ญี่ปุ่นปี 1594 ซามูไรสองคนกำลังต่อสู้กับชายแปลกหน้าสวมชุดดำ พวกเขากำลังจะตาย...
    500 ปีก่อน นินจาถือว่าเป็นนักรบที่แสนน่ากลัวของญี่ปุ่น ด้วยความสามารถการต่อสู้เหนือมนุษย์ทำให้พวกเขากลายเป็นตำนาน แล้วมันเป็นเรื่องจริงหรือ ? ทำยังไงนินจาถึงได้สร้างความหวาดกลัวและชื่อเสียง ทั้งที่พวกเขาแทบไม่เคยถูกพบเจอ เราจะมาค้นหาถึงต้นกำเนิดของนินจา ทดสอบความสามารถที่แท้จริง และค้นหาความจริงของพลังเหนือธรรมชาติของพวกเขา
    ชื่อเสียงและความสามารถของนินจานั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการออกมาตามภาพยนตร์หรือนิยายต่างๆ ตามคำล่ำลือพวกเขามีความสามารถการต่อสู้ที่เหนือมนุษย์ นินจาคนเดียวสามารถรับมือคู่ต่อสู้ได้มากถึงสิบคน พวกเขาได้รับการจดจำในการเป็นนักฆ่าชุดดำที่สามารถฆ่าเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าตามประวัติจริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น
    ตามประวัติศาสตร์ไม่ค่อยมีหลักฐานที่คนถูกฆ่าโดนนินจา แล้วความเป็นจริงเป็นเช่นไร ?  บินได้ไหม ? หายตัวได้ หรือยังไง? แล้วเราจะแยกความจริงออกมาเช่นไร ? ถ้าไม่มีหลักฐานอะไรเหลือไว้ให้ สังคมลับเช่นนี้จะมีข้อมูลอะไรเหลืออยู่
    เพื่อที่จะค้นหาความจริงเราเดินทางไปที่ต้นตอของเหล่านินจา ประเทศญี่ปุ่น จังหวัดอิกะ ที่เราเป็นจุดเริ่มต้นของนินจาและเป็นที่มีพิพิธภัณฑ์สำหรับนินจาโดยเฉพาะ ที่นี้มีเพื่อศึกษาเกี่ยวกับนินจาโดยเฉพาะเกี่ยวกับนินจา วิชานินจิสุ มีหมายความว่าศิลปะของการล่องหน ที่นี้เป็นจุดเริ่มต้นที่เรามาหาข้อมูลเกี่ยวกับนินจา หลังจากที่เหล่านินจาหายตัวไปจากสังคมญี่ปุ่นเมื่อ 140 ปีที่แล้ว เราถามนักโบราณคดีเกี่ยวกับนินจาถึงเอกสารต่างๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่
    ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความจริงและมีความเป็นมาอย่างยาวนาน คุณวาตานาเบ้ ลูกหลานของนินจาทีเหลืออยู่ ได้โชว์เราถึงเอกสารของปู่ของปู่ ถึงข้อตกลงของรายละเอียดต่างๆ ซึ่งแสดงถึงความลับระดับสูงของระบบในสมัยนั้นแต่รายละเอียดต่างๆ ก็ยังไม่ได้เขียนอยู่ในเอกสารทั้งหมด
    แล้ววิชานินจาเริ่มต้นมาจากไหน ? ข้อสันนิษฐานเริ่มต้นจากพระที่อพยพมาจากจีน ตำนานกล่าวถึงยุคศตวรรษที่ 11ซามูไรหนุ่มได้พบกับพระที่อพยพมาจากจีน พระถามซามูไรหนุ่มว่าพร้อมที่จะศึกษารู้แบบการต่อสู้แบบใหม่หรือไม่ วิชานี้จะรวมทั้งพลังและจิตวิญญาณทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้โดยที่ไม่ถูกตรวจพบวิชานั้นเรียกว่า นินจิสุ วิชานินจิสุเริ่มได้รับการเผยแพร่ในจังหวัดอิกะ ด้วยสภาพแวดล้อมแบบภูเขาทำให้เป็นที่เหมาะสมในการฝึกวิชา
