แลดูเป็นส่วนผสมที่ค่อนข้างแปลกซักนิดนึงสำหรับคุณหมอฟันทันตแพทย์ และ นักศึกษาสาวน้อยยังไม่พ้นรั้วมหาวิทยาลัย ถ้ามองกันในแบบอุดมคติ(ทึ่คิดว่าเหมาะสมกัน) ต่างฝ่ายดูแล้วไม่น่าจะเป็นครึ่งหนึ่งของกันและกันซักเท่าไหร่ เมื่อ ....
ฝ่ายหญิงเป็นแนว Homely Girl ไม่หวานแต่ก็ไม่เปรี้ยว ไม่โง่แต่ก็ใช่ว่าดูทรงภูมิ
เป็นเด็กผู้หญิงซื่อใส หน้าตากระจุ๋มกระจิ๋ม ท่าทางไร้เดียงสา ไม่ทันคนบ้างครั้ง
โดนดุทีหน้าตาพิพักพิพ่วน ดูกริ่งเกรงคุณหมอฟันทันตแพทย์ยังกะหนูกลัวแมว
ฝ่ายชายเป็น Serious Guy คิดอะไรเป็นหลักเป็นฐานและตรรกะ พูดจาอยู่ในร่องรอย
เป็นเหตุเป็นผล สายตาที่จับจ้องคมกริบราวทะลุไปถึงหัวใจ มีออร่าให้คนรอบข้างต้อง
คอยระมัดระวังกลัวจะทำอะไรผิด กลัวจะทำอะไรพลาด มีบุคคลิกที่ทำให้เราต้องยกมือ
ขึ้นขอโทษเสมอ ๆ ถึงแม้ไม่รู้ว่าตัวเองจะผิดอะไร ก็ยกสองมือวันทาไปแล้วแบบงง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นครั้งแรก ๆ ที่เจอกัน แม้จะแอบประทับใจสาว Homely ที่นั่งคุยกับปลาคาร์ฟหลังบ้านตัวเองอย่างออกรสออกชาติ แต่ทำไปทำมาสมองส่วนตรรกะก็ทำให้คุณหมอคิดไปว่า เด็กหอมน้ำนี่น่าจะเป็นจิตเภทหรืออะไรทำนองนี้รึเปล่า ? ด้านหอมน้ำหลังจากเจออิทฤทธิ์ขุ่นแม่พุธกันยาไปก็ต้องไหว้ปะลก ๆ ขอโทษลูกของขุ่นแม่อยู่นาน เรียกว่า คุณหมอฟันฯเจอ หอมน้ำทีก็ต้องมีประเด็นให้อารมณ์บ่จอยอยู่เรื่อย ด้านหอมน้ำเองเจอคุณหมอทีไรเป็นต้องโดนดุ เจอทีไรก็แทบจะร่างเป็นเด็กโรคจิตทุกครั้งไป เป็นซะขนาดนี้แล้วจะลงเอยกันยังไง
โดยทั่วไปแล้วสำหรับ Serious Guy ถ้าดูจากบุคคลิกที่เป็นงานเป็นการก็น่าจะเอนเอียงไปทางสาวสวยคล่องงาน สาววิชาการทรงภูมิ หรือไม่ก็ type แม่บ้านแม่เรือนไปเลยน่าจะเหมาะสมกัน ส่วน Homely Girl ใส ๆ เมื่อพิจารณาแล้วด้วยบุคคลิกสื่อใสไม่เดียงสาก็น่าจะเข้าคู่กันได้ดีกับผู้ชายใจดีอบอุ่น หรือ คล้ายกับคุณพ่อที่บ้าน .... แต่ก็กลายเป็นว่า หนุ่มซีเรียส กับ สาวน้อยใสกิ๊ง แอบมะลันดูแก มะแลดูกันซะแบบนั้น
