[CR] ร้อยเรียงเรื่อง 'ลาว' ผ่านการเดินทางจากเชียงรายสู่หลวงพระบางโดยเรือช้า [สะบายดีหลวงพระบาง]

ตอนแรก: http://ppantip.com/topic/33113793

สะบายดี ‘หลวงพระบาง’

หลังจากที่เรือช้าเทียบท่าที่หลวงพระบางแล้ว พวกเรายังนั่งอยู่บนเรืออีกเกือบ 10 นาที เพื่อให้นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ทยอยขึ้นจากเรือกันไปก่อน ช่วงนี้เกิดความชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เพราะทุกคนคงอยากจะสัมผัสพื้นดินแทนผืนน้ำกันเต็มทีแล้ว ระยะเวลา 2 วัน รวม 13 ชั่วโมงบนเรือช้า ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกเบื่อเลยก็ดูจะเป็นการโกหกกันเกินไป โดยเฉพาะชั่วโมงสุดท้ายที่เข้าใกล้หลวงพระบางมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม การเดินทางโดยเรือช้าก็ยังเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้



จากท่าเรือพวกเราใช้บริการรถจัมโบ้ (หรือรถตุ๊กตุ๊ก) ไปยังซอยข้างโรงเรียนประชาทิปไต เพื่อหาที่พักราคาถูกตามที่หนังสือท่องเที่ยวแนะนำไว้ ขณะที่นักท่องเที่ยวบางส่วนเลือกใช้วิธีเดินเท้าแทนการนั่งรถ ซึ่งจริงๆ แล้วที่พักส่วนใหญ่ก็ไม่ไกลจากท่าเรือมากนัก สำหรับคนที่ทราบพิกัดที่พักที่แน่นอนและพอจะแบกเป้เดินไหวก็จะสามารถประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้อีกคนละ 10,000 กีบ


ซอยข้างโรงเรียนประชาทิปไตเป็นซอยเล็กๆ ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีที่พักอื่นใดนอกเหนือจากบ้านเรือนของชาวบ้านทั่วไป แต่เมื่อเดินเข้าไปในซอยแล้วจะพบว่ามีเฮือนพักหรือเกสต์เฮาส์อยู่หลายแห่ง และเท่าที่เราสังเกตนักท่องเที่ยวประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ที่พักอยู่ในซอยนี้จะเป็นชาวเอเชีย โดยเฉพาะชาวเกาหลีและชาวญี่ปุ่น

เฮือนพักเกือบทุกที่ที่พวกเราเดินผ่านจะมีนักท่องเที่ยวนั่งอยู่เป็นกลุ่มๆ ด้วยขนาดของเฮือนพักและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เห็นทำให้พวกเราคิดว่าแต่ละที่น่าจะถูกจับจองเต็มหมดแล้ว เฮือนพักที่แรกที่พวกเราเข้าไปสอบถามราคาเป็นเฮือนพักสองชั้นที่อยู่เกือบท้ายซอย ที่นี่มีห้องว่างราคา 500 บาท เป็นห้องแอร์และมีห้องน้ำในตัว แต่ด้วยอากาศที่เย็นสบายและสภาพร่างกายตอนนั้น พวกเราคิดว่าถ้าได้ห้องพักแบบพัดลมก็น่าจะดีกว่า

สุดท้ายเราสองคนก็แบกเป้เดินย้อนกลับมาที่ ‘เฮือนพักบุญจะเลิน’ ที่อยู่ต้นซอย ห้องพักของที่นี่เต็มแล้ว แต่อ้ายที่เป็นเจ้าของก็แนะนำเฮือนพักอีกที่หนึ่งที่อยู่เยื้องๆ กันมาให้ ซึ่งเราคิดว่าทั้งสองที่นี้น่าจะมีเจ้าของคนเดียวกัน

ห้องพักของพวกเราเป็นห้องพัดลมแบบมีห้องน้ำในตัว ราคาคืนละ 100,000 กีบหรือประมาณ 400 บาท พวกเราตัดสินใจจองห้องพักไว้เพียง 2 คืนเท่านั้น เพราะยังไม่แน่ใจว่าจะท่องเที่ยวในหลวงพระบางกี่วัน และจะเดินทางต่อไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ในช่วงกลางวันหรือกลางคืนกันแน่

ลักษณะห้องพักของที่นี่เหมือนกับห้องเช่าชั้นเดียวทั่วไป ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ นอกจากเตียงเดี่ยว 2 เตียง สัญญาณ Internet Wi-Fi และน้ำดื่มอีก 2 ขวด สำหรับเรื่องความสะอาดถือว่าอยู่ในระดับดี แต่ที่เราประทับใจมากที่สุดก็คงจะเป็นอัธยาศัยและรอยยิ้มของอ้ายเจ้าของเฮือนพักนั่นเอง