    ในยุคนั้นญี่ปุ่นอยู่ระหว่างสงครามกลางเมือง สงครามแพร่ขยายไปทั่วประเทศ หัวหน้าโชกุนจะจ้างนินจาเพื่อทำการจารกรรมต่างๆ หลังจากนินจาได้ออกมาทำภารกิจต่างๆ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 ชื่อเสียงของพวกเขาก็เพิ่มมากขึ้น พร้อมกับข่าวลือต่างๆ แต่ความสามารถที่โด่งดังที่สุดก็คือการหายตัว แล้วคำอธิบายของความสามารถนี้คืออะไร
    บ้านนินจานั้นได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี โดยมันจะได้รับการดัดแปลงให้มีทางลับช่องเก็บของลับไปจนถึงกับดักต่างๆ ทำให้ศัตรูไม่สามารถคาดเดาได้ นอกจากนั้นยังมีความสามารถในการเคลื่อนที่อย่างเงียบเชียบ โดยการเคลื่อนที่ของนินจาจะใช้ในย่างเท้าเป็นหลัก หลังจากนั้นค่อยถ่ายโอนน้ำหนักไป ทำสลับไปเรื่อยๆ จะทำให้สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว
    แต่ถึงนินจาจะสามารถหายตัวได้แต่สุดท้ายแล้ว การต่อสู้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ แน่นอนว่าตรงข้ามกับนินจาก็เป็นเหล่าซามูไร นักรบระดับสูงสุดของสังคมสมัยนั้น วิชาและแนวคิดของนินจานั้นตรงกันข้ามกับซามูไรโดยสิ้นเชิง แนวคิดของซามูไรคือการต่อสู้แบบเท่าเทียบกันของนักรบที่คู่ควรและต่อสู้จนกว่าจะตายโดยไม่ถอยหนี แต่นินจาไม่ได้เข้ากับแนวคิดนั้นเลย แนวคิดของนินจาคือการหลบหนีและไม่สามารถตรวจจับร่องรอยได้ ดังนั้นต่อให้ซามูไรได้รับการฝึกมาดีขนาดไหน นินจาก็จะทำการโจมตีด้วยรูปแบบที่ไม่คาดคิดหรือหลบหนี ซึ่งนั้นทำให้ซามูไรไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่
    แล้วถ้าทั้งสองจะต้องสู้กันละ ? ยังมีอีกอย่างนั้นก็คือวิชาต่อสู้ของนินจา กว่าหลายร้อยปีที่ซามูไรเป็นนักรบอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น จนกระทั่งมีนินจา ตามข่าวลือนินจาสามารถสู้กับซามูไรได้อย่างง่ายดาย แล้วความจริงล่ะ ? อย่างแรกนินจามักจะสามารถไต่กำแพงได้อย่างง่ายดาย นี้ไม่ใช่ข่าวลือแต่เกิดจากอุปกรณ์พิเศษ นั้นก็คืออุปกรณ์พิเศษที่คล้ายกับสนับมือแต่จะมีตะขออยู่ที่ฝ่ามือแทน ถุงมือตะขอนี้จะทำให้สามารถดึงตัวขึ้นไปบนกำแพงได้ง่ายมากขึ้น แต่นอกจากนั้นแล้วยังสามารถใช้ในการต่อสู้ได้ด้วย
    เนื่องจากตอนกลางคืนถุงมือตะขอนี้จะแทบมองไม่เห็น ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งแทงศัตรูตามจุดอ่อนต่างๆ ซึ่งถ้าเป็นฉากต่อสู้จริงๆ ซามูไรจะไม่รู้เลยว่านินจามีถุงมือชนิดนี้อยู่มันเหมือนกับการต่อสู้กับคู่ต่อสู้มือเปล่า แต่ความจริงมันสามารถที่จะใช้เกี่ยวข้อต่อเกราะต่างๆ รวมไปถึงรับดาบซามูไรก็ยังได้ถ้าอีกฝั่งไม่ได้ฟันมาเต็มแรง
