สิงคโปร์เมืองมนุษย์สร้าง ประเทศที่ไม่เคยหยุดพัฒนา จุดขายหลักคือการท่องเที่ยว แต่ละปีจะมีอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้นเสมอ เรียกเงินนักท่องเที่ยวไปไม่น้อยเลย ไปแล้วก็ต้องไปอีก ผมไปเที่ยวมาแล้วหลายครั้ง เรียกว่าไม่มีเบื่อ ทั้งความเป็นระเบียบ ความสะอาด บ้านเมืองที่สวยทันสมัย การคมนาคมที่สะดวก แทบไม่เจอรถติดเลย ที่สำคัญคือ ความปลอดภัย
พูดถึงสิงคโปร์ ทุกคนจะนึกภาพสวนสนุก Universal Studio Singapore (USS), Singapore Flyer, Marina Bay Sands ขึ้นมาทันที แต่สำหรับ Gardens by the Bay หลายคนยังนึกไม่ออก หรืออาจเคยเห็นแต่เพียง Super Tree ที่ยืนโชว์ตัวอยู่ภายนอก แต่ไม่เคยเข้าไปข้างใน ผมจะตีตั๋วพาไปเที่ยวกันครับ
Gardens by the Bay นับว่าเป็นสวนพฤกษศาสตร์ในร่มที่ใหญ่ที่สุดแห่งนึงในโลก และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนสิงคโปร์ด้วยกันเอง ด้วยการออกแบบตัวอาคารกระจกเป็นรูปโดมเปลือกหอยขนาดใหญ่ถึง 2 หลัง นับว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะสิงคโปร์เลย โดยแต่ละโดมจะแยกพันธุ์พืชไว้หลากหลายมาก ทั้งพืชเมืองร้อน พืชเมืองหนาว พันธุ์ไม้ที่หายาก จากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ในที่เดียวกัน
โดมปรับอากาศทั้ง 2 ของ Gardens by the Bay มีชื่อเรียกว่า Flower Dome และ Cloud Forest Dome โดยพืชที่นำมาปลูกในโดมทั้ง 2 นี้จะแตกต่างกัน
Flower Dome จะเป็นโดมที่ปลูกพันธุ์พืชในเขตเมดิเตอเรเนียน (Mediterranean climate) โดยยังแบ่งโซนออกเป็น 9 โซนด้วยกัน คือ สวนต้นเบาบับ และต้นไม้ทรงขวดและ (Baobabs and Bottle Trees), สวนพืชอวบน้ำ (Succulent Garden), สวนออสเตรเลียน (Australian Garden), สวนแอฟริกาใต้ (South African Garden), สวนอเมริกาใต้ (South American Garden), สวนแคลิฟอเนีย (Califonia Garden), สวนเมดิเตอเรเนียน (Mediterranean Garden), สวนที่เปลี่ยนไปตามธีมหรือเทศกาล (Changing Flower Field Display)
มาอยู่ใน Flower Dome แล้วครับ
ภายใน Flower Dome นั้นกว้างมาก ติดแอร์เย็นสบาย นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปได้ ยิ่งใครเป็นคอมาโคร รับรองว่าจะยิ่งชอบ เพราะอยู่ได้ทั้งวันไม่จำกัดเวลา แถมภายในโดมก็เย็นสบาย จะออกมาข้างนอกก็แค่แสตมป์ตรายางที่หลังมือเท่านั้น
มองจากชั้นบน จะเห็นตรงกลางโดม เป็นพื้นที่เพื่อจัดแสดงพืชตามธีมหมุนเวียนไป ช่วงที่ผมไปคือ Tulip mania
Baobabs and Bottle Trees โซนต้นไม้ที่มีรูปร่างคล้ายขวด ลำต้นป่อง โซนนี้มีพื้นที่มากที่สุดในโดมดอกไม้
โซนต้นไม้ที่มีรูปร่างคล้ายขวด ลำต้นป่อง และตะบองเพชร โซนนี้มีพื้นที่มากที่สุดใน Flower Dome อยู่บนชั้น 2