ซึ่งถ้าพิจารณาไปแล้วลึก ๆ ในเรื่องของนิสัยของทั้งคู่ก็คงไม่แปลกนัก ว่ากันว่าความถูกใจบ้างครั้งก็เหมือนขั้วแม่เหล็ก ขั้วต่างกันถึงจะดึงดูดกัน ทฤษฎีนี้น่าจะใช้กับหอมน้ำ และ คุณหมอฟันทันตแพทย์ได้ สังเกตว่าคุณหมอฟันฯ ประการแรกเลยไม่ชอบผู้หญิงเยอะผู้หญิงจัดจ้าน (เธอถึงรำคาญยัยน้องเอิงมาก) ดังนั้นสาวใสอย่างหอมน้ำถึงอยู่ในข่าย ประการต่อมาสำหรับคนที่เป็นงานเป็นการสันนิษฐานว่าน่าจะชอบผู้หญิงคล่องงาน หรือ วิชาการ หรือ แม่เหย้าแม่เรือนเต็มรูปแบบ แต่หอมน้ำก็ไม่ใช่ทั้งสามแบบ
ข้อนี้น่าจะเป็นเพราะว่า คุณหมอนั้นนอกจากเป็นงานเป็นการแล้วก็เป็นผู้ชายที่เป็นผู้ช้ายผู้ชาย เป็นผู้นำโดยธรรมชาติจึงต้องการผู้ตามโดยธรรมชาติ ถ้าได้ผู้หญิงที่ช่างค้าน หรือ เถียงก็อาจจะวงแตกได้ง่าย แต่ถ้าเป็นแม่เหย้าแม่เรือนออมปากออมคำก็จะแลดูทื่อ ๆ ไม่มีตัวตนไป หอมน้ำนี่ครึ่ง ๆ อย่างละนิดอย่างละหน่อย ไม่ถึงกับคล่องงานแต่มีความตั้งใจ อาจจะกลัว ๆ บ้างแต่ก็มีเถียงมั่งอะไรมั่งให้พออมยิ้ม ไม่ถึงกับแม่เหย้าแม่เรือนมากยังเป็นเด็กกะโปโลหากก็มีลักษณะที่คล้อยตาม
และที่สำคัญคือมีลักษณะที่น่าปกป้อง (หน้าตา ท่าทาง การแสดงออก บวกนิสัยสื่อออกมาแนวทางนั้น) เท่านี้ก็จุดความเอ็นดูให้คนซีเรียสได้ไม่ยาก อยากปกป้องต่อไปเรื่อย ๆ .... ประมาณว่าตลอดชีวิตอะไรทำนองนั้น (ฮิ้วววว) แต่ทั้งนี้จะให้แสดงออกมากนัก แบบว่าบอกรักอะไรยังงี้ .... ก็ยังมองว่าอีกฝ่ายเด็กเกิ๊น .... ดูท่าทางไม่ค่อยประสีประสาเรื่องโรแมนซ์อะไรพรรค์นี้เท่าไหร่ อยากไว้ฟอร์มนิดนึงด้วย เฮ้ย ๆๆๆๆ อายุเราเท่านี้ เด็กก็อายุจิ๊ดนึง เรียนก็ยังเรียนอยู่ .... คนซีเรียส คิดมาก ฟอร์มมาก ก็อดไม่ได้ที่จะลังเลใจ แล้วถ้ายัยเด็กนั่นไม่เอาเรา .... ไม่กลายเป็นเอกมโนโทจิ้นตอนหลักสามหรือนี่ ...
