วันนี้ 22 มกราคม เป็นวันครบรอบวันเกิดของบุคคลสำคัญของวงการกีฬาไทย นั่นก็คือ นาวาเอก หลวงศุภชลาศัย ร.น. ผู้ที่ชื่อของท่านได้รับการนำมาตั้งเป็นชื่อสนามกีฬาแห่งชาติ แล้วก็เลยกลายเป็นชื่อห้องกีฬาของเว็บพันทิปด้วย จึงขอตั้งกระทู้เพื่อรำลึกถึงท่าน โดยนำบทความจากเพจ Soccerศาสตร์ มาลงให้อ่านกัน ถ้าใครสนใจก็ตามไปกดไลค์ให้กำลังใจผู้จัดทำเพจกันเยอะ ๆ เลยครับ (ลิงค์อยู่ด้านล่างแล้ว)
120 ปี ชาตกาล บิดาการพลศึกษาประเทศไทย
เนื่องในวันที่ 22 มกราคม ตรงกับวันเกิดของบุคคลสำคัญของวงการกีฬาไทยท่านหนึ่ง ซึ่งชื่อของท่านได้นำไปตั้งเป็นชื่อสนามกีฬาแห่งชาติในประเทศไทย ที่แห่งนี้เคยมีความทรงจำที่ดีมากมายเกี่ยวกับฟุตบอลไทยมาตลอดหนึ่งศตวรรษ ผ่านการจัดแข่งขันฟุตบอลทั้งในระดับนักเรียนไปจนถึงระดับนานาชาติมาหลายรายการจวบจนถึงปัจจุบัน วันนี้ Soccerศาสตร์จะไปทำความรู้จักกับบุคคลสำคัญผู้เป็นเจ้าของชื่อสนามกีฬาแห่งชาติท่านนี้กัน
“นาวาเอก หลวงศุภชลาศัย ร.น.” ชื่อเดิมคือ บุง ศุภชลาศัย เกิดเมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2438 ที่จังหวัดพระนคร สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2454 จากนั้นได้เข้าสอบคัดเลือกเพื่อศึกษาต่อที่โรงเรียนนายเรือ จนสำเร็จการศึกษา และเริ่มต้นรับราชการในปี พ.ศ. 2461 โดยประจำการบนเรือรบสุครีพครองเมือง และรับราชการกองทัพเรือเรื่อยมา ปี พ.ศ. 2475 เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะราษฎรร่วมเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตยในเวลาต่อมา และยังเป็นผู้ถือหนังสืออัญเชิญพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ขณะนั้นแปรพระราชฐาน ณ พระราชวังไกลกังวลกลับสู่พระนครอีกด้วย
ต่อมา พ.ศ. 2476 รัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนาได้สถาปนากรมพลศึกษา ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จนในปีต่อมา หลวงศุภชลาศัยจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอธิบดีกรมพลศึกษาคนแรก โดยเป็นผู้วางรากฐานการพลศึกษาของไทย อาทิเช่น การบรรจุหลักสูตรวิชาพลศึกษา โรงเรียนฝึกหัดครูพลศึกษาทั่วประเทศ การกำหนดสัญลักษณ์ วงกลมห่วงสามสี ประดิษฐานอยู่ใต้พระพลบดี โดยห่วงสีขาวแทนความรู้ ห่วงสีเหลืองแทนความประพฤติ และห่วงสีเขียวแทนพลานมัย ทั้งสามห่วงวางทับกันอย่างมีเอกภาพ และยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมกีฬานักเรียนของกรมพลศึกษา มีการมอบเสื้อสามารถแก่นักกีฬายอดเยี่ยมในประเภทต่างๆ รวมทั้งการจัดแข่งขันกีฬาในระดับประชาชน
พ.ศ. 2478 กรมพลศึกษาได้ทำสัญญาเช่าที่ดินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรงบริเวณที่เคยเป็นวังวินเซอร์เมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อดำเนินการสร้างสนามกีฬาแห่งชาติ (National Stadium) และโรงเรียนพลศึกษากลาง โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2484 ต่อมา พ.ศ. 2485 กรมพลศึกษา ได้เปลี่ยนชื่อสนามจากกรีฑาสถานมาเป็น “สนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ” เพื่อเป็นเกียรติแก่หลวงศุภชลาศัย ผู้มีบทบาทสำคัญของวงการพลศึกษาของประเทศไทย
