ในเช้าของวันที่ 22 มกราคม 2551 หรือวันนี้เมื่อ 7 ปีที่แล้ว
คงจะมีแฟนหนังไม่น้อยที่ต้องตกใจกับการเสียชีวิตของนักแสดงหนุ่มที่ชื่อ "ฮีธ เล็ดเจอร์"
และเพื่อเป็นการรำลึกถึงนักแสดงที่ขึ้นชื่อว่ามีทั้งพรสวรรค์และพรแสวงคนนี้
ผมจึงอยากจะพาเราย้อนไปรู้จักเค้าด้วยกันให้มากยิ่งขึ้น
ฮีธ แอนดรูว์ เล็ดเจอร์ หรือที่เรารู้จักคุ้นเคยกันในชื่อ "ฮีธ เล็ดเจอร์" เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2522 ที่เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย เค้าเป็นลูกชายของแซลลี่ เล็ดเจอร์ ครูสอนภาษาฝรั่งเศส และคิม เล็ดเจอร์ นักแข่งรถและวิศวกรเหมืองแร่ ครอบครัวฝ่ายแม่ของเค้าย้ายมาจากสก็อตแลนด์ ส่วนฝ่ายพ่อเป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียงในเมืองเพิร์ธ เนื่องจากครอบครัวทางฝ่ายพ่อของเค้าเป็นผู้ก่อตั้ง Ledger Engineering Foundry เช่นเดียวกันกับ The Sir Frank Ledger Charitable Trust ที่ให้โด่งดังด้านการสนับสนุนการศึกษาในเมืองเพิร์ธ
ชื่อเสียงเรียงนามของ "ฮีธ" และพี่สาว "แคเธอรีน เคธ" ถูกตั้งตามชื่อตัวละครหลักในนิยายเรื่อง Wuthering Heights (Heathcliff และ Catherine) นอกจากนั้น เค้ายังมีน้องสาวอีกสองคน คือ โอลิเวียร์ และแอชลีย์ ก่อนที่พ่อและแม่ของฮีธจะแยกทางกันในขณะที่ฮีธอายุได้เพียง 10 ขวบ
ฮีธในวัยเด็กเข้าศึกษาที่ Mary's Mount Primary School และย้ายไปเรียนต่อที่ Guildford Grammar School ซึ่งเป็นที่แรกที่ทำให้เค้าได้รู้จักกับการแสดง โดยรับบทเป็น "ปีเตอร์ แพน" ในละครเวทีของโรงเรียน และนอกจากพรสวรรค์ด้านการแสดงแล้ว ฮีธยังชื่นชอบการเล่นกีฬาหลายประเภท ทั้งคริกเก็ต ฟุตบอล โดยเฉพาะฮ็อคกี้ที่เค้าชอบมากเป็นพิเศษ ส่วนกิจกรรมยามว่างก็ไม่พ้นกีฬาผาดโผนอย่างเซิร์ฟ สเก็ตบอร์ด และกิจกรรมที่ต้องใช้ความนิ่งอย่างตกปลา นอกจากนั้นเค้ายังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับกีฬามอเตอร์สปอร์ตร่วมกับพ่อของเค้า โดยเค้าเคยชนะการแข่งขันโกคาร์ท 2-3 สมัย แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่ฮีธรักที่สุดก็ยังเป็นการแสดง โดยที่เค้ามีไอดอลในดวงใจก็คือ จีน เคลลี่ นักแสดงชาวอเมริกันผู้โด่งดัง (Anchors Aweigh, Singin' in the Rain)
อย่างไรก็ตาม เส้นทางสายนักแสดงของฮีธก็ยังไม่ชัดเจนนักจนกระทั่งในปี 1995 เค้าได้รับโอกาสจากซีรีส์ทางโทรทัศน์เรื่อง Sweat ที่จะถ่ายทำในเมืองเพิร์ธ โดยเค้าได้รับการยื่นข้อเสนอว่าอยากรับบทเป็นนักว่ายน้ำหรือนักปั่นจักรยาน ซึ่งจากตัวเลือกดังกล่าว ฮีธตัดสินใจเลือกบทนักปั่นจักรยาน "รักร่วมเพศ" และจากการตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้คนหันมาสนใจเค้ามากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ มาร์ติน