    นอกจากนั้นนินจายังมีอาวุธอื่นอีกมากมาย โดยอาวุธของนินจานั้นจะต้องสามารถพกพาได้ง่าย เนื่องจากจะต้องเดินทางไกลและไต่กำแพงด้วย ทำให้อาวุธต้องมีขนาดเล็ก ทำให้นินจาต้องดัดแปลงอาวุธจากอุปกรณ์ทำฟาร์มต่างๆ ตัวอย่างที่คลาสสิกทีสุดคือ เคียวและโซ่ เคียวเกี่ยวข้าวสามารถหาได้ทั่วไปรวมกับโซ่ที่ติดน้ำหนักแค่นั้นเอง แต่เมื่อรวมกับวิชาการต่อสู้นั้นทำให้นินจากสามารถโจมตีซามูไรด้วยวิธีที่ไม่สามารถคาดเดาได้ มือถือว่าเป็นอาวุธประหลาดที่ซามูไรไม่เคยพบมาก่อน
    ลองคิดดูว่าคุณเป็นซามูไร ที่รู้จักดาบ หอก ขวานและอาวุธทั่วไป มาเจอกับนินจาที่ถือเคียวและเหวี่ยงโซ่ไปมา ? คุณแทบไม่รู้เลยว่าเขาจะใช้อาวุธชนิดนี้ยังไง นอกจากนั้นนินจายังดัดแปลงโซ่ให้สามารถพกพาได้ง่ายขึ้น ซึ่งนั้นทำให้มันเหมาะสำหรับการต่อสู้ระยะกลางถึงใกล้ โดยเริ่มจากกำโซ่ไว้โดยทีอีกฝ่ายไม่เห็นหลังจากนั้นก็ซัดใส่หน้าทันที ซึ่งนั้นจะทำให้อีกฝ่ายป้องกันได้ยากมาก
    ถ้าเป็นการต่อสู้ด้วยดาบนินจาจะใช้ดาบสั้น ต่างจากดาบซามูไรจะมีดาบขนาดยาวกว่า โดยการต่อสู้ของนินจานั้นจะเน้นการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วผสมกับการเคลื่อนที่ของร่างกายเพื่อให้ต่อสู้ในระยะใกล้ได้ นอกจากนั้นแตกต่างจากซามูไร นินจานั้นสามารถฝึกได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
    ทำไมนินจาถึงต้องมีวิชาการต่อสู้เฉพาะ ข้อแตกต่างนั้นก็คือภารกิจต่างๆ นินจาจะต้องทำคนเดียว ค่าตอบแทนของความผิดพลาดมีแค่สิ่งเดียว ความตาย
    กว่า 400 ปีนินจาสร้างชื่อเสียงและความหวาดกลัวในประเทศญี่ปุ่นการใช้นินจาหนึ่งคนเพื่อฆ่านายพลย่อมได้ผลมากกว่าการส่งทหารหลายพันนายมาต่อสู้กันแน่นอน แต่ด้วยชื่อเสียงและอันตรายทำให้โชกุนในยุคนั้นต่างมองเห็นถึงอันตรายและต้องการทำลายนินจาทิ้งซะจนถึงปี 1604 โทะกุงะวะ อิเอะยะซุ ได้ขึ้นมาเป็นโชกุน เขาเลือกที่จะสร้างความแตกต่าง แทนที่เขาจะทำลายนินจา เขากลับดึงนินจาเข้ามาเป็นพวก หลังจากนั้นนินจาถึงได้ทำงานขึ้นตรงกับโชกุนเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม
    นินจาได้เข้ามาเป็นองครักษ์ส่วนตัวของโชกุน เพื่อทำให้มันเป็นความลับนินจาได้ปลอมตัวอยู่ใกล้โชกุนตลอดเวลา พวกเขาปลอมตัวเป็นคนสวนนั้นเอง ไม่มีอะไรดีไปกว่าการปลอมตัวแบบนี้แล้ว ศัตรูจะไม่มีทางคาดถึงว่าคนสวยที่กำลังตัดหญ้าจะเป็นนินจาแน่นอน นอกจากนั้นอุปกรณ์ทำสวนต่างๆ ก็เป็นอาวุธที่ใกล้เคียงกับวิชาการต่อสู้ของนินจาอยู่แล้ว
    ในปี 1986 ญี่ปุ่นได้เปลี่ยนแปลงไป ซามูไรเปลี่ยนไปเป็นกองทัพแบบตะวันตกและความสงบสุขก็กลับคืนมาในที่สุดนินจาก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปสุดท้ายแล้วพวกเขาก็หายไปจากประวัติศาสตร์
ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=JS_j07Emt9U