ส่วนฝ่ายหญิงด้วยความเด็กกว่าความเกรงกลัวจึงมีมากกว่าปกติ พูดจาอะไรก็ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย เพราะ ฤทธิ์ผี(อ้อ ต้องเรียกวิญญาณสินะ เดี๋ยวป้ามาหักคอ)ขุ่นแม่ มองทีไรก็ร้อน ๆ หนาว ๆ สายตา ยังกะหัวใจถูกควักออกมาดูนอกอกอย่างงั้นแหละ แถมเจอกันทุกครั้ง 90 กว่าเปอร์เซ็นนี่ต้องโดนดุ บางทีดุจนน้ำตาร่วง แต่ในความดุก็ได้เรียนรู้ว่าพึ่งพิงได้ ในถ้อยคำก็รับรู้ได้ว่าเป็นห่วง ห่วงทั้งดุ ๆ นี่แหละ อันนี้ก็จุดอะไรในใจหอมน้ำได้ไม่ยาก มีคนปกป้องดูแล แต่ก็แอบลงไม้เรียว เวลาทำตัวเป็นเด็ก ๆ ก็มีโมเม้นท์ที่ผลักให้โต
ทีนี้ในความเป็นผู้หญิงนี่ต่อให้อ่อนต่อโลกขนาดไหน สัญชาตญาณก็พอมีน่า แต่ก็ไม่แน่ใจ เค้าชอบเรารึเปล่านะ ? มันก็มีโมเม้นท์ให้คิด แต่อย่างที่บอกข้างนั้นก็ไม่กล้าก็หอมน้ำใส๊ใส ... เด็กมันรู้เรื่องป่าวนี่คิดยังไง ดูไม่ออก ด้านสาวใส ... ก็รู้สึกว่าโดนดุมากเลยแล้วก็ชอบอ้างพ่อแม่บางทีก็อ้างผีแม่ (เอาใหม่ วิญญาณแม่ ... เริ่มได้กลิ่นพุดซ้อนจาง ๆ เคนะป้านะ) ไอ้ที่คนดูฟิน ๆ เชื่อว่าหมอเองก็ฟิน หอมน้ำเองก็รู้สึกได้ แต่มันก็อวลกลิ่นความไม่แน่ใจ เพราะมันดูกันไม่ออก ด้านนึงก็รู้สึกว่าเด็กกะโปโลเหลือเกิน ไม่ประสีประสาอารมณ์รัก ๆ หรอกมั้ง (จริง ๆ คือ ที่มันเป็นแบบนั้นก็เพราะดุก็เพราะอ้างแม่ตัวเองมั่ง อ้างพ่อแม่ผู้หญิงมั่งเขาก็เลยน้อยใจว่าเขากลายเป็นตัวน่ารำคาญ) ... อีกด้านนึงก็รู้สึกว่าดุเราจัง เหมือนทำอะไรก็น่ารำคาญไปหมดจนต้องเสียงดังใส่ (จริง ๆ ยิ่งห่วงมากยิ่งดุมาก กลัวจะเป็นโน่น กลัวจะเป็นนี่ กลัวจะเป็นนั่น ขึ้นเสียงใส่ไว้ก่อน เห็นว่าได้ผลดี ดุทีไรก็สู้ไม่ได้ทุกที ก็ดุไว้ก่อน)
จริง ๆ ถ้าจะให้แนะนำ ... Simply the best บอกกันตรง ๆ ก็สิ้นเรื่อง เนอะ .... กลัวอะไร อ้อมโลกกันอยู่ทำไม๊ (ยักไหล่ใส่เก๋ ๆ)
ใยกัลยา : ความสัมพันธ์ของ Homely Girl กับ Serious Guy (วิเคราะห์)
เป็นเด็กผู้หญิงซื่อใส หน้าตากระจุ๋มกระจิ๋ม ท่าทางไร้เดียงสา ไม่ทันคนบ้างครั้ง
โดนดุทีหน้าตาพิพักพิพ่วน ดูกริ่งเกรงคุณหมอฟันทันตแพทย์ยังกะหนูกลัวแมว
ฝ่ายชายเป็น Serious Guy คิดอะไรเป็นหลักเป็นฐานและตรรกะ พูดจาอยู่ในร่องรอย
เป็นเหตุเป็นผล สายตาที่จับจ้องคมกริบราวทะลุไปถึงหัวใจ มีออร่าให้คนรอบข้างต้อง
คอยระมัดระวังกลัวจะทำอะไรผิด กลัวจะทำอะไรพลาด มีบุคคลิกที่ทำให้เราต้องยกมือ
