ปีที่แล้ว จอดติดไฟแดง โดนรถเหยียบ บอกห่วงคนเจ็บหาหมอก่อน แต่ขับหนี ปีนี้ ยิ่งกว่า โดนเบียดปาด ไม่ถามสารรูปซ๊ากคำ



จากอุบัติเหตุ ปีที่แล้ว ที่เคยโพตส์ในนี้ กระทู้ เก่า  http://ppantip.com/topic/31613128
มาปีนี้
      เจอแรงกว่า  ทั้งร่างกาย และ จิตใจเลยทีเดียว
มาเล่า ระบายหน่อย เพราะเมื่อคืนก่อน ปวดระบมไปทั้งแผลสด ทั้ง แขน ขา ไหล่ ลำตัว
เหตุเกิดเมื่อ 14 / 1 / 2558 ก็ เมื่อวานช่วงบ่ายๆ ประมาณบ่าย สอง ค่ะ
เราขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ออกมาจากซอยบางขุนนนท์ 29
ตั้งใจจะไปฝากเงินที่ตู้ ธนาคารทหารไทยหน้าซอยบางขุนนนท์
ขับขี่ อยู่เลนซ้ายสุดแบบ ชิว ๆ ก็อากาศมันเย็น ๆ นี่คะ เกียร์สองเอง
ช่วงกำลังจะถึงหน้าบ้าน พล อ.อ. ทวี  จุลละทรัพย์ รถด้านขวาก็เบียดเข้ามากระทันหัน เราเห็นเป๋มาเร็วมาก เรารีบบีบก้านเบรคชลอรถโดยอัตโนมัติ
แต่ยังไงก็ไม่ทันค่ะ เพราะขับแบบ คู่คี่กัน  เบียดกระะแทกกลางด้านข้างเรา เบียดมาอย่างกระทันหัน เหมือนไม่เห็นรถเรา  ชั่วแว๊บนั้น สติตอนนั้นประมวลแบบอัตโนมัติเลยว่า ยังไงก็ล้ม รีบล้มก่อนเพื่อเซฟร่างกาย ดีกว่าให้ความเร็วพารถเราไปบวกข้างหน้าจะเจ็บเยอะกว่า
พอรถล้ม ครูดถนนไปเล็กน้อยประมาณ 2-3 เมตรได้ เพราะเราขี่มาไม่เร็ว และ บีบเบรคช่วย หากขับเร็ว คงกระเด็นไปโดน ฟุตบาท กับ ต้นไม้ คงเจ็บหนักกว่านี้มากๆ

     ซึ่งเราพยายามลุกขึ้นแต่ระยังเครื่องติดอยู่ เรามองหาคนช่วย เห็นฝั่งตรงข้าม มีคนมองมา เราก็เปิดหน้ากากขึ้นพยักหน้าให้เขามาช่วยยกรถให้
ซึ่งพี่ผู้ชายคนนั้น เขามองเราอยู่แล้ว พอเราเรียก เขาก็ข้ามมาช่วยยกรถตั้งให้ทันที พร้อมพูดกับเราว่า
"อยู่ดี ๆ เบียดมาเฉยเลย ไฟเลี้ยวก็ไม่ได้เปิด หลบยังไงไม่ทันหรอกน้อง ไหวไหม"
เราก็ตอบว่า "ค่ะ พี่ ขอบคุณมากค่ะ ไหวค่ะ" พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณไป
พี่เขาเลยข้ามกลับไปมัดเชือกขึ้นรถต่อ (เขาขับรถส่งที่นอนให้ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ กำลังยืนม้วนเชือกเก็บอยู่ค่ะ ตอนที่เกิดนั้น)ลงมาจาก
เรามองหาคู่กรณี ยังไม่ลงมาจากรถเลย เรามองเค้าสักครู่ เค้าก็เลยขยับรถไปจอดข้างหน้า (เป็นที่ ที่เค้าหมายตาจะปาดเข้ามาจอด แต่ไม่มองรถเราด้านข้างเลย)
พอเดินลงมา ก็เอ่ยประโยคเด็ด เลยค่ะ

คู่กรณี  :  "น้อง พี่เปิดไฟเลี้ยวนะ "  (เจอมนุษย์ป้าแล้วไงเราคิดในใจ)
เราก็ตอบไป ว่า   :  "พี่ไม่ได้เปิดค่ะ แล้วพี่เบียด ปาดมาอย่างนี้ ไม่ได้นะคะ หนูก็ขี่ไม่เร็วด้วย ช้ามาก ขนาดเบรคช่วยยังไม่ทันเลย"
                          "ที่แน่ ๆ  หนูอยู่เลนซ้าย แล้วพี่อยู่เลนขวา ปาดมาชนหนูยังไงก็ผิดอยู่แล้วค่ะ"