เฮนเดอร์สัน (Martin Henderson) ได้ชักชวนให้ฮีธออกจากเมืองเพิร์ธ เพื่อแสวงหาโอกาสที่มากขึ้นในซิดนีย์ ซึ่งถึงแม้ฮีธจะยังลังเลอยู่บ้างแต่เค้าก็ไม่ทิ้งโอกาสนี้และตัดสินใจเดินทางไปยังอพาร์เมนท์ของมาร์ตินโดยมีเพียงกระเป๋าสะพายหนึ่งใบกับเซิร์ฟบอร์ดหนึ่งแผ่นติดตัวไปด้วยเท่านั้น และ ณ ห้องของเพื่อนมาร์ตินนั่นเองคือจุดเริ่มต้นแห่งการเปิดโลกทัศน์ทางด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ให้กับฮีธ เค้าจึงเดินทางกลับไปยังเพิร์ธเพื่อลาออกจากโรงเรียนและกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่ซิดนีย์ร่วมกับเพื่อนของเค้า
ต่อมาฮีธก็ได้ชิมลางงานแสดงมากขึ้นแต่จะเป็นการแสดงซีรีส์ทางโทรทัศน์ทั้งหมด จนกระทั่งเค้าเริ่มได้รับบทเล็กๆ ใน Blackrock (1997) ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้มีชื่อในทีมนักแสดง และมาโด่งดังเป็นพลุแตกในหนังรักตลกวัยรุ่นอย่าง 10 Things I Hate About You (1999) และในปีเดียวกัน ฮีธก็ได้กลับไปรับบทนำในหนังอาชญากรรมสัญชาติออสเตรเลียอย่าง Two Hands
หลังจากนั้นในช่วงปี 2000 - 2005 แทบจะเป็นช่วงปีที่ไม่ต้องกล่าวอะไรมากมายนัก เพราะความโด่งดังของฮีธน่าจะเป็นที่รู้จักของคนในวงกว้างมากที่สุด เค้าได้รับบทที่หลากหลายจากภาพยนตร์ดังในฮอลลีวู้ดหลายต่อหลายเรื่อง ทั้ง The Patriot (2000), Monster’s Ball (2000), A Knight’s Tale (2001), The Four Feathers (2002), Ned Kelly (2003), The Order (2003), Casanova (2005), The Brothers Grimm (2005)
และความเป็นนักแสดงยอดฝีมือของฮีธก็เริ่มปรากฏให้เห็นผ่านบท "เอนนิส" คาวบอยหนุ่มผู้ไม่แน่ใจในเพศสภาพของตัวเองใน Brokeback Mountain (2005) ที่เตะตากรรมการจนได้รับรางวัล Best Actor of 2005 จากสมาคมนักวิจารณ์ใน New York และ San Francisco และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Golden Globe และ Academy Award สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม แต่ทว่าเวลาของเค้ายังมาไม่ถึง จึงพลาดรางวัลใหญ่ทั้งสองไป
ในด้านชีวิตส่วนตัว ฮีธเคยมีข่าวกับนักแสดงสาวอย่าง ลิซา เลน (Lisa Zane), ฮีเธอร์ แกรห์ม (Heather Graham) และนาโอมิ วัตตส์ (Naomi Watts) จนมาถึงมิเชลล์ วิลเลียมส์ (Michelle Williams) ซึ่งมีความสัมพันธ์กันในระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Brokeback Mountain และมีลูกสาวน่ารักด้วยกัน 1 คน คือ มาทิลด้า โรส (Matilda Rose) ทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกันในช่วงปี 2005 - 2007 จนกระทั่งพ่อของ Michelle Williams ได้ยืนยันต่อสื่อมวลชนว่าฮีธและมิเชลล์ได้แยกทางกันเป็นที่เรียบร้อยเมื่อเดือนกันยายน 2007
ยังไม่จบครับ...เดี๋ยวมาเขียนต่อ
