นับว่าเป็นผลงานหนังแอคชั่นเนื้อเรื่องเข้มข้นอีกเรื่องหนึ่งของผู้กำกับขาบู๊อย่าง Clint Eastwood กันอีกแล้ว ซึ่งมาในรอบนี้ก็ขนประเด็น 'มือซุ่มยิง' ที่ถือเป็นตำนานของอเมริกาเข้ามาเล่น ซึ่งผู้เขียนขอเปรยไว้เลยว่า ความรู้สึกเข้มข้นจากการดู trailer นั้น เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เราจะได้สัมผัสในตัวหนังจริง!
เนื้อเรื่องย่อ : ฉากหลังคือสงครามอิรักหลังเหตุการณ์ 9-11, พระเอกผู้เป็นหน่วยซีลต้องออกไปรบในฐานะ 'สไนเปอร์'.
- ด้านตัวละคร
ตัวละครสำคัญของเรื่องที่เราจะได้เฝ้ามองเขาไปตลอดเรื่อง คือยอดสไนเปอร์มือพระกาฬอย่าง Chris Kyle (Bradley Cooper) ซึ่งในส่วนของบทบาทแสดงนำชายนั้น ถือว่ายอดเยี่ยมมาก ทั้งความที่คูปเปอร์มีความคล้ายคลึงกับไคล์ตัวจริงอย่างมาก และการส่งผ่านอารมณ์ที่สมจริงทรงพลัง ส่งผลให้หนังเรื่องนี้มีน้ำหนักสมกับที่ 'สร้างจากเรื่องจริง' ชนิด 100%
สิ่งที่ไคล์ได้สื่อให้เราดูตลอดเรื่องคือความ 'ไม่ง่าย' ของการเป็นวีรบุรุษสงคราม, ภาพลักษณ์ที่เรามักจินตนาการฝันถึงว่าการเป็นสุดยอดสไนเปอร์นั้นจะเท่ขนาดไหน กลับพังทลายไปทั้งหมดด้วยความเป็นจริงที่โหดร้าย ซึ่งในบทบาทนี้ต้องซูฮกคูเปอร์จริงๆ ที่นำเสนอได้ดีจนไม่มีข้อให้ติเลย.
แต่ก็ด้วยความที่เป็นหนังที่มีตัวละครเด่นตัวเดียว ทำให้โฟกัสของหนังค่อนข้างจะแคบ คือนอกจากความสัมพันธ์ของพระเอกกับนางเอก Sarah (Marnette Patterson)แล้ว, เราก็แทบจะไม่ได้เห็นการปฏิสัมพันธ์ใดๆที่เป็นชิ้นเป็นอันในเรื่องเลย แต่กระนั้นก็ยังถือเป็นแค่เชิงอรรถที่น่าเสียดายเฉยๆ ไม่ได้มีผลกระทบกับเรื่องมากนัก
- ด้านการดำเนินเรื่อง
American Sniper เริ่มเรื่องได้น่าสนใจ (ถึงแม้จะเดาได้) ด้วยการสตาร์ตที่ฉากลอบโจมตีขบวนคาราวานด้วยเด็กและผู้หญิงสมดังในตัวอย่าง และการตัดสินใจทั้งหมดถูกส่งต่อมาให้ตัวเอก ในส่วนนี้ผู้เขียนชอบในอารมณ์กดดันของการตัดสินใจมาก และรู้สึกตราตรึงใจกับฉากนี้มากที่สุด เพราะมันเป็นฉากที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็น 'มนุษย์' ในตัวของเหล่าทหารกล้าทั้งหลาย
แม้นจะเป็นหนังโปรอเมริกายามสงครามดังที่เราคาดไว้ แต่สิ่งที่ดีงามของหนังเรื่องนี้กลับกลายเป็น 'ความเท่าเทียม' ของการเล่าเรื่องที่น่าสนใจมากกว่า, ทั้งการแสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการปฏิบัติของทหารสหรัฐที่เข้าไปรุกรานพื้นที่อิรัก ซึ่งในแต่ละขั้นตอนก็ไม่ได้ขาวสะอาดเสมอไป (ป่าเถื่อนเพื่อปลอดภัย), อีกทั้งยังตีแผ่แง่มุมของมือสไนเปอร์ที่เป็นอะไรที่แลดูคูลมากๆ ให้เราได้รับรู้ว่าการที่จะได้ชื่อ 'มือพระกาฬ' นั้นมันต้องเสียอะไรไปบ้าง ทั้งชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัว หรือบาดแผลที่มองไม่เห็นทั้งหลาย สิ่งเหล่านี้คือส่วนที่เพิ่มน้ำหนักให้กับหนังมาก.