หลังจากนั้น หลวงศุภชลาศัยยังเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามลำดับ และยังเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนครในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2500 ด้วย หลวงศุภชลาศัยถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2508 อายุ 70 ปี ต่อมาปี พ.ศ. 2538 ซึ่งครบรอบ 100 ปีชาตกาลของท่าน กรมพลศึกษาได้ยกย่องและเชิดชูเกียรติให้ท่านเป็น “บุคคลพลศึกษาของชาติ” สาขาการบริหารพลศึกษา
------------
นับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ เคยใช้สำหรับการแข่งขันกีฬาในระดับนานาชาติหลายรายการ อาทิเช่น กีฬาแหลมทอง (เซียฟเกมส์) ครั้งที่ 1, กีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 13, กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 5, 6 และ 8, ฟุตบอลในกีฬามหาวิทยาลัยโลก 2007, ฟุตบอลเอเชียน คัพ รอบสุดท้าย ปี 1972
ในประเทศก็ได้แก่ สนามเหย้าของทีมชาติไทย (ในอดีต) ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ (ในอดีต), นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลทั้งเอฟเอคัพและลีกคัพ, ฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคี 4 สถาบัน, ฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ เช่น การประกวดวงโยธวาทิตนักเรียน นักศึกษา ชิงถ้วยพระราชทาน ฯลฯ
และอีกหนึ่งรายการสำคัญคือ ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก หรือ Super Cup ซึ่งในปี พ.ศ. 2558 จะเล่นกันวันที่ 24 มกราคมนี้ ระหว่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก กับบางกอกกลาส เอฟซี แชมป์เอฟเอคัพ ใครที่มีเวลาสะดวกและอยากมีส่วนร่วมสัมผัสบรรยากาศของแมตช์เกียรติยศประจำปีนี้ ก็ไปชมกันได้ครับ
เครดิตจาก : เพจ Soccerศาสตร์
https://www.facebook.com/Soccerknowledge?fref=nf
รำลึกถึง 120 ปี ชาตกาล "นาวาเอก หลวงศุภชลาศัย ร.น." บิดาแห่งวงการพลศึกษาของไทย
120 ปี ชาตกาล บิดาการพลศึกษาประเทศไทย
เนื่องในวันที่ 22 มกราคม ตรงกับวันเกิดของบุคคลสำคัญของวงการกีฬาไทยท่านหนึ่ง ซึ่งชื่อของท่านได้นำไปตั้งเป็นชื่อสนามกีฬาแห่งชาติในประเทศไทย ที่แห่งนี้เคยมีความทรงจำที่ดีมากมายเกี่ยวกับฟุตบอลไทยมาตลอดหนึ่งศตวรรษ ผ่านการจัดแข่งขันฟุตบอลทั้งในระดับนักเรียนไปจนถึงระดับนานาชาติมาหลายรายการจวบจนถึงปัจจุบัน วันนี้ Soccerศาสตร์จะไปทำความรู้จักกับบุคคลสำคัญผู้เป็นเจ้าของชื่อสนามกีฬาแห่งชาติท่านนี้กัน
“นาวาเอก หลวงศุภชลาศัย ร.น.” ชื่อเดิมคือ บุง ศุภชลาศัย เกิดเมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2438 ที่จังหวัดพระนคร สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2454 จากนั้นได้เข้าสอบคัดเลือกเพื่อศึกษาต่อที่โรงเรียนนายเรือ จนสำเร็จการศึกษา และเริ่มต้นรับราชการในปี พ.ศ. 2461 โดยประจำการบนเรือรบสุครีพครองเมือง และรับราชการกองทัพเรือเรื่อยมา ปี พ.ศ. 2475 เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะราษฎรร่วมเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตยในเวลาต่อมา และยังเป็นผู้ถือหนังสืออัญเชิญพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ขณะนั้นแปรพระราชฐาน ณ พระราชวังไกลกังวลกลับสู่พระนครอีกด้วย
