ร่วมเชิดชูครูผู้ให้ครับ

วันนี้ วันที่ 16 ม.ค.2558 เป็นวันครูแห่งชาติ เป็นวันที่ผมนึกถึงครูหลายๆ ท่านที่ได้ให้ความเมตตา ความกรุณา และความช่วยเหลือผม ผมซึ่งเติบโตมาจากครอบครัวยากจน ถ้าไม่ได้ครูหลายๆ ท่านมอบความเมตตาให้ก็คงไม่มีวันนี้ ผมจึงอยากนำเรื่องเล่าดีๆ มาแบ่งปันและเชิดชูครูผู้เป็นผู้ให้ครับ


.....................................................................................................................................................................
บทความลงมติชนวันที่ 10 ม.ค.
.........................

ครูผู้เปลี่ยนชีวิตนักเรียนด้วยการเปลี่ยนวิถีการสอน

โดย ดร.จุมพล พูลภัทรชีวิน

     ช่วงปีใหม่ ผมได้รับคำอวยพร บทกลอน คำคม เรื่องเล่าและเรื่องราวดีๆมากมายจากเพื่อนๆ และลูกศิษย์ที่ส่งมาให้ มีอยู่ข้อความหนึ่งที่ผมอ่านแล้ว กระตุ้นให้ผมคิดโยงถึงเรื่องการศึกษาของไทยขึ้นมาทันที ข้อความนั้นคือ
“อ่านหนังสือออก สำคัญ
อ่านเหตุการณ์ออก สำคัญกว่า
อ่านคนอื่นออก สำคัญยิ่ง  
อ่านตนเองออก สำคัญที่สุด”
     ดูเหมือนการศึกษาของไทยจะเน้นเรื่องแรกเป็นหลัก เรื่องที่สองรองลงไป ส่วนเรื่องที่สามและสี่ไม่ได้เน้น เพราะการศึกษากระแสหลักของเราให้ความสำคัญกับการสอนหนังสือ/วิชา มากกว่าสอนคน/ชีวิตกับสังคมและสรรพสิ่ง
     ผมลองขยายข้อความข้างบนออกให้ครอบคลุมเรื่องการศึกษาให้กว้างขวางขึ้น จำแนกได้เป็น 12 ระดับคือ
1.     อ่านหนังสือออก สำคัญ
2.     เข้าใจสิ่งที่อ่าน สำคัญกว่า
3.     รู้เท่าทันสิ่งที่อ่านสำคัญที่สุด
4.     อ่านสถานการณ์ออก สำคัญมาก
5.     เข้าใจสถานการณ์ สำคัญมากกว่า
6.     รู้เท่าทันสถานการณ์ สำคัญมากที่สุด
7.     อ่านคนอื่นออก สำคัญยิ่ง
8.     เข้าใจคนอื่น สำคัญยิ่งกว่า
9.     รู้เท่าทันคนอื่น สำคัญยิ่งยวด
10.    อ่านตนเองออก สำคัญยิ่ง
11.    เข้าใจและรู้เท่าทันตนเอง สำคัญยิ่งกว่า
12.    เข้าใจและมองเห็นความสัมพันธ์เชื่อมโยงของตนเองกับสรรพสิ่ง สำคัญที่สุด
     ดูเหมือนการศึกษากระแสหลักของไทยให้ความสำคัญกับสองข้อแรก ข้ออื่นๆถัดไปให้ความสำคัญน้อยลงไปจนถึงไม่มีเลย ใช่หรือไม่? โดยเฉพาะข้อ 3 ข้อ 6, 7, 8. 9. 10, 11, และที่สำคัญคือข้อ 12
     ถ้าครูทำหน้าที่เพียงสอนให้ผู้เรียนอ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น เน้นเนื้อหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วัดและประเมินผลผู้เรียนจากคะแนนสอบรายวิชา ครูจะสามารถทำให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลง/เปลี่ยนผ่านขั้นพื้นฐาน (Fundamental Transformation) ได้หรือไม่ ?
     ลองอ่านเรื่องเล่าเกี่ยวกับครูทอมป์สัน ครูผู้เปลี่ยนชีวิตนักเรียน ที่เพื่อนในวงการศึกษาส่งมาให้ผม ซึ่งที่จริงผมก็เคยอ่านมาหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งที่อ่านก็รู้สึกดีและประทับใจทุกครั้ง