รำลึก 7 ปี แห่งการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ "ฮีธ เล็ดเจอร์"
คงจะมีแฟนหนังไม่น้อยที่ต้องตกใจกับการเสียชีวิตของนักแสดงหนุ่มที่ชื่อ "ฮีธ เล็ดเจอร์"
และเพื่อเป็นการรำลึกถึงนักแสดงที่ขึ้นชื่อว่ามีทั้งพรสวรรค์และพรแสวงคนนี้
ผมจึงอยากจะพาเราย้อนไปรู้จักเค้าด้วยกันให้มากยิ่งขึ้น
ฮีธ แอนดรูว์ เล็ดเจอร์ หรือที่เรารู้จักคุ้นเคยกันในชื่อ "ฮีธ เล็ดเจอร์" เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2522 ที่เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย เค้าเป็นลูกชายของแซลลี่ เล็ดเจอร์ ครูสอนภาษาฝรั่งเศส และคิม เล็ดเจอร์ นักแข่งรถและวิศวกรเหมืองแร่ ครอบครัวฝ่ายแม่ของเค้าย้ายมาจากสก็อตแลนด์ ส่วนฝ่ายพ่อเป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียงในเมืองเพิร์ธ เนื่องจากครอบครัวทางฝ่ายพ่อของเค้าเป็นผู้ก่อตั้ง Ledger Engineering Foundry เช่นเดียวกันกับ The Sir Frank Ledger Charitable Trust ที่ให้โด่งดังด้านการสนับสนุนการศึกษาในเมืองเพิร์ธ
ชื่อเสียงเรียงนามของ "ฮีธ" และพี่สาว "แคเธอรีน เคธ" ถูกตั้งตามชื่อตัวละครหลักในนิยายเรื่อง Wuthering Heights (Heathcliff และ Catherine) นอกจากนั้น เค้ายังมีน้องสาวอีกสองคน คือ โอลิเวียร์ และแอชลีย์ ก่อนที่พ่อและแม่ของฮีธจะแยกทางกันในขณะที่ฮีธอายุได้เพียง 10 ขวบ
ฮีธในวัยเด็กเข้าศึกษาที่ Mary's Mount Primary School และย้ายไปเรียนต่อที่ Guildford Grammar School ซึ่งเป็นที่แรกที่ทำให้เค้าได้รู้จักกับการแสดง โดยรับบทเป็น "ปีเตอร์ แพน" ในละครเวทีของโรงเรียน และนอกจากพรสวรรค์ด้านการแสดงแล้ว ฮีธยังชื่นชอบการเล่นกีฬาหลายประเภท ทั้งคริกเก็ต ฟุตบอล โดยเฉพาะฮ็อคกี้ที่เค้าชอบมากเป็นพิเศษ ส่วนกิจกรรมยามว่างก็ไม่พ้นกีฬาผาดโผนอย่างเซิร์ฟ สเก็ตบอร์ด และกิจกรรมที่ต้องใช้ความนิ่งอย่างตกปลา นอกจากนั้นเค้ายังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับกีฬามอเตอร์สปอร์ตร่วมกับพ่อของเค้า โดยเค้าเคยชนะการแข่งขันโกคาร์ท 2-3 สมัย แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่ฮีธรักที่สุดก็ยังเป็นการแสดง โดยที่เค้ามีไอดอลในดวงใจก็คือ จีน เคลลี่ นักแสดงชาวอเมริกันผู้โด่งดัง (Anchors Aweigh, Singin' in the Rain)
อย่างไรก็ตาม เส้นทางสายนักแสดงของฮีธก็ยังไม่ชัดเจนนักจนกระทั่งในปี 1995 เค้าได้รับโอกาสจากซีรีส์ทางโทรทัศน์เรื่อง Sweat ที่จะถ่ายทำในเมืองเพิร์ธ โดยเค้าได้รับการยื่นข้อเสนอว่าอยากรับบทเป็นนักว่ายน้ำหรือนักปั่นจักรยาน ซึ่งจากตัวเลือกดังกล่าว ฮีธตัดสินใจเลือกบทนักปั่นจักรยาน "รักร่วมเพศ" และจากการตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้คนหันมาสนใจเค้ามากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ มาร์ติน เฮนเดอร์สัน (Martin Henderson) ได้ชักชวนให้ฮีธออกจากเมืองเพิร์ธ เพื่อแสวงหาโอกาสที่มากขึ้นในซิดนีย์ ซึ่งถึงแม้ฮีธจะยังลังเลอยู่บ้างแต่เค้าก็ไม่ทิ้งโอกาสนี้และตัดสินใจเดินทางไปยังอพาร์เมนท์ของมาร์ตินโดยมีเพียงกระเป๋าสะพายหนึ่งใบกับเซิร์ฟบอร์ดหนึ่งแผ่นติดตัวไปด้วยเท่านั้น และ ณ ห้องของเพื่อนมาร์ตินนั่นเองคือจุดเริ่มต้นแห่งการเปิดโลกทัศน์ทางด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ให้กับฮีธ เค้าจึงเดินทางกลับไปยังเพิร์ธเพื่อลาออกจากโรงเรียนและกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่ซิดนีย์ร่วมกับเพื่อนของเค้า
ต่อมาฮีธก็ได้ชิมลางงานแสดงมากขึ้นแต่จะเป็นการแสดงซีรีส์ทางโทรทัศน์ทั้งหมด จนกระทั่งเค้าเริ่มได้รับบทเล็กๆ ใน Blackrock (1997) ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้มีชื่อในทีมนักแสดง และมาโด่งดังเป็นพลุแตกในหนังรักตลกวัยรุ่นอย่าง 10 Things I Hate About You (1999) และในปีเดียวกัน ฮีธก็ได้กลับไปรับบทนำในหนังอาชญากรรมสัญชาติออสเตรเลียอย่าง Two Hands
หลังจากนั้นในช่วงปี 2000 - 2005 แทบจะเป็นช่วงปีที่ไม่ต้องกล่าวอะไรมากมายนัก เพราะความโด่งดังของฮีธน่าจะเป็นที่รู้จักของคนในวงกว้างมากที่สุด เค้าได้รับบทที่หลากหลายจากภาพยนตร์ดังในฮอลลีวู้ดหลายต่อหลายเรื่อง ทั้ง The Patriot (2000), Monster’s Ball (2000), A Knight’s Tale (2001), The Four Feathers (2002), Ned Kelly (2003), The Order (2003), Casanova (2005), The Brothers Grimm (2005)
และความเป็นนักแสดงยอดฝีมือของฮีธก็เริ่มปรากฏให้เห็นผ่านบท "เอนนิส" คาวบอยหนุ่มผู้ไม่แน่ใจในเพศสภาพของตัวเองใน Brokeback Mountain (2005) ที่เตะตากรรมการจนได้รับรางวัล Best Actor of 2005 จากสมาคมนักวิจารณ์ใน New York และ San Francisco และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Golden Globe และ Academy Award สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม แต่ทว่าเวลาของเค้ายังมาไม่ถึง จึงพลาดรางวัลใหญ่ทั้งสองไป
ในด้านชีวิตส่วนตัว ฮีธเคยมีข่าวกับนักแสดงสาวอย่าง ลิซา เลน (Lisa Zane), ฮีเธอร์ แกรห์ม (Heather Graham) และนาโอมิ วัตตส์ (Naomi Watts) จนมาถึงมิเชลล์ วิลเลียมส์ (Michelle Williams) ซึ่งมีความสัมพันธ์กันในระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Brokeback Mountain และมีลูกสาวน่ารักด้วยกัน 1 คน คือ มาทิลด้า โรส (Matilda Rose) ทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกันในช่วงปี 2005 - 2007 จนกระทั่งพ่อของ Michelle Williams ได้ยืนยันต่อสื่อมวลชนว่าฮีธและมิเชลล์ได้แยกทางกันเป็นที่เรียบร้อยเมื่อเดือนกันยายน 2007
ยังไม่จบครับ...เดี๋ยวมาเขียนต่อ