ขณะขับรถ สถานีวิทยุแห่งหนึ่งเปิดเพลงแรพที่คุ้นหูสมัยตอนผมเป็นวัยรุ่น "ตึ้ง ตึง ตึง ตึ้ง ตึ้ง ยู ค้าน ทัช ดีส .." ที่โด่งดังในอัลบั้ม U Can't Touch This ของ MC hammer เลยกลับบ้านมาเปิดยูทูปดู แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่แค่เสียงเพลงและท่าเต้นที่โด่งดังกลับกลายเป็นประวัติของนาย MC Hammer. ที่เขาเคยโด่งดังอย่างมากในปี 1990 ซึ่งเขาสามารถขายอัลบั้มเพลงเขาถึง 35 ล้านตลับทั่วโลก แต่กลายมาเป็นบุคคลที่ถูกฟ้องล้มละลายในปี 1996
เพราะอะไรภายในเวลาอันไม่กี่ปีทำให้นักร้องที่มีท่าเต้นอันโด่งดัง คนนี้ล้มละลาย
กล่าวย้อนไปสมัยที่เขายังเด็ก นาย Hammer คนนี้มีประวัติเกิดกับครอบครัวที่ยากจน มีพ่อทำงานเป็นหัวหน้างานในคลังสินค้า ชอบเล่นการพนันมีหนี้สิน เลยทำให้ตัวเขาและพี่น้องต้องอยู่กันอย่างลำบาก ในสลัมในย่านโอ๊คแลนด์ คาลิฟอร์เนีย ในอเมริกา ซึ่งเป็นที่ที่มีสถิติของการเกิดอาชญากรรมที่สูงมาก แต่ด้วยความที่แกเป็นคนมีพรสวรรค์ในการค้าขาย ตอนอายุ 11 เขาเอาไม้เบสบอลไปขายในลานจอดรถเมื่อมีการแข่งขัน และเรียกลูกค้าด้วยการเต้นโชว์ ซึ่งทำให้มีคนมามุงดู และแกก็สามารถขายไม้เบสบอลได้อย่างมาก
วันหนึ่งเจ้าของคลับแห่งหนึ่งมาเห็น เลยจ้างนาย Hammer ไปอยู่ในคลับเป็นนักเต้น ในช่วงนี้แกเลยสั่งสมประสพการณ์ร้องเพลงและการเต้น
รวมทั้งด้วยความชอบกีฬาเบสบอล เขาก็เลยไปฝึกเป็นนักกีฬา และสุดท้ายก็ทำงานเป็นเบสบอลมืออาชีพไปด้วย
แต่ด้วยความที่ชอบขายและนักธุรกิจ แกเห็นว่าการทำเงินกับการขายเพลงน่าจะทำได้ดีกว่าการเล่นเบสบอล เขาเลยไปรวบรวมเงินกับเพื่อนได้เงินมาจำนวนหนึ่งมาเข้าห้องเสียงอัดเพลงทำเทปขาย โดยเอาเทปใส่ท้ายรถและ ออกตระเวนขาย ฝากขายตามผับ และสถานที่ต่างๆ พร้อมกับการเต้นโชว์ ตอนนั้นเขาสามารถขายเพลงได้ถึง 60,000 ตลับ
สุดท้ายก็เข้าตาแมวมอง ค่ายเพลงก็มาซื้อลิขสิทธิ์เพลง และตัวนาย Hammer เป็นจำนวนเงินถึง 1.75 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และเพลงอัลบั้มแรก ที่มีเพลง U cant touch this นี้ก็ดังเปรี้ยงปร้างขายได้ถล่มทะลายถึง 35 ล้านตลับ เขารับเงินส่วนแบ่งประมาณ 50 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และได้รับรางวัลแกรมมีและรางวัลอื่นๆ มากมาย
ด้วยความที่นาย Hammer เป็นคนที่ใช้เงินมือเติบ ปีนั้นแกเลยไปสร้างบ้านอันใหญ่โต เป็นจำนวนเงินถึง 30 ล้านเหรียญ ซื้อรถหรู 17 คัน ลงทุนซื้อม้าถึง 25 ตัวให้พ่อเพื่อทำธุรกิจสนามม้า และจ้างนักเต้นและพนักงานถึง 200 คนซึ่งก็เป็นเพื่อนเก่า หรือคนในแถวย่านสลัมที่เขาอาศัย เพื่อมาทำงาน นักเต้นและออกตระเวนทัวร์ รอบโลก เขาบอกว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนมีมูลค่าถึง 50 ล้านเหรียญ ทีเดียว
แต่หลังจากอัลบั้มที่สองออกมา ในเพลง Too Ligit to Quit ก็ไม่ได้โด่งดัง ยอดขายลดลงมาเหลือที่ 4 ล้านตลับ
สุดท้ายก็จบลงที่ยอดขายไม่กี่หมื่นตลับในอัลบั้มที่ห้าซึ่งเป็นอัลบั้มสุดท้าย ในปี 1996 พร้อมกับข่าวโด่งดัง จากการที่ศาลสั่งฟ้องล้มละลาย บ้านและสินทรัพย์อื่นถูกขายทอดตลาด
บทเรียนนี้เป็นอีกบทเรียหนึ่งสำหรับคนดัง ที่บริหารเงินผิดพลาด ที่ทุกคนควรรู้ไว้เป็นบทเรียน ซึ่งทุกคนไม่ด้ง แต่ถ้าใช้เงินไม่เป็นก็อาจมีหนี้สิน มากมายได้
-------------------------------------------