ขึ้นขอโทษเสมอ ๆ ถึงแม้ไม่รู้ว่าตัวเองจะผิดอะไร ก็ยกสองมือวันทาไปแล้วแบบงง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นครั้งแรก ๆ ที่เจอกัน แม้จะแอบประทับใจสาว Homely ที่นั่งคุยกับปลาคาร์ฟหลังบ้านตัวเองอย่างออกรสออกชาติ แต่ทำไปทำมาสมองส่วนตรรกะก็ทำให้คุณหมอคิดไปว่า เด็กหอมน้ำนี่น่าจะเป็นจิตเภทหรืออะไรทำนองนี้รึเปล่า ? ด้านหอมน้ำหลังจากเจออิทฤทธิ์ขุ่นแม่พุธกันยาไปก็ต้องไหว้ปะลก ๆ ขอโทษลูกของขุ่นแม่อยู่นาน เรียกว่า คุณหมอฟันฯเจอ หอมน้ำทีก็ต้องมีประเด็นให้อารมณ์บ่จอยอยู่เรื่อย ด้านหอมน้ำเองเจอคุณหมอทีไรเป็นต้องโดนดุ เจอทีไรก็แทบจะร่างเป็นเด็กโรคจิตทุกครั้งไป เป็นซะขนาดนี้แล้วจะลงเอยกันยังไง
โดยทั่วไปแล้วสำหรับ Serious Guy ถ้าดูจากบุคคลิกที่เป็นงานเป็นการก็น่าจะเอนเอียงไปทางสาวสวยคล่องงาน สาววิชาการทรงภูมิ หรือไม่ก็ type แม่บ้านแม่เรือนไปเลยน่าจะเหมาะสมกัน ส่วน Homely Girl ใส ๆ เมื่อพิจารณาแล้วด้วยบุคคลิกสื่อใสไม่เดียงสาก็น่าจะเข้าคู่กันได้ดีกับผู้ชายใจดีอบอุ่น หรือ คล้ายกับคุณพ่อที่บ้าน .... แต่ก็กลายเป็นว่า หนุ่มซีเรียส กับ สาวน้อยใสกิ๊ง แอบมะลันดูแก มะแลดูกันซะแบบนั้น
ซึ่งถ้าพิจารณาไปแล้วลึก ๆ ในเรื่องของนิสัยของทั้งคู่ก็คงไม่แปลกนัก ว่ากันว่าความถูกใจบ้างครั้งก็เหมือนขั้วแม่เหล็ก ขั้วต่างกันถึงจะดึงดูดกัน ทฤษฎีนี้น่าจะใช้กับหอมน้ำ และ คุณหมอฟันทันตแพทย์ได้ สังเกตว่าคุณหมอฟันฯ ประการแรกเลยไม่ชอบผู้หญิงเยอะผู้หญิงจัดจ้าน (เธอถึงรำคาญยัยน้องเอิงมาก) ดังนั้นสาวใสอย่างหอมน้ำถึงอยู่ในข่าย ประการต่อมาสำหรับคนที่เป็นงานเป็นการสันนิษฐานว่าน่าจะชอบผู้หญิงคล่องงาน หรือ วิชาการ หรือ แม่เหย้าแม่เรือนเต็มรูปแบบ แต่หอมน้ำก็ไม่ใช่ทั้งสามแบบ
ข้อนี้น่าจะเป็นเพราะว่า คุณหมอนั้นนอกจากเป็นงานเป็นการแล้วก็เป็นผู้ชายที่เป็นผู้ช้ายผู้ชาย เป็นผู้นำโดยธรรมชาติจึงต้องการผู้ตามโดยธรรมชาติ ถ้าได้ผู้หญิงที่ช่างค้าน หรือ เถียงก็อาจจะวงแตกได้ง่าย แต่ถ้าเป็นแม่เหย้าแม่เรือนออมปากออมคำก็จะแลดูทื่อ ๆ ไม่มีตัวตนไป หอมน้ำนี่ครึ่ง ๆ อย่างละนิดอย่างละหน่อย ไม่ถึงกับคล่องงานแต่มีความตั้งใจ อาจจะกลัว ๆ บ้างแต่ก็มีเถียงมั่งอะไรมั่งให้พออมยิ้ม ไม่ถึงกับแม่เหย้าแม่เรือนมากยังเป็นเด็กกะโปโลหากก็มีลักษณะที่คล้อยตาม
และที่สำคัญคือมีลักษณะที่น่าปกป้อง (หน้าตา ท่าทาง การแสดงออก บวกนิสัยสื่อออกมาแนวทางนั้น) เท่านี้ก็จุดความเอ็นดูให้คนซีเรียสได้ไม่ยาก อยากปกป้องต่อไปเรื่อย ๆ .... ประมาณว่าตลอดชีวิตอะไรทำนองนั้น (ฮิ้วววว) แต่ทั้งนี้จะให้แสดงออกมากนัก แบบว่าบอกรักอะไรยังงี้ .... ก็ยังมองว่าอีกฝ่ายเด็กเกิ๊น .... ดูท่าทางไม่ค่อยประสีประสาเรื่องโรแมนซ์อะไรพรรค์นี้เท่าไหร่ อยากไว้ฟอร์มนิดนึงด้วย เฮ้ย ๆๆๆๆ อายุเราเท่านี้ เด็กก็อายุจิ๊ดนึง เรียนก็ยังเรียนอยู่ .... คนซีเรียส คิดมาก ฟอร์มมาก ก็อดไม่ได้ที่จะลังเลใจ แล้วถ้ายัยเด็กนั่นไม่เอาเรา .... ไม่กลายเป็นเอกมโนโทจิ้นตอนหลักสามหรือนี่ ...