     คุณครูทอมป์สันโกหกนักเรียนชั้น ป.5 ของเขา ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มสอนเลย คุณครูบอกว่า ครูรักนักเรียนเท่ากันหมดทุกคนเลย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะว่ามีเด็กตัวเล็กๆ ท่าทางขี้เกียจคนหนึ่งชื่อ เท็ดดี้ สต๊อดดารด์
     ครูทอมป์สันได้จับตาดูเท็ดดี้มาระยะหนึ่งและสังเกตว่าเขาไม่ค่อยเล่นดีๆ กับเด็กคนอื่นเท่าไหร่ เสื้อผ้าของเท็ดดี้สกปรกและตัวเหม็นหึ่งอยู่ตลอดเวลา และบางทีเขาก็เกเร
     ครูทอมป์สันตรวจงานของเท็ดดี้ด้วยหมึกสีแดง กากบาทไปหนาๆ และใส่ตัว F ตัวใหญ่ๆ ลงไปบนหัวกระดาษ โรงเรียนที่คุณครูทอมป์สันสอน ครูต้องทบทวนประวัติของเด็กแต่ละคนด้วย แต่ครูทอมป์สันก็ไม่ยอมตรวจประวัติของเท็ดดี้ จนกระทั่งเหลือแฟ้มสุดท้าย เมื่อครูตรวจแฟ้ม ครูทอมป์สันก็แปลกใจมากที่ พบว่าครูชั้น ป.1 ของเท็ดดี้เขียนไว้ว่า "น้องเท็ดดี้เป็นเด็กที่ฉลาดและร่าเริง ทำงานเรียบร้อย มารยาทดี เป็นเด็กที่น่ารักมากทีเดียว" ส่วนคุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.2 เขียนว่า " เท็ดดี้เป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก เพื่อนๆ ชอบกันทุกคน แต่กำลังมีปัญหาเพราะแม่ของเท็ดดี้กำลังป่วยหนัก และชีวิตทางบ้านต้องลำบากมากแน่ๆ " คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.3 เขียนว่า " เขาเสียใจมากที่เสียแม่ไป เขาพยายามเต็มที่แล้วแต่คุณพ่อก็ไม่ค่อยให้ความรักความสนใจเขาเท่าไหร่ และชีวิตที่บ้านเขาต้องส่งผลกระทบต่อเขาแน่ๆ ถ้าไม่มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ "
คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.4 เขียนว่า " เท็ดดี้ไม่ยอมเข้าสังคมและไม่ค่อยสนใจการเรียนเท่าที่ควร ไม่ค่อยมีเพื่อนและหลบหนีจากห้องเรียน
     ตอนนี้ คุณครูทอมป์สัน รู้ถึงปัญหาแล้วและอับอายในการกระทำของตนเองมาก ครูรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก เมื่อนักเรียนในห้องซื้อของขวัญวันคริสต์มาสมาให้ ห่อในกระดาษสีสดๆ พร้อมผูกโบว์อย่างดี ยกเว้นแต่ของเท็ดดี้ ของขวัญของเท็ดดี้ถูกห่ออย่างหยาบๆ ในกระดาษลูกฟูกหนาๆ ที่ได้มาจากถุงใส่กับข้าว ครูทอมป์สันกัดฟัน เปิดกล่องของเท็ดดี้ดูกลางกองของขวัญอื่น ๆ เด็กบางคนเริ่มหัวเราะเมื่อเห็นว่า เท็ดดี้ให้กำไลลูกปัดที่ไม่ครบเส้น และขวดน้ำหอมที่เหลือน้ำหอมอยู่ก้นขวดแก่ครู แต่ครูก็หยุดเสียงหัวเราะของเด็กๆ เมื่อครูเอ่ยขึ้นว่ากำไลเส้นนั้นสวยเพียงใด เขาสวมมันไว้ที่ข้อมือ และฉีดน้ำหอมไปบนข้อมือด้วย เท็ดดี้ เฝ้ารออยู่จนเย็นให้นานพอที่จะพูดว่า " ครูทอมป์สันครับ วันนี้ครูตัวหอมเหมือนที่แม่ผมเคยหอมเลยครับ "
     หลังจากที่นักเรียนทุกคนกลับบ้าน ครูทอมป์สันก็ร้องไห้เป็นชั่วโมง หลังจากวันนั้นเอง คุณครูเลิกสอนหนังสือ เลิกสอนการเขียนและเลิกสอนเลขคณิต แต่คุณครูเริ่มสอนเด็กๆ แทน คุณครูทอมป์สันเอาใจใส่เท็ดดี้เป็นพิเศษ เมื่อครูพยายามช่วยเขา จิตใจของเขาก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ยิ่งครูให้กำลังใจเท็ดดี้เท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตอบรับเร็วขึ้นเท่านั้น ภายในสิ้นปีนั้นเอง เท็ดดี้ได้กลายเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในห้อง และถึงวันนี้แม้ว่าคุณครูจะบอกว่าครูรักเด็กทุกคนเท่ากัน แต่ความจริง เท็ดดี้ก็ได้กลายไปเป็น "ศิษย์โปรด" ของครูไปแล้ว
