเป็นภาษาไทยนะ ทำไมพี่เขาฟังรู้ละ
ระหว่างทางพี่คนขับก็พยายามพูด ๆ ๆ ๆ ให้เราสบายใจ แต่เป็นกวางตุ้งนะ เราฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง
พอรถวิ่งมาถึงจดหมายปลายทางที่เราบอก
พี่คนขับแท๊กซี่ก็ชี้ไปที่ มิเตอร์แล้วบอกกับพวกเราว่า ............" สามร้วย จีง จีง ด่วย"
......ฮากันทั้งคันครับ..ฟังไทยได้ก็ไม่บอก ....
ผมชื่นชมตรงที่พี่เขามีน้ำใจนะครับ ไม่ฉวยโอกาสฟันราคาตามมิเตอร์
จริงๆ เราก็จ่ายตามมิเตอร์ได้ แต่ขอบ่น
แต่เมื่อพี่เขายอมลดให้เรา เราก็ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจของเขาได้
...........................................................
เรื่องที่ 2 แท็กซี่เสิ่นเจิ้น ประเทศจีน " บริการที่เป็นธรรม"
เรื่องนี้เกิดขึ้นในเมือง เซิ่นเจิ้น ประเทศจีนครับ เราเคยได้รับรู้หลายเรื่องในเรื่องที่ไม่ดีจากประเทศจีน แต่ก็มีบางอย่างที่เรานึกไม่ถึง ก็มีเรื่องดีๆ มาเล่าให้ฟัง ด้วยเช่นกัน
ผมเรียกแท๊กซี่จากหน้าบริษัทเพื่อที่จะไปยังโรงงานแห่งหนึ่ง
แต่ก็มีปัญหาเรื่องภาษาสื่อสารอีกเช่นเคยครับ
พอเข้ามานั่งในรถแท๊กซี่ เราก็กดโทรศัพท์ไปยังหมายเลขของโรงงาน แล้วส่งให้พี่โซเฟอร์เพื่อคุยกับปลายทาง เพื่อสอบถามเส้นทาง และสถานที่ๆที่เราต้องการเดินทางไป วิธี้เราใช้ประจำ และสะดวกดีครับ แล้วสบายใจว่า ไปถูกแน่นอน
ขณะที่คุณโชเฟอร์ คุยโทรศัพท์เรื่องข้อมูล เส้นทาง ที่อยู่
แกกับขับรถวิ่งไปเรื่องๆๆ บนถนน แต่เราเห็นว่าพี่ท่านยังไม่กด มิเตอร์
แอบคิดในใจ เผื่อว่าคุยกันแล้วไปไม่ได้ ไปไม่ถูก เขาอาจจะให้เราลง ก็ยังไม่กดมิเตอร์
เมื่อสนทนาทางโทรศัพท์กันเรียบร้อย เขาก็ส่งโทรศัพท์คืนผม
แล้วคุณโชเฟอร์ก็บอกว่า ...เข้าใจแล้ว
ผมก็บอกกับคุณโชเฟอร์ว่า ....คุณลืมกดมิเตอร์นะ
คุณโชเฟอร์บอกว่า.....ไม่ได้ลืมกดนะ....แต่รถติดไฟแดงอยู่ ให้เขียวแล้วค่อยกด
ผมได้แต่อมยิ้ม แล้วคิดในใจ ... ถ้าเป็นที่ กทม บ้านเรานะ เขากดตั้งแต่โผล่หัวเข้ามาในรถละ
............................................................................................