ผู้ที่หลงไหลชื่นชอบพืชตระกูลตะบองเพชร (Cactus) ต้องไม่พลาด เพราะที่นี่มีหลากหลายสายพันธุ์มากเหลือเกิน รับรองมาเห็นของจริงแล้วคุ้มค่ามาก
จำชื่อไม่หวาดไม่ไหว เยอะแยะไปหมด ขอลงภาพส่วนหนึ่งให้ชมกันครับ
แล้วเราก็ออกจาก Flower Dome มาเดินต่อที่ Cloud Forest Dome กันครับ จะแตกต่างจาก Flower Dome ชัดเจน เดินเข้ามาก็เจอละอองจากน้ำตกต้อนรับเลย เขาเครมว่านี่คือน้ำตกจำลองในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยนะ โดยน้ำตกนี้จะเป็นตัวสร้างความชื้นภายในโดม ส่วนพันธุ์ไม้ใน Cloud Forest Dome นี้จะเป็นไม้ที่ไม่ผลัดใบเหมือนกับในป่าฝนเขตร้อนชื้น มีทั้งมอส เฟิร์น กล้วยไม้ และไม้เถา ไม้เลื้อยหลากชนิดมาก ความรู้สึกเมื่อมาเดินในโดมนี้เหมือนกำลังเดินบนดอยในภาคเหนือบ้านเราครับ โดยเขาจะจำลองภูเขาให้เราเดินไปบนทางเดินลอยฟ้า (Sky walk) คนกลัวความสูงอาจไม่ชอบนัก เพราะมันก็สูงจริง ๆ
ออกแบบภูเขาได้อลังการจริง ๆ โครงสร้างภายในเป็นทางเดิน และส่วนแสดงพันธุ์ไม้และห้องนิทรรศการต่าง ๆ เกี่ยวกับธรณีวิทยา มีทางเดินลอยฟ้า (Sky walk) ยื่นออกมานอกตัวภูเขา ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่และสดชื่นไปพร้อม ๆ กัน
ในโดม Cloud Forest มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยลิฟท์จะขึ้นไปถึงชั้น 6 แล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นที่ 7 จะแบ่งพื้นที่เป็น 9 โซนได้แก่
Lost World , Cloud Walk, The Cavern, Waterfall View, Crystal Mountain, Tree Top Walk, Earth Check, +5 Degrees, Secret Garden
ไปดูภาพรวมของ Cloud Forest Dome กันครับ
ทางเดินลอยฟ้า เป็นพื้นแผ่นเหล็กครับ เวลาเดินก็มีเสียงดังปึงปังหน่อย แต่ไม่น่ากลัวอะไร
สูงดีนะครับ ราวเหล็กเป็นลูกกรงสูงระดับหน้าอก ไม่ต้องกลัวว่าจะพลัดตกไป ถ้าไม่ไปปีนเล่นซะก่อนนะ
มองลงไปนี่สูงไม่ใช่เล่นเลยนะครับ แม้จะแค่ 7 ชั้น
ทางเดินลอยฟ้าที่ยื่นออกมา ทำให้เห็นพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ที่ขึ้นปกคลุมภูเขาลูกนี้อยู่ พันธุ์อะไรบ้างก็ไม่รู้ เต็มไปหมด
ในส่วนของพันธุ์พืช ส่วนใหญ่จะเห็นพวกพืชหน้าตาแปลก ๆ พวกพืชป่าชื้ย ป่าดงดิบ อย่างพืชกินแมลงอย่างในภาพ คือหม้อแกงลิง
ตรงกลาง Cloud Forest ชั้น 4 ข้างในมีจัดแสดง Crystal Mountain การเกิดหินงอกหินย้อย
เดินลงมาถึงชั้นล่าง ผ่านมาเรื่อย ๆ จนถึงด้านหลังของน้ำตก เพื่อไปโซนต่อไป
ห้องสุดท้ายคือห้องจัดนิทรรศการแสดงแบบจำจองและแนวคิดของ Gardens by the Bay ในเรื่องการประหยัดพลัง และการนำพลังธรรมชาติ ทั้งน้ำ ลม และแสงอาทิตย์ มาผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ภายในโดมแห่งนี้ ดีมากมากเลยครับ ห้องนี้ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะมืดมาก ถ้าใช้แฟลชจะรบกวนผู้เข้าชมคนอื่น ๆ