ส่วนฝ่ายหญิงด้วยความเด็กกว่าความเกรงกลัวจึงมีมากกว่าปกติ พูดจาอะไรก็ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย เพราะ ฤทธิ์ผี(อ้อ ต้องเรียกวิญญาณสินะ เดี๋ยวป้ามาหักคอ)ขุ่นแม่ มองทีไรก็ร้อน ๆ หนาว ๆ สายตา ยังกะหัวใจถูกควักออกมาดูนอกอกอย่างงั้นแหละ แถมเจอกันทุกครั้ง 90 กว่าเปอร์เซ็นนี่ต้องโดนดุ บางทีดุจนน้ำตาร่วง แต่ในความดุก็ได้เรียนรู้ว่าพึ่งพิงได้ ในถ้อยคำก็รับรู้ได้ว่าเป็นห่วง ห่วงทั้งดุ ๆ นี่แหละ อันนี้ก็จุดอะไรในใจหอมน้ำได้ไม่ยาก มีคนปกป้องดูแล แต่ก็แอบลงไม้เรียว เวลาทำตัวเป็นเด็ก ๆ ก็มีโมเม้นท์ที่ผลักให้โต
ทีนี้ในความเป็นผู้หญิงนี่ต่อให้อ่อนต่อโลกขนาดไหน สัญชาตญาณก็พอมีน่า แต่ก็ไม่แน่ใจ เค้าชอบเรารึเปล่านะ ? มันก็มีโมเม้นท์ให้คิด แต่อย่างที่บอกข้างนั้นก็ไม่กล้าก็หอมน้ำใส๊ใส ... เด็กมันรู้เรื่องป่าวนี่คิดยังไง ดูไม่ออก ด้านสาวใส ... ก็รู้สึกว่าโดนดุมากเลยแล้วก็ชอบอ้างพ่อแม่บางทีก็อ้างผีแม่ (เอาใหม่ วิญญาณแม่ ... เริ่มได้กลิ่นพุดซ้อนจาง ๆ เคนะป้านะ) ไอ้ที่คนดูฟิน ๆ เชื่อว่าหมอเองก็ฟิน หอมน้ำเองก็รู้สึกได้ แต่มันก็อวลกลิ่นความไม่แน่ใจ เพราะมันดูกันไม่ออก ด้านนึงก็รู้สึกว่าเด็กกะโปโลเหลือเกิน ไม่ประสีประสาอารมณ์รัก ๆ หรอกมั้ง (จริง ๆ คือ ที่มันเป็นแบบนั้นก็เพราะดุก็เพราะอ้างแม่ตัวเองมั่ง อ้างพ่อแม่ผู้หญิงมั่งเขาก็เลยน้อยใจว่าเขากลายเป็นตัวน่ารำคาญ) ... อีกด้านนึงก็รู้สึกว่าดุเราจัง เหมือนทำอะไรก็น่ารำคาญไปหมดจนต้องเสียงดังใส่ (จริง ๆ ยิ่งห่วงมากยิ่งดุมาก กลัวจะเป็นโน่น กลัวจะเป็นนี่ กลัวจะเป็นนั่น ขึ้นเสียงใส่ไว้ก่อน เห็นว่าได้ผลดี ดุทีไรก็สู้ไม่ได้ทุกที ก็ดุไว้ก่อน)