เรื่องที่สาม ย่านซานเมืองของเสิ่นเจิ้น ประเทศจีน "คุณธรรม"
แถวย่านชานเมืองของเซิ่นเจิ้น ย่านนอกเมือง แท๊กซี่จะมีน้อยมาก ต้องรอว่ามีเข้ามาส่งคนแล้วถึงจะมีรถ
เวลาประมาณตี4 หลังจากตรวจงานที่โรงงานแห่งหนึ่งเสร็จ
โรงงานบอกว่าไม่ได้เตรียมรถไว้ให้ เพราะไม่รู้ว่าจะเสร็จตอนไหน
กรรมละ .....แล้วจะกลับยังไงละ
เขาบอกว่าคอยแท๊กซี่ก็ได้ นานๆ จะมเข้ามาคันหนึ่ง แต่ต้องออกไปคอยที่ถนนใหญ่
เดินจากโรงงานมาที่ถนนใหญ่เกือนร่วมกิโลได้ ไม่ได้คิดกลัวอะไร เพราะมีเพื่อนอีกสามคน
มองเห็นรถแท๊กซี่ วิ่งที่ถนนใหญ่ พวกเราวิ่งตามกัน ยังกะเด็กๆๆ วิ่งตามรถหนังกลางแปลง
พอเรียกแท็กซี่ได้ ทุกคนเข้าแท๊กซี่กันครบ พี่คนขับก็ขับไป พูดไป อธิบายไป
แต่เราไม่เข้าใจ ....แล้วเขาก็ไม่กดมิเตอร์ อีกแล้ว วิ่งมาจะ2กิโลแล้วนะ
เราก็ทักเขา....เขาก็อธิบาย ๆ ๆ ๆ ๆ .......ตรูก็ไม่เข้าใจ
แล้วเขาก็เลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมัน แล้วบอกให้เราลง แล้วรอ ขอเติมน้ำมันก่อน
ได้น้ำมันแล้ว เรียกเราขึ้นรถ ...แล้วก็กดมิเตอร์ ขับออกมาส่งเราถึงจุดหมาย
....ยิ้มอีกแล้ว...ถ้าเป็น กทม บ้านเรา พี่ท่านคงกดรอ ตั้งแต่พวกเราวิ่งมาแล้วละ
ปล: ค่าบริการแท๊กซี่ที่นี่ ปีที่แล้วเริ่มต้นที่ 12หยวน ปีนี้ (2011) ปรับลงเหลือ 10หยวน
ผมก็ได้แต่หวังว่าผู้ประกอบการรถแท็กซี่ ผู้ขับและให้บริการรถแท็กซี่ อยากให้ผู้โดยสารทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติพูดถึงท่าน งานของท่านในเรื่องดีๆแบบนี้บ้างนะครับ สุดท้ายมันก็จะส่งผลกับธุรกิจของ่ทานเองนั่นแหละครับ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=chadchad&month=12-12-2010&group=2&gblog=3
แท็กซี่บ้านเรากำลังเป็นประเด็น ... เอาเรื่องแท็กซี่ต่างประเทศมาให้ดูกันบ้าง เป็นสิ่งที่หาได้ยากมากกับแท็กซี่บ้านเรา
ทุกเรื่องที่เขียน เอามาเล่า เกิดขึ้นจริงๆ กับตัวผมเอง ในขณะนั้นครับ
มีอยู่3กรณี ที่ประทับใจและเอามาเล่าในที่นี่
เรื่องแรก แท็กซี่ฮ่องกง ครับ " สาม ร้วย จีง จีง ด่วย"
ผมไปทำธุระที่ฮ่องกงกับเพื่อนอีกสามคน
ด้วยความที่ต้องเร่งรีบ จึงเรียกใช้บริการแท๊กซี่
พอบอกปลายทางที่เราต้องการจะไป เท่านั้นแหละทุกคนก็รู้ว่า
ปัญหาของภาษาที่ใช้สื่อสารเกิดขึ้นแล้ว เพราะสำเนียงของเราเพี้ยน
คนขับรถก็พูดได้แต่กวางตุ้งของฮ่องกง จีนกลางพูดได้นิดหน่อย อังกฤษก็ไม่แข็งแรง
ส่วนเราทั้งสี่คน ภาษากวางตุ้งไม่ได้เลย ถ้าผักบุ้ง ผักกาดขาวยังพอไหว
พวกเราก็ช่วยกัน ออกสำเนียง บอกชื่อปลายทางที่จะไป คนขับก็ขับไป พยักหน้าบอกเราว่าเข้าใจ
รถวิ่งมาได้ประมาณ 20นาที เราก็เริ่มแปลกใจ ว่าทางนี้ไม่คุ้น เริ่มจะไม่ใช่ละ
เราก็ทักคนขัยว่า มาผิดทางแล้ว คนขับก็บอกว่าใช่ ทางนี้แหละ
พวกเราก็เริ่มทวนชื่อสถานที่อีกครั้งกับคนขับ ...................เขาก็บอกว่าใช่ ถูกแล้ว
รถวิ่งอยู่บนทางพิเศษ ..ใจผมคิดว่าผิดสถานที่แน่นอน .........