เมื่อได้ที่พักเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ออกไปเดินเล่นชมเมืองหลวงพระบางยามเย็น พร้อมกับเสาะหาของอร่อยๆ รับประทานหลังจากที่ต้องพึ่งขนมปังต่างข้าวกันมาหลายชั่วโมง มื้อแรกที่หลวงพระบางพวกเราฝากท้องไว้ที่ ‘ร้านกาแฟดาว (Dao Coffee)’ ซึ่งเป็นร้านกาแฟชื่อดังของประเทศลาว

แรกเริ่มเดิมทีพวกเราตั้งใจจะหาร้านอาหารข้างทางทั่วไป แต่อย่างที่เราบอกไว้ตั้งแต่ตอนแรกๆ ว่าพวกเราไม่ได้วางแผนเรื่องอื่นมาเลยนอกจากเรื่องการเดินทางไป-กลับ และนั่นก็ทำให้พวกเราต้องเดินหากันแบบไร้ทิศทางอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะเจอร้านอาหารที่ถูกใจ

อาหารเย็นมื้อแรกของพวกเราเป็นเมนูง่ายๆ อย่างข้าวผัดและแหนมเนือง แม้รสชาติจะไม่เหมือนกับที่เมืองไทยซะทีเดียว แต่ร้านนี้ก็ถือว่าสอบผ่านสำหรับอาหารการกินในต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ รวมราคาอาหารและน้ำดื่มอีก 2 ขวด มื้อนี้พวกเราจ่ายค่าเสียหายไปทั้งหมด 90,000 กีบหรือประมาณ 360 บาท  


จากร้านกาแฟดาว พวกเราก็มาเดินเล่นกันต่อที่ตลาดมืดหรือ Night Market ซึ่งเป็นถนนคนเดินยามค่ำคืนของหลวงพระบาง ที่ตลาดมืดแห่งนี้มีร้านค้าจำนวนมากตั้งเรียงรายไปตลอดแนวของถนนสีสะหว่างวง สินค้าที่วางขายส่วนใหญ่จะเป็นงานหัตถกรรมอย่างผ้าทอ เครื่องเงิน ไม้แกะสลัก และภาพวาดต่างๆ คล้ายกับทางภาคเหนือของประเทศไทย ความยาวของตลาดมืดแห่งนี้ประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกได้ว่าเดินกันจนเหนื่อยเลยทีเดียว

ถัดจากตลาดมืดจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนของหลวงพระบางที่มีร้านอาหารกึ่งผับอยู่หลายร้าน มองๆ ไปก็เหมือนกับถนนข้าวสารย่อมๆ ของบ้านเรา

ระหว่างที่เดินอยู่ในตลาดมืด พวกเราก็สำรวจร้านอาหารที่อยู่สองข้างทางไปด้วย บนถนนสีสะหว่างวงมีร้านอาหารอยู่หลายร้าน ทั้งร้านแบบนั่งสบายๆ ร้านรถเข็น และร้านข้าวแกงแบบบุฟเฟต์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในตรอกเล็กๆ ที่อยู่ช่วงต้นของตลาดใกล้กับสี่แยกไปรษณีย์ ที่นี่จะเป็นที่ฝากท้องของพวกเราในตอนเย็นวันพรุ่งนี้

นอกจากร้านค้าต่างๆ แล้ว บนถนนสีสะหว่างวงก็ยังมีจุดแลกเงินไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย แต่อัตราแลกเปลี่ยนของที่นี่อาจจะต่ำกว่าที่ห้วยซายเล็กน้อย

หลังจากเดินสำรวจตลาดกันจนทั่วแล้ว พวกเราก็กลับไปยังเฮือนพักในเวลาสองทุ่มเศษ เฮือนพักของพวกเราอยู่ห่างจากตลาดมืดเพียง 100 เมตรเท่านั้น ทำให้ค่อนข้างสะดวกและไม่เป็นอันตรายสำหรับการเดินทางของผู้หญิงสองคน วันพรุ่งนี้พวกเราตั้งใจว่าจะตื่นมาตักบาตรกันแต่เช้า คืนนี้ก็เลยจะเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำ

แต่อุปสรรคก็เกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อห้องข้างๆ ของพวกเรากำลังบรรเลงดนตรีอย่างสนุกสนาน พวกเรานั่งรอให้เสียงนั้นสงบอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง จนสุดท้ายก็ต้องตัดสินใจไปบอกอ้ายเจ้าของเฮือนพักก่อนเสียงดนตรีจะเงียบไปในที่สุด
ชื่อสินค้า:   หลวงพระบาง-เวียงจันทร์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่