แต่อาจจะมีบางช่วงบางตอนที่ผู้เขียนเกิดความสงสัยบ้าง เช่นการใส่บทบาทน้องชายที่สนิทสนมเข้ามา ทำให้แอบเดาว่าอาจจะเป็นประเด็นความขัดแย้งทางทัศนคติของพี่-น้อง (แบบ battleship) หรือเปล่า แต่สุดท้ายหนังก็ปล่อยช่วงตรงนี้ลอยน้ำไปแบบงงๆ ราวกับว่าจะใส่บทบาทตรงนี้เพื่อเติมเต็ม flashback ของพระเอกให้ครบถ้วนเฉยๆ อย่างไรอย่างนั้น.
- ด้านงานภาพ-เพลงประกอบ
ในส่วนของฉากแอคชั่นคงยังจัดเต็มไม่สิ้นลายผู้กำกับเลยเชียว ทั่งฉากแอคชั่นที่รวดเร็วและดิบเถื่อนก็ทำให้เกิดอารมณ์กับหนังได้ไม่ยาก ผสานกับการวางฉากการสูญเสียตัวละครได้อย่างมีความหมาย ถือว่าส่วนนี้ทำได้ดีและครบถ้วนระดับหนึ่ง หรือแม้แต่ฉากซุ่มยิงทั้งหลายก็ทำได้กระชับและเงียบเชียบ สมจริงกับความเป็น 'สไนเปอร์' ได้ตรงตามความหมายหน้าที่.
"American Sniper เป็นหนังน้ำดีที่สร้างจากเรื่องจริง ที่นำเสนอความโหดร้ายของสนามรบได้สมจริงและดุดัน มีดราม่าที่หนักหน่วงที่คอยพาเรื่องไปข้างหน้าได้อย่างมีความหมาย และการตัดต่อที่แนบเนียนทำให้เป็นหนังที่สมควรจัดอย่างยิ่ง คุ้มค่าเงินแน่นอน"
คะแนนความเห็นส่วนตัว : 9.0/10
วางปืนลงสิวะ ไอ้เด็กเปรต by Jayz Hunhaboon
[Review] American Sniper : สไนเปอร์คนหนึ่ง
เนื้อเรื่องย่อ : ฉากหลังคือสงครามอิรักหลังเหตุการณ์ 9-11, พระเอกผู้เป็นหน่วยซีลต้องออกไปรบในฐานะ 'สไนเปอร์'.
- ด้านตัวละคร
ตัวละครสำคัญของเรื่องที่เราจะได้เฝ้ามองเขาไปตลอดเรื่อง คือยอดสไนเปอร์มือพระกาฬอย่าง Chris Kyle (Bradley Cooper) ซึ่งในส่วนของบทบาทแสดงนำชายนั้น ถือว่ายอดเยี่ยมมาก ทั้งความที่คูปเปอร์มีความคล้ายคลึงกับไคล์ตัวจริงอย่างมาก และการส่งผ่านอารมณ์ที่สมจริงทรงพลัง ส่งผลให้หนังเรื่องนี้มีน้ำหนักสมกับที่ 'สร้างจากเรื่องจริง' ชนิด 100%
สิ่งที่ไคล์ได้สื่อให้เราดูตลอดเรื่องคือความ 'ไม่ง่าย' ของการเป็นวีรบุรุษสงคราม, ภาพลักษณ์ที่เรามักจินตนาการฝันถึงว่าการเป็นสุดยอดสไนเปอร์นั้นจะเท่ขนาดไหน กลับพังทลายไปทั้งหมดด้วยความเป็นจริงที่โหดร้าย ซึ่งในบทบาทนี้ต้องซูฮกคูเปอร์จริงๆ ที่นำเสนอได้ดีจนไม่มีข้อให้ติเลย.