ใช่แล้วครับ ผิดสถานที่จริงๆ เพราะป้ายบอกทางมันเป็นอีกชื่อหนึ่ง ที่ออกเสียงล้ายกัน
หน้าปัดมิเตอร์ขึ้น 200HK$ แล้ว ปกติที่เคยมา จะประมาณ 208HKS แต่นี่หลงมาไกลมาก
นึกขึ้นได้ว่ามีแผนที่รถไฟฟ้าของฮ่องกงอยู่ในกระเป๋า จึงเอาออกมาบอกว่า เราต้องการไปที่สถานที่ตรงสถานีนี้
พี่คนขับก็ติดต่อเข้าศูนย์ เพื่อขอข้อมูลเส้นทางเพื่อย้อนกลับมาให้เร็วที่สุด
ย้อนกลับมาได้สักพักหนึ่งผม มองที่หน้าปัดมิเตอร์ อยู่ 255HK$ จึงบ่นกับเพื่อนว่า
............"ตรูว่า..สามร้อย แน่เลย"
........... คนขับยกมือขึ้นบอกว่าให้เราจ่ายเพียง 220HK$ เท่านั้น
............เออ...มีน้ำใจนะ......เอ๊าะ..ๆๆๆ เราบ่นเป็นภาษาไทยนะ ทำไมพี่เขาฟังรู้ละ
ระหว่างทางพี่คนขับก็พยายามพูด ๆ ๆ ๆ ให้เราสบายใจ แต่เป็นกวางตุ้งนะ เราฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง
พอรถวิ่งมาถึงจดหมายปลายทางที่เราบอก
พี่คนขับแท๊กซี่ก็ชี้ไปที่ มิเตอร์แล้วบอกกับพวกเราว่า ............" สามร้วย จีง จีง ด่วย"
......ฮากันทั้งคันครับ..ฟังไทยได้ก็ไม่บอก ....
ผมชื่นชมตรงที่พี่เขามีน้ำใจนะครับ ไม่ฉวยโอกาสฟันราคาตามมิเตอร์
จริงๆ เราก็จ่ายตามมิเตอร์ได้ แต่ขอบ่น
แต่เมื่อพี่เขายอมลดให้เรา เราก็ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจของเขาได้
...........................................................
เรื่องที่ 2 แท็กซี่เสิ่นเจิ้น ประเทศจีน " บริการที่เป็นธรรม"
เรื่องนี้เกิดขึ้นในเมือง เซิ่นเจิ้น ประเทศจีนครับ เราเคยได้รับรู้หลายเรื่องในเรื่องที่ไม่ดีจากประเทศจีน แต่ก็มีบางอย่างที่เรานึกไม่ถึง ก็มีเรื่องดีๆ มาเล่าให้ฟัง ด้วยเช่นกัน
ผมเรียกแท๊กซี่จากหน้าบริษัทเพื่อที่จะไปยังโรงงานแห่งหนึ่ง
แต่ก็มีปัญหาเรื่องภาษาสื่อสารอีกเช่นเคยครับ
พอเข้ามานั่งในรถแท๊กซี่ เราก็กดโทรศัพท์ไปยังหมายเลขของโรงงาน แล้วส่งให้พี่โซเฟอร์เพื่อคุยกับปลายทาง เพื่อสอบถามเส้นทาง และสถานที่ๆที่เราต้องการเดินทางไป วิธี้เราใช้ประจำ และสะดวกดีครับ แล้วสบายใจว่า ไปถูกแน่นอน
ขณะที่คุณโชเฟอร์ คุยโทรศัพท์เรื่องข้อมูล เส้นทาง ที่อยู่
แกกับขับรถวิ่งไปเรื่องๆๆ บนถนน แต่เราเห็นว่าพี่ท่านยังไม่กด มิเตอร์
แอบคิดในใจ เผื่อว่าคุยกันแล้วไปไม่ได้ ไปไม่ถูก เขาอาจจะให้เราลง ก็ยังไม่กดมิเตอร์
เมื่อสนทนาทางโทรศัพท์กันเรียบร้อย เขาก็ส่งโทรศัพท์คืนผม
แล้วคุณโชเฟอร์ก็บอกว่า ...เข้าใจแล้ว
ผมก็บอกกับคุณโชเฟอร์ว่า ....คุณลืมกดมิเตอร์นะ
คุณโชเฟอร์บอกว่า.....ไม่ได้ลืมกดนะ....แต่รถติดไฟแดงอยู่ ให้เขียวแล้วค่อยกด
ผมได้แต่อมยิ้ม แล้วคิดในใจ ... ถ้าเป็นที่ กทม บ้านเรานะ เขากดตั้งแต่โผล่หัวเข้ามาในรถละ
............................................................................................