เดินออกมาจากโดมทั้งสองแล้ว ก็ไปต่อกันที่ลาน Super Tree กันครับ ถ้ายังติดใจจาก Sky walk ใน Cloud Forest Dome ล่ะก็บน Super Tree ก็มีให้ขึ้นไปเดินครับ แต่เสียเงินนะครับ แถมร้อนด้วย ควรขึ้นไปเดินช่วงบ่าย ๆ แก่จะดีกว่า เสียดายตรงที่ Sky walk นั้นไม่ได้เชื่อมกับ Super Tree ทุกต้น ไม่งั้นคงได้เดิน ได้เห็นวิวมากกว่านี้
ไฮไลท์ที่ทุกคนรอคอยคือช่วงแสงสีเสียง ที่ลาน Super Trees แห่งนี้ เริ่มแสดงเวลา 19.45 น. ระยะเวลา 15 นาที ช่วงนี้จะสวยงามสุดสุด แนะนำว่าอย่าพลาดครับ
เดินหามุมถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ ถ้าใครมีเลนส์ wide จะเก็บได้ทั้ง Super Tree + Marina Bay + Singapore Flyer เลยนะครับ ในภาพนี้แค่ช่วง 28mm เท่านั้นเอง
ที่สำคัญอย่าลืม ขาตั้ง นะครับ
สำหรับการการเดินทางมาที่ Gardens by the Bay นั้นง่ายมากครับ
รถไฟฟ้า เป็นการเดินทางที่สะดวกที่สุด โดยลงที่ MRT Bayfront Station Exit B เดินข้ามสะพาน Dragonfly Bridge ก็จะเข้าสู่ Gardens by the Bay
เดินมาจาก Marina Bay Sands เดินข้ามสะพาน Lions Bridge ที่เชื่อมระหว่าง Marina Bay Sands และ Gardens by the Bay (สะพานเปิด 8.00 – 23.00 น.)
________________________________________________________________________________
ที่มา :
http://www.wayofbackpacker.com/2015/01/พาเที่ยว-gardens-bay-singapore/
แฟนเพจ :
https://www.facebook.com/BackpackersProject
[CR] [[[Way of Backpacker]]] เดินเล่น ชมนกชมไม้ ที่ Gardens By The Bay Singapore
พูดถึงสิงคโปร์ ทุกคนจะนึกภาพสวนสนุก Universal Studio Singapore (USS), Singapore Flyer, Marina Bay Sands ขึ้นมาทันที แต่สำหรับ Gardens by the Bay หลายคนยังนึกไม่ออก หรืออาจเคยเห็นแต่เพียง Super Tree ที่ยืนโชว์ตัวอยู่ภายนอก แต่ไม่เคยเข้าไปข้างใน ผมจะตีตั๋วพาไปเที่ยวกันครับ
Gardens by the Bay นับว่าเป็นสวนพฤกษศาสตร์ในร่มที่ใหญ่ที่สุดแห่งนึงในโลก และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนสิงคโปร์ด้วยกันเอง ด้วยการออกแบบตัวอาคารกระจกเป็นรูปโดมเปลือกหอยขนาดใหญ่ถึง 2 หลัง นับว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะสิงคโปร์เลย โดยแต่ละโดมจะแยกพันธุ์พืชไว้หลากหลายมาก ทั้งพืชเมืองร้อน พืชเมืองหนาว พันธุ์ไม้ที่หายาก จากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ในที่เดียวกัน
โดมปรับอากาศทั้ง 2 ของ Gardens by the Bay มีชื่อเรียกว่า Flower Dome และ Cloud Forest Dome โดยพืชที่นำมาปลูกในโดมทั้ง 2 นี้จะแตกต่างกัน
