เอาจริงๆเรื่องนี้ถ้าจะไม่อยากสปอย ใครที่ไม่รู้จักสไนเปอร์มือ 1 ของกองทัพอเมริกา หรือไม่เคยดูข่าวหรือรับรู้ข้อมูลอะไรของเขาเลย แนะนำว่าให้ปล่อยตัวเองให้ว่างที่สุดก่อนไปดู ไม่ต้องไปเสาะหาอะไรมาอ่านทั้งสิ้น เราจะได้ไม่รู้ตอนจบของหนัง แต่ถึงต่อให้รู้ผมว่าก็ไม่ได้ทำให้หนังขาดรสไปมากนัก เพราะตัวผมเองก่อนไปดูก็รู้ประวัติของเขาอยู่พอสมควรแต่ก็ยังดูสนุก แต่ลองไม่รู้เลยดูจบแล้วค่อยมาหาอ่านก็ดูจะน่าสนุกไปอีกแบบ ดังนั้นในบทความนี้ผมจะเลี่ยงการเขียนถึงประวัติของเขาเพื่อไม่ให้ผู้อ่านสปอยตัวเองก่อนไปชม
เรื่องราวในหนังจะตัดสลับภาพในสงครามกับช่วงเวลาที่เขากลับมาบ้านใช้ชีวิตแบบผู้คนปกติ หนังพาเราเข้าไปในจิตใจ และสภาพแวดล้อมของชายผู้นี้ว่าเขาเป็นอย่างไร และรู้สึกอย่างไรทั้งในสนามรบ และยามอยู่นอกสนามรบ เบื้องหลังการเป็นฮีโร่ของคนทั้งประเทศเขาต้องแลกมาด้วยสิ่งใดบ้าง แม้หนังจะดูเป็นดรามาชีวประวัติ แต่ขอบอกเลยว่าสนุกและมันมากเลยทีเดียวเพราะนี่เป็นหนังชีวประวัติของมือสไนเปอร์อันดับ 1 ที่เด็ดชีพผู้ก่อการร้ายได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์มือสไนเปอร์ของอเมริกา เรื่องราวของนักรบผู้กล้าอย่างเขาคงไม่ออกมาจืดชืดอย่างแน่นอน เพราะในสงครามมันไม่มีอะไรที่ดูจะปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย และฉากสงครามในหนังทำได้ถึงมากๆทั้งด้านภาพและเสียงที่รัวกระหน่ำสุดๆ หายใจไม่ทั่วท้องตลอดเวลาที่อยู่ในสงครามเลยทีเดียว ด้วยความที่มีทั้งแอ๊คชั่นและดรามา ทำให้หนังโดยรวมค่อนข้างหนักพอสมควร ยิ่งในสนามรบหนังให้เราเห็นถึงความโหดร้ายของมันได้อย่างถึงพริกถึงขิง แต่นอกสนามรบก็บีบหัวใจไม่แพ้กัน
นอกจากความมันแล้วหนังยังชวนให้เราได้ขบคิดประเด็นทางจริยธรรมด้วย เช่นการฆ่าเด็กของคน 2 ฝั่ง ฆ่าเหมือนกันแต่จะต่างกันหรือไม่? การออกมารบเพื่อประเทศชาติโดยต้องสละทิ้งครอบครัวโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้กลับบ้านหรือเปล่าคือสิ่งที่เขาคิดถูกหรือผิด? ทุกชีวิตที่เขาต้องฆ่า เขารู้สึกอย่างไร? จนทำให้เราเห็นอะไรหลายๆอย่างจากสงครามที่เราแทบไม่เคยจะสนใจเลยในชีวิตประจำวัน
สรุป นี่คือหนังเข้าชิงออสการ์ที่น่าจะดูง่ายย่อยง่ายที่สุดแล้วในบรรดาหนังเข้าชิงทั้งหมด เพราะมีทั้งแอ๊คชั่นที่ตื่นเต้นเร้าใจ และเรื่องราวครอบครัวที่ทุกคนเข้าใจได้ง่าย แต่เนื้อหาสาระและเรื่องราวของหนังไม่ได้ง่ายจนทำให้หนังง่อยเปลี้ยแต่อย่างใด มันเข้มข้นและมีประเด็นให้ขบคิดมากมาย ยิ่งคนที่ชอบทหารหรือหนังแนวสงครามรับรองถูกใจแน่ๆ และที่สำคัญหนังเรื่องนี้ได้สอนให้ผมได้รู้ว่า "เป็นฮีโร่มันเหนื่อยจริงๆ"
ขอคารวะจากหัวใจแด่ "Chris Kyle"
#คุยเรื่องหนัง #AmericanSniper