ต่อมา พ.ศ. 2476 รัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนาได้สถาปนากรมพลศึกษา ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จนในปีต่อมา หลวงศุภชลาศัยจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอธิบดีกรมพลศึกษาคนแรก โดยเป็นผู้วางรากฐานการพลศึกษาของไทย อาทิเช่น การบรรจุหลักสูตรวิชาพลศึกษา โรงเรียนฝึกหัดครูพลศึกษาทั่วประเทศ การกำหนดสัญลักษณ์ วงกลมห่วงสามสี ประดิษฐานอยู่ใต้พระพลบดี โดยห่วงสีขาวแทนความรู้ ห่วงสีเหลืองแทนความประพฤติ และห่วงสีเขียวแทนพลานมัย ทั้งสามห่วงวางทับกันอย่างมีเอกภาพ และยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมกีฬานักเรียนของกรมพลศึกษา มีการมอบเสื้อสามารถแก่นักกีฬายอดเยี่ยมในประเภทต่างๆ รวมทั้งการจัดแข่งขันกีฬาในระดับประชาชน
พ.ศ. 2478 กรมพลศึกษาได้ทำสัญญาเช่าที่ดินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรงบริเวณที่เคยเป็นวังวินเซอร์เมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อดำเนินการสร้างสนามกีฬาแห่งชาติ (National Stadium) และโรงเรียนพลศึกษากลาง โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2484 ต่อมา พ.ศ. 2485 กรมพลศึกษา ได้เปลี่ยนชื่อสนามจากกรีฑาสถานมาเป็น “สนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ” เพื่อเป็นเกียรติแก่หลวงศุภชลาศัย ผู้มีบทบาทสำคัญของวงการพลศึกษาของประเทศไทย
หลังจากนั้น หลวงศุภชลาศัยยังเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามลำดับ และยังเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนครในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2500 ด้วย หลวงศุภชลาศัยถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2508 อายุ 70 ปี ต่อมาปี พ.ศ. 2538 ซึ่งครบรอบ 100 ปีชาตกาลของท่าน กรมพลศึกษาได้ยกย่องและเชิดชูเกียรติให้ท่านเป็น “บุคคลพลศึกษาของชาติ” สาขาการบริหารพลศึกษา
------------
นับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ เคยใช้สำหรับการแข่งขันกีฬาในระดับนานาชาติหลายรายการ อาทิเช่น กีฬาแหลมทอง (เซียฟเกมส์) ครั้งที่ 1, กีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 13, กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 5, 6 และ 8, ฟุตบอลในกีฬามหาวิทยาลัยโลก 2007, ฟุตบอลเอเชียน คัพ รอบสุดท้าย ปี 1972
ในประเทศก็ได้แก่ สนามเหย้าของทีมชาติไทย (ในอดีต) ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ (ในอดีต), นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลทั้งเอฟเอคัพและลีกคัพ, ฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคี 4 สถาบัน, ฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ เช่น การประกวดวงโยธวาทิตนักเรียน นักศึกษา ชิงถ้วยพระราชทาน ฯลฯ
และอีกหนึ่งรายการสำคัญคือ ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก หรือ Super Cup ซึ่งในปี พ.ศ. 2558 จะเล่นกันวันที่ 24 มกราคมนี้ ระหว่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก กับบางกอกกลาส เอฟซี แชมป์เอฟเอคัพ ใครที่มีเวลาสะดวกและอยากมีส่วนร่วมสัมผัสบรรยากาศของแมตช์เกียรติยศประจำปีนี้ ก็ไปชมกันได้ครับ
เครดิตจาก : เพจ Soccerศาสตร์ https://www.facebook.com/Soccerknowledge?fref=nf