เราลองมาแลกเปลี่ยนความรู้กันครับ มีใครที่เป็นคนดัง ไม่ว่า นักร้อง ดารา นักการเมืองหรือ
คนโด่งดังในเมืองไทยที่บริหารเงินผิดพลาด
และขอเหตุผลสั้นๆ ด้วยครับ (ขอแบบสุภาพและให้เกียรตินะครับ)
แลกเปลี่ยนความรู้กันครับ มีดารา นักร้อง หรือคนดัง ในประเทศไทยที่บริหารเงินผิดพลาด จนล้มละลาย
เพราะอะไรภายในเวลาอันไม่กี่ปีทำให้นักร้องที่มีท่าเต้นอันโด่งดัง คนนี้ล้มละลาย
กล่าวย้อนไปสมัยที่เขายังเด็ก นาย Hammer คนนี้มีประวัติเกิดกับครอบครัวที่ยากจน มีพ่อทำงานเป็นหัวหน้างานในคลังสินค้า ชอบเล่นการพนันมีหนี้สิน เลยทำให้ตัวเขาและพี่น้องต้องอยู่กันอย่างลำบาก ในสลัมในย่านโอ๊คแลนด์ คาลิฟอร์เนีย ในอเมริกา ซึ่งเป็นที่ที่มีสถิติของการเกิดอาชญากรรมที่สูงมาก แต่ด้วยความที่แกเป็นคนมีพรสวรรค์ในการค้าขาย ตอนอายุ 11 เขาเอาไม้เบสบอลไปขายในลานจอดรถเมื่อมีการแข่งขัน และเรียกลูกค้าด้วยการเต้นโชว์ ซึ่งทำให้มีคนมามุงดู และแกก็สามารถขายไม้เบสบอลได้อย่างมาก
วันหนึ่งเจ้าของคลับแห่งหนึ่งมาเห็น เลยจ้างนาย Hammer ไปอยู่ในคลับเป็นนักเต้น ในช่วงนี้แกเลยสั่งสมประสพการณ์ร้องเพลงและการเต้น
รวมทั้งด้วยความชอบกีฬาเบสบอล เขาก็เลยไปฝึกเป็นนักกีฬา และสุดท้ายก็ทำงานเป็นเบสบอลมืออาชีพไปด้วย
แต่ด้วยความที่ชอบขายและนักธุรกิจ แกเห็นว่าการทำเงินกับการขายเพลงน่าจะทำได้ดีกว่าการเล่นเบสบอล เขาเลยไปรวบรวมเงินกับเพื่อนได้เงินมาจำนวนหนึ่งมาเข้าห้องเสียงอัดเพลงทำเทปขาย โดยเอาเทปใส่ท้ายรถและ ออกตระเวนขาย ฝากขายตามผับ และสถานที่ต่างๆ พร้อมกับการเต้นโชว์ ตอนนั้นเขาสามารถขายเพลงได้ถึง 60,000 ตลับ
สุดท้ายก็เข้าตาแมวมอง ค่ายเพลงก็มาซื้อลิขสิทธิ์เพลง และตัวนาย Hammer เป็นจำนวนเงินถึง 1.75 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และเพลงอัลบั้มแรก ที่มีเพลง U cant touch this นี้ก็ดังเปรี้ยงปร้างขายได้ถล่มทะลายถึง 35 ล้านตลับ เขารับเงินส่วนแบ่งประมาณ 50 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และได้รับรางวัลแกรมมีและรางวัลอื่นๆ มากมาย
ด้วยความที่นาย Hammer เป็นคนที่ใช้เงินมือเติบ ปีนั้นแกเลยไปสร้างบ้านอันใหญ่โต เป็นจำนวนเงินถึง 30 ล้านเหรียญ ซื้อรถหรู 17 คัน ลงทุนซื้อม้าถึง 25 ตัวให้พ่อเพื่อทำธุรกิจสนามม้า และจ้างนักเต้นและพนักงานถึง 200 คนซึ่งก็เป็นเพื่อนเก่า หรือคนในแถวย่านสลัมที่เขาอาศัย เพื่อมาทำงาน นักเต้นและออกตระเวนทัวร์ รอบโลก เขาบอกว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนมีมูลค่าถึง 50 ล้านเหรียญ ทีเดียว
แต่หลังจากอัลบั้มที่สองออกมา ในเพลง Too Ligit to Quit ก็ไม่ได้โด่งดัง ยอดขายลดลงมาเหลือที่ 4 ล้านตลับ
สุดท้ายก็จบลงที่ยอดขายไม่กี่หมื่นตลับในอัลบั้มที่ห้าซึ่งเป็นอัลบั้มสุดท้าย ในปี 1996 พร้อมกับข่าวโด่งดัง จากการที่ศาลสั่งฟ้องล้มละลาย บ้านและสินทรัพย์อื่นถูกขายทอดตลาด
บทเรียนนี้เป็นอีกบทเรียหนึ่งสำหรับคนดัง ที่บริหารเงินผิดพลาด ที่ทุกคนควรรู้ไว้เป็นบทเรียน ซึ่งทุกคนไม่ด้ง แต่ถ้าใช้เงินไม่เป็นก็อาจมีหนี้สิน มากมายได้
-------------------------------------------
เราลองมาแลกเปลี่ยนความรู้กันครับ มีใครที่เป็นคนดัง ไม่ว่า นักร้อง ดารา นักการเมืองหรือ
คนโด่งดังในเมืองไทยที่บริหารเงินผิดพลาด
และขอเหตุผลสั้นๆ ด้วยครับ (ขอแบบสุภาพและให้เกียรตินะครับ)