     หนึ่งปีต่อมา คุณครูพบจดหมายอยู่ใต้ประตู จดหมายนั้นมาจากเท็ดดี้ บอกครูว่าคุณครูเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี หกปีต่อมา ครูก็ได้จดหมายจากเท็ดดี้อีก บอกว่าเขาเรียนจบม.ปลายแล้ว ได้ที่สามในทั้งระดับ และคุณครูยังคงเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยเจอมาในชีวิต สี่ปีหลังจากนั้น คุณครูก็ได้จดหมายอีก บอกว่าแม้ว่าชีวิตเขาจะลำบากบ้างเขาก็ไม่ได้เลิกเรียนหนังสือ และจะจบปริญญาตรีในเร็วๆ นี้ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และยังย้ำกับครูทอมป์สันว่า คุณครูเป็นครูที่ดีที่สุดและเป็นครูคนโปรดในชีวิตของเขา  จากนั้นสี่ปีผ่านไปจดหมายอีกฉบับหนึ่งก็มาถึง ครั้งนี้เขาอธิบายว่าหลังจากที่เขาได้รับปริญญาตรีแล้ว เขาตัดสินใจที่จะเรียนต่ออีกนิด จดหมายนั้นอธิบายว่า คุณครูยังเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี ครั้งนี้เขาลงชื่อในจม.ของเขายาวขึ้นอีกหน่อย จดหมายนั้นลงชื่อว่า  นพ. ทีโอดอร์ เอฟ. สต๊อดดารด์
     เรื่องยังไม่จบแค่นี้  ฤดูใบไม้ผลิในปีนั้นก็ยังมีจดหมายมาอีก เท็ดดี้บอกว่า เขาได้เจอสาวคนหนึ่งและก็จะแต่งงานกัน เขาบอกมาในจม.ว่าพ่อของเขาได้เสียไปเมื่อสองสามปีก่อนและ เขาสงสัยว่าคุณครูทอมป์สัน จะตกลงมานั่งในที่นั่งสำหรับพ่อเจ้าบ่าวในงานแต่งงานหรือไม่ แน่นอนที่สุด ครูทอมป์สันมา และทายสิว่าเกิดอะไรขึ้น
     คุณครูใส่กำไลข้อมือเส้นนั้น เส้นที่มีลูกปัดหายไปหลายลูก และฉีดน้ำหอมที่เท็ดดี้จำได้ว่าแม่เขาฉีดตอนที่ฉลองเทศกาลคริสต์มาสครั้งสุดท้ายด้วยกัน ครูกับศิษย์กอดกันกลม คุณหมอเท็ดดี้กระซิบในหูคุณครูทอมป์สันว่า " ขอบคุณมากนะครับคุณครูที่เชื่อในตัวผม ขอบคุณครูมาก ที่ทำให้ผมรู้สึกสำคัญและแสดงให้ผมเห็นว่าผมสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้ "
     ครูทอมป์สันกระซิบตอบพร้อมน้ำตานองหน้าว่า " หมอเท็ดดี้ เธอเข้าใจผิดแล้วแหละ เธอต่างหากที่สอนครูว่าครูสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้ ครูไม่รู้จักการสอนที่แท้จริงเลย จนกระทั่งครูได้พบได้รู้จักเธอนั่นแหละ "
     เรื่องเล่าเร้าพลังนี้สอนให้รู้ว่า...ครูสามารถเปลี่ยนชีวิตนักเรียนได้ ด้วยการเปลี่ยนวิถีการสอนของครู

.....................................................................................................................................................................

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

สุดท้าย ผมขอใช้ pantip เป็นสื่อกลางในการกราบขอบพระคุณคุณครูทุกท่านที่ทำให้ลูกศิษย์ได้มีวันนี้ และผมสัญญาว่าผมจะใช้โอกาสที่คุณครูมอบให้สร้างประโยชน์และให้โอกาสกับคนอื่นเหมือนที่ผมเคยได้รับครับ ขอบพระคุณครับ

จากใจลูกศิษย์คนหนึ่ง อมยิ้ม17

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  การศึกษา ทรัพยากรบุคคล จิตอาสา การเรียน โรงเรียน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่