Flower Dome จะเป็นโดมที่ปลูกพันธุ์พืชในเขตเมดิเตอเรเนียน (Mediterranean climate) โดยยังแบ่งโซนออกเป็น 9 โซนด้วยกัน คือ สวนต้นเบาบับ และต้นไม้ทรงขวดและ (Baobabs and Bottle Trees), สวนพืชอวบน้ำ (Succulent Garden), สวนออสเตรเลียน (Australian Garden), สวนแอฟริกาใต้ (South African Garden), สวนอเมริกาใต้ (South American Garden), สวนแคลิฟอเนีย (Califonia Garden), สวนเมดิเตอเรเนียน (Mediterranean Garden), สวนที่เปลี่ยนไปตามธีมหรือเทศกาล (Changing Flower Field Display)
มาอยู่ใน Flower Dome แล้วครับ
ภายใน Flower Dome นั้นกว้างมาก ติดแอร์เย็นสบาย นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปได้ ยิ่งใครเป็นคอมาโคร รับรองว่าจะยิ่งชอบ เพราะอยู่ได้ทั้งวันไม่จำกัดเวลา แถมภายในโดมก็เย็นสบาย จะออกมาข้างนอกก็แค่แสตมป์ตรายางที่หลังมือเท่านั้น
มองจากชั้นบน จะเห็นตรงกลางโดม เป็นพื้นที่เพื่อจัดแสดงพืชตามธีมหมุนเวียนไป ช่วงที่ผมไปคือ Tulip mania
Baobabs and Bottle Trees โซนต้นไม้ที่มีรูปร่างคล้ายขวด ลำต้นป่อง โซนนี้มีพื้นที่มากที่สุดในโดมดอกไม้
โซนต้นไม้ที่มีรูปร่างคล้ายขวด ลำต้นป่อง และตะบองเพชร โซนนี้มีพื้นที่มากที่สุดใน Flower Dome อยู่บนชั้น 2
ผู้ที่หลงไหลชื่นชอบพืชตระกูลตะบองเพชร (Cactus) ต้องไม่พลาด เพราะที่นี่มีหลากหลายสายพันธุ์มากเหลือเกิน รับรองมาเห็นของจริงแล้วคุ้มค่ามาก
จำชื่อไม่หวาดไม่ไหว เยอะแยะไปหมด ขอลงภาพส่วนหนึ่งให้ชมกันครับ
แล้วเราก็ออกจาก Flower Dome มาเดินต่อที่ Cloud Forest Dome กันครับ จะแตกต่างจาก Flower Dome ชัดเจน เดินเข้ามาก็เจอละอองจากน้ำตกต้อนรับเลย เขาเครมว่านี่คือน้ำตกจำลองในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยนะ โดยน้ำตกนี้จะเป็นตัวสร้างความชื้นภายในโดม ส่วนพันธุ์ไม้ใน Cloud Forest Dome นี้จะเป็นไม้ที่ไม่ผลัดใบเหมือนกับในป่าฝนเขตร้อนชื้น มีทั้งมอส เฟิร์น กล้วยไม้ และไม้เถา ไม้เลื้อยหลากชนิดมาก ความรู้สึกเมื่อมาเดินในโดมนี้เหมือนกำลังเดินบนดอยในภาคเหนือบ้านเราครับ โดยเขาจะจำลองภูเขาให้เราเดินไปบนทางเดินลอยฟ้า (Sky walk) คนกลัวความสูงอาจไม่ชอบนัก เพราะมันก็สูงจริง ๆ
ออกแบบภูเขาได้อลังการจริง ๆ โครงสร้างภายในเป็นทางเดิน และส่วนแสดงพันธุ์ไม้และห้องนิทรรศการต่าง ๆ เกี่ยวกับธรณีวิทยา มีทางเดินลอยฟ้า (Sky walk) ยื่นออกมานอกตัวภูเขา ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่และสดชื่นไปพร้อม ๆ กัน
ในโดม Cloud Forest มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยลิฟท์จะขึ้นไปถึงชั้น 6 แล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นที่ 7 จะแบ่งพื้นที่เป็น 9 โซนได้แก่
Lost World , Cloud Walk, The Cavern, Waterfall View, Crystal Mountain, Tree Top Walk, Earth Check, +5 Degrees, Secret Garden
ไปดูภาพรวมของ Cloud Forest Dome กันครับ