เรื่องที่สาม ย่านซานเมืองของเสิ่นเจิ้น ประเทศจีน "คุณธรรม"
แถวย่านชานเมืองของเซิ่นเจิ้น ย่านนอกเมือง แท๊กซี่จะมีน้อยมาก ต้องรอว่ามีเข้ามาส่งคนแล้วถึงจะมีรถ
เวลาประมาณตี4 หลังจากตรวจงานที่โรงงานแห่งหนึ่งเสร็จ
โรงงานบอกว่าไม่ได้เตรียมรถไว้ให้ เพราะไม่รู้ว่าจะเสร็จตอนไหน
กรรมละ .....แล้วจะกลับยังไงละ
เขาบอกว่าคอยแท๊กซี่ก็ได้ นานๆ จะมเข้ามาคันหนึ่ง แต่ต้องออกไปคอยที่ถนนใหญ่
เดินจากโรงงานมาที่ถนนใหญ่เกือนร่วมกิโลได้ ไม่ได้คิดกลัวอะไร เพราะมีเพื่อนอีกสามคน
มองเห็นรถแท๊กซี่ วิ่งที่ถนนใหญ่ พวกเราวิ่งตามกัน ยังกะเด็กๆๆ วิ่งตามรถหนังกลางแปลง
พอเรียกแท็กซี่ได้ ทุกคนเข้าแท๊กซี่กันครบ พี่คนขับก็ขับไป พูดไป อธิบายไป
แต่เราไม่เข้าใจ ....แล้วเขาก็ไม่กดมิเตอร์ อีกแล้ว วิ่งมาจะ2กิโลแล้วนะ
เราก็ทักเขา....เขาก็อธิบาย ๆ ๆ ๆ ๆ .......ตรูก็ไม่เข้าใจ
แล้วเขาก็เลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมัน แล้วบอกให้เราลง แล้วรอ ขอเติมน้ำมันก่อน
ได้น้ำมันแล้ว เรียกเราขึ้นรถ ...แล้วก็กดมิเตอร์ ขับออกมาส่งเราถึงจุดหมาย
....ยิ้มอีกแล้ว...ถ้าเป็น กทม บ้านเรา พี่ท่านคงกดรอ ตั้งแต่พวกเราวิ่งมาแล้วละ
ปล: ค่าบริการแท๊กซี่ที่นี่ ปีที่แล้วเริ่มต้นที่ 12หยวน ปีนี้ (2011) ปรับลงเหลือ 10หยวน
ผมก็ได้แต่หวังว่าผู้ประกอบการรถแท็กซี่ ผู้ขับและให้บริการรถแท็กซี่ อยากให้ผู้โดยสารทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติพูดถึงท่าน งานของท่านในเรื่องดีๆแบบนี้บ้างนะครับ สุดท้ายมันก็จะส่งผลกับธุรกิจของ่ทานเองนั่นแหละครับ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=chadchad&month=12-12-2010&group=2&gblog=3