"American Sniper" เป็นฮีโร่มันเหนื่อย (ไม่สปอย)
เอาจริงๆเรื่องนี้ถ้าจะไม่อยากสปอย ใครที่ไม่รู้จักสไนเปอร์มือ 1 ของกองทัพอเมริกา หรือไม่เคยดูข่าวหรือรับรู้ข้อมูลอะไรของเขาเลย แนะนำว่าให้ปล่อยตัวเองให้ว่างที่สุดก่อนไปดู ไม่ต้องไปเสาะหาอะไรมาอ่านทั้งสิ้น เราจะได้ไม่รู้ตอนจบของหนัง แต่ถึงต่อให้รู้ผมว่าก็ไม่ได้ทำให้หนังขาดรสไปมากนัก เพราะตัวผมเองก่อนไปดูก็รู้ประวัติของเขาอยู่พอสมควรแต่ก็ยังดูสนุก แต่ลองไม่รู้เลยดูจบแล้วค่อยมาหาอ่านก็ดูจะน่าสนุกไปอีกแบบ ดังนั้นในบทความนี้ผมจะเลี่ยงการเขียนถึงประวัติของเขาเพื่อไม่ให้ผู้อ่านสปอยตัวเองก่อนไปชม
เรื่องราวในหนังจะตัดสลับภาพในสงครามกับช่วงเวลาที่เขากลับมาบ้านใช้ชีวิตแบบผู้คนปกติ หนังพาเราเข้าไปในจิตใจ และสภาพแวดล้อมของชายผู้นี้ว่าเขาเป็นอย่างไร และรู้สึกอย่างไรทั้งในสนามรบ และยามอยู่นอกสนามรบ เบื้องหลังการเป็นฮีโร่ของคนทั้งประเทศเขาต้องแลกมาด้วยสิ่งใดบ้าง แม้หนังจะดูเป็นดรามาชีวประวัติ แต่ขอบอกเลยว่าสนุกและมันมากเลยทีเดียวเพราะนี่เป็นหนังชีวประวัติของมือสไนเปอร์อันดับ 1 ที่เด็ดชีพผู้ก่อการร้ายได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์มือสไนเปอร์ของอเมริกา เรื่องราวของนักรบผู้กล้าอย่างเขาคงไม่ออกมาจืดชืดอย่างแน่นอน เพราะในสงครามมันไม่มีอะไรที่ดูจะปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย และฉากสงครามในหนังทำได้ถึงมากๆทั้งด้านภาพและเสียงที่รัวกระหน่ำสุดๆ หายใจไม่ทั่วท้องตลอดเวลาที่อยู่ในสงครามเลยทีเดียว ด้วยความที่มีทั้งแอ๊คชั่นและดรามา ทำให้หนังโดยรวมค่อนข้างหนักพอสมควร ยิ่งในสนามรบหนังให้เราเห็นถึงความโหดร้ายของมันได้อย่างถึงพริกถึงขิง แต่นอกสนามรบก็บีบหัวใจไม่แพ้กัน
นอกจากความมันแล้วหนังยังชวนให้เราได้ขบคิดประเด็นทางจริยธรรมด้วย เช่นการฆ่าเด็กของคน 2 ฝั่ง ฆ่าเหมือนกันแต่จะต่างกันหรือไม่? การออกมารบเพื่อประเทศชาติโดยต้องสละทิ้งครอบครัวโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้กลับบ้านหรือเปล่าคือสิ่งที่เขาคิดถูกหรือผิด? ทุกชีวิตที่เขาต้องฆ่า เขารู้สึกอย่างไร? จนทำให้เราเห็นอะไรหลายๆอย่างจากสงครามที่เราแทบไม่เคยจะสนใจเลยในชีวิตประจำวัน
สรุป นี่คือหนังเข้าชิงออสการ์ที่น่าจะดูง่ายย่อยง่ายที่สุดแล้วในบรรดาหนังเข้าชิงทั้งหมด เพราะมีทั้งแอ๊คชั่นที่ตื่นเต้นเร้าใจ และเรื่องราวครอบครัวที่ทุกคนเข้าใจได้ง่าย แต่เนื้อหาสาระและเรื่องราวของหนังไม่ได้ง่ายจนทำให้หนังง่อยเปลี้ยแต่อย่างใด มันเข้มข้นและมีประเด็นให้ขบคิดมากมาย ยิ่งคนที่ชอบทหารหรือหนังแนวสงครามรับรองถูกใจแน่ๆ และที่สำคัญหนังเรื่องนี้ได้สอนให้ผมได้รู้ว่า "เป็นฮีโร่มันเหนื่อยจริงๆ"
ขอคารวะจากหัวใจแด่ "Chris Kyle"
#คุยเรื่องหนัง #AmericanSniper