ทางเดินลอยฟ้า เป็นพื้นแผ่นเหล็กครับ เวลาเดินก็มีเสียงดังปึงปังหน่อย แต่ไม่น่ากลัวอะไร
สูงดีนะครับ ราวเหล็กเป็นลูกกรงสูงระดับหน้าอก ไม่ต้องกลัวว่าจะพลัดตกไป ถ้าไม่ไปปีนเล่นซะก่อนนะ
มองลงไปนี่สูงไม่ใช่เล่นเลยนะครับ แม้จะแค่ 7 ชั้น
ทางเดินลอยฟ้าที่ยื่นออกมา ทำให้เห็นพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ที่ขึ้นปกคลุมภูเขาลูกนี้อยู่ พันธุ์อะไรบ้างก็ไม่รู้ เต็มไปหมด
ในส่วนของพันธุ์พืช ส่วนใหญ่จะเห็นพวกพืชหน้าตาแปลก ๆ พวกพืชป่าชื้ย ป่าดงดิบ อย่างพืชกินแมลงอย่างในภาพ คือหม้อแกงลิง
ตรงกลาง Cloud Forest ชั้น 4 ข้างในมีจัดแสดง Crystal Mountain การเกิดหินงอกหินย้อย
เดินลงมาถึงชั้นล่าง ผ่านมาเรื่อย ๆ จนถึงด้านหลังของน้ำตก เพื่อไปโซนต่อไป
ห้องสุดท้ายคือห้องจัดนิทรรศการแสดงแบบจำจองและแนวคิดของ Gardens by the Bay ในเรื่องการประหยัดพลัง และการนำพลังธรรมชาติ ทั้งน้ำ ลม และแสงอาทิตย์ มาผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ภายในโดมแห่งนี้ ดีมากมากเลยครับ ห้องนี้ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะมืดมาก ถ้าใช้แฟลชจะรบกวนผู้เข้าชมคนอื่น ๆ
เดินออกมาจากโดมทั้งสองแล้ว ก็ไปต่อกันที่ลาน Super Tree กันครับ ถ้ายังติดใจจาก Sky walk ใน Cloud Forest Dome ล่ะก็บน Super Tree ก็มีให้ขึ้นไปเดินครับ แต่เสียเงินนะครับ แถมร้อนด้วย ควรขึ้นไปเดินช่วงบ่าย ๆ แก่จะดีกว่า เสียดายตรงที่ Sky walk นั้นไม่ได้เชื่อมกับ Super Tree ทุกต้น ไม่งั้นคงได้เดิน ได้เห็นวิวมากกว่านี้
ไฮไลท์ที่ทุกคนรอคอยคือช่วงแสงสีเสียง ที่ลาน Super Trees แห่งนี้ เริ่มแสดงเวลา 19.45 น. ระยะเวลา 15 นาที ช่วงนี้จะสวยงามสุดสุด แนะนำว่าอย่าพลาดครับ
เดินหามุมถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ ถ้าใครมีเลนส์ wide จะเก็บได้ทั้ง Super Tree + Marina Bay + Singapore Flyer เลยนะครับ ในภาพนี้แค่ช่วง 28mm เท่านั้นเอง
ที่สำคัญอย่าลืม ขาตั้ง นะครับ
สำหรับการการเดินทางมาที่ Gardens by the Bay นั้นง่ายมากครับ
รถไฟฟ้า เป็นการเดินทางที่สะดวกที่สุด โดยลงที่ MRT Bayfront Station Exit B เดินข้ามสะพาน Dragonfly Bridge ก็จะเข้าสู่ Gardens by the Bay
เดินมาจาก Marina Bay Sands เดินข้ามสะพาน Lions Bridge ที่เชื่อมระหว่าง Marina Bay Sands และ Gardens by the Bay (สะพานเปิด 8.00 – 23.00 น.)
________________________________________________________________________________
ที่มา : http://www.wayofbackpacker.com/2015/01/พาเที่ยว-gardens-bay-singapore/
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/BackpackersProject
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น