แต่ก็ด้วยความที่เป็นหนังที่มีตัวละครเด่นตัวเดียว ทำให้โฟกัสของหนังค่อนข้างจะแคบ คือนอกจากความสัมพันธ์ของพระเอกกับนางเอก Sarah (Marnette Patterson)แล้ว, เราก็แทบจะไม่ได้เห็นการปฏิสัมพันธ์ใดๆที่เป็นชิ้นเป็นอันในเรื่องเลย แต่กระนั้นก็ยังถือเป็นแค่เชิงอรรถที่น่าเสียดายเฉยๆ ไม่ได้มีผลกระทบกับเรื่องมากนัก
- ด้านการดำเนินเรื่อง
American Sniper เริ่มเรื่องได้น่าสนใจ (ถึงแม้จะเดาได้) ด้วยการสตาร์ตที่ฉากลอบโจมตีขบวนคาราวานด้วยเด็กและผู้หญิงสมดังในตัวอย่าง และการตัดสินใจทั้งหมดถูกส่งต่อมาให้ตัวเอก ในส่วนนี้ผู้เขียนชอบในอารมณ์กดดันของการตัดสินใจมาก และรู้สึกตราตรึงใจกับฉากนี้มากที่สุด เพราะมันเป็นฉากที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็น 'มนุษย์' ในตัวของเหล่าทหารกล้าทั้งหลาย
แม้นจะเป็นหนังโปรอเมริกายามสงครามดังที่เราคาดไว้ แต่สิ่งที่ดีงามของหนังเรื่องนี้กลับกลายเป็น 'ความเท่าเทียม' ของการเล่าเรื่องที่น่าสนใจมากกว่า, ทั้งการแสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการปฏิบัติของทหารสหรัฐที่เข้าไปรุกรานพื้นที่อิรัก ซึ่งในแต่ละขั้นตอนก็ไม่ได้ขาวสะอาดเสมอไป (ป่าเถื่อนเพื่อปลอดภัย), อีกทั้งยังตีแผ่แง่มุมของมือสไนเปอร์ที่เป็นอะไรที่แลดูคูลมากๆ ให้เราได้รับรู้ว่าการที่จะได้ชื่อ 'มือพระกาฬ' นั้นมันต้องเสียอะไรไปบ้าง ทั้งชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัว หรือบาดแผลที่มองไม่เห็นทั้งหลาย สิ่งเหล่านี้คือส่วนที่เพิ่มน้ำหนักให้กับหนังมาก.
แต่อาจจะมีบางช่วงบางตอนที่ผู้เขียนเกิดความสงสัยบ้าง เช่นการใส่บทบาทน้องชายที่สนิทสนมเข้ามา ทำให้แอบเดาว่าอาจจะเป็นประเด็นความขัดแย้งทางทัศนคติของพี่-น้อง (แบบ battleship) หรือเปล่า แต่สุดท้ายหนังก็ปล่อยช่วงตรงนี้ลอยน้ำไปแบบงงๆ ราวกับว่าจะใส่บทบาทตรงนี้เพื่อเติมเต็ม flashback ของพระเอกให้ครบถ้วนเฉยๆ อย่างไรอย่างนั้น.
- ด้านงานภาพ-เพลงประกอบ
ในส่วนของฉากแอคชั่นคงยังจัดเต็มไม่สิ้นลายผู้กำกับเลยเชียว ทั่งฉากแอคชั่นที่รวดเร็วและดิบเถื่อนก็ทำให้เกิดอารมณ์กับหนังได้ไม่ยาก ผสานกับการวางฉากการสูญเสียตัวละครได้อย่างมีความหมาย ถือว่าส่วนนี้ทำได้ดีและครบถ้วนระดับหนึ่ง หรือแม้แต่ฉากซุ่มยิงทั้งหลายก็ทำได้กระชับและเงียบเชียบ สมจริงกับความเป็น 'สไนเปอร์' ได้ตรงตามความหมายหน้าที่.
"American Sniper เป็นหนังน้ำดีที่สร้างจากเรื่องจริง ที่นำเสนอความโหดร้ายของสนามรบได้สมจริงและดุดัน มีดราม่าที่หนักหน่วงที่คอยพาเรื่องไปข้างหน้าได้อย่างมีความหมาย และการตัดต่อที่แนบเนียนทำให้เป็นหนังที่สมควรจัดอย่างยิ่ง คุ้มค่าเงินแน่นอน"
คะแนนความเห็นส่วนตัว : 9.0/10
วางปืนลงสิวะ ไอ้เด็กเปรต by Jayz Hunhaboon