คู่กรณี มองหน้า แล้วถามเราว่า   :  " แล้วจะเอายังไง "
เรา ตอบ  :  " ก็โทรตามประกันมาสิคะพี่ "
จากนั้น  มนูษย์ป้า (ในความรู้สึกเรา)ก็ไปค้นใบประกัน อยู่พักนึง (หานานมากแอบนึกว่าไม่มีประกันป่าวเนี๊ยะ)  และโทรตามประกัน
พอโทรเสร็จ(ตอนนั้น นั่งโทรอยู่หน้ารถตัวเอง) ก็ตะโกนบอกเรา ซึ่ง เขยกมานั่งตรงขอบฟุตบาทแล้ว  ว่า " โทรตามประกันแล้ว รอหน่อยนึงนะ"
แล้วก็กดโทรศัพย์หา เพื่อน หาญาติ พูดเสียงดังเลยว่า ซวยจริง ๆ เลย  เสียเวลา บลา ๆ ๆ
เราก็ คิด  โห ป้า ไม่ถามเราซักคำ เจ็บไหม หาหมอไหม รถเป็นไง หรอ ขอโทษเราสักหน่อยเพราะตัวเองผิดแท้ ๆ ยังมาบ่นว่าซวยอีก ใครกันแน่ ที่ซวย?

      สักพัก มีรถมอเตอร์ไซค์ขี่มา จอดถามเรา ว่า  "น้อง รถชนกันเหรอ เป็นอะไรมากไหม "
ทีแรกนึกว่า ญาติป้าแก แต่พี่เค้าบอก พี่เป็นอาสานะ บ้านอยู่แถวนี้ แกก็โทรหาเพื่อน ๆ แต่บ่นนิดว่า พี่อยู่แถวศรีวิชัย ตรงนี้ ตลิ่งชันพี่ไม่มีเบอร์
แต่แกก็พยายามโทรหาอยู่สักครึ่งชั่วโมงได้ ว่า รอเดี๋ยว เดี๋ยวให้น้องกู้ภัยมาล้างแผลให้ก่อน
ระหว่างนั้น ยามหน้าป้อมหน้าบ้าน  พล อ.อ. ทวี  จุลละทรัพย์ ก็ออกมาขอขยับรถเราให้พ้นการกีดขวางหน้าทางเข้า - ออก บ้าน

      พี่อาสาถามเราว่า  "แล้วคนที่ชนน้อง คู่กรณีอยู่ไหน"
      เราตอบ  :  " นั่นไงพี่ โทรตามประกัน แล้ว บ่นกับเพื่อนเสร็จก็ นั่งจิ้ม โทรศัพย์ อยู่หน้ารถนั่นไง "
      พี่อาสา  :  "แล้วเค้าไม่มาดูคนเจ็บหน่อยเหรอ มาถามน้องหรือยัง ว่าไปหาหมอก่อนไหม?"
      เราตอบ  :  " ไม่ถามซักคำเลยพี่ แถมบ่นด้วยว่าซวย เสียเวลา "  เราเลยเล่าให้ฟังว่า เหตุเกิดอย่างไรบ้าง
พี่อาสาแกเลยขอตัว ไปถามยามหน้าป้อมเพราะอยู่หน้าเห็นเหตุการณ์ตลอด  ไม่ควรฟังความข้างเดียวจากเรา
สักพักกลับมา พูดกับเรา ซึ่งกำลังนั่งแสบแผล และคอยปัดแมลงมาตอมแผลอยู่

     พี่อาสา  :  " น้องพี่ถามยามแล้ว เล่าตรงกับน้องเลย ไฟเลี้ยวไม่ได้เปิด และ เบียดกระทันหัน ดีนะที่ขับมาไม่เร็ว "
แล้วแกมองหาคู่กรณี " อ้าว คู่กรณีไปไหนแล้วล่ะ"
    เราตอบ  : " ข้ามไปฝั่งโน้นพี่ "  เราชี้นิ้วไปฝั่งตรงข้าม "เค้าบอกว่ารอประกันเดี๋ยว ประกันกำลังมา" แล้วเค้าก็ปิดรถไปฝั่งโน้นเลย สงสัยบ้านอยู่แถวนี้มั้ง
    พี่อาสา  :  "แล้วเค้ามาดูอาการเรายัง ถามไหม"
    เราตอบ  : " ไม่เลยค่ะพี่"
     พี่อาสา  :  "  ทำไมไม่ห่วงคนเลยนะ เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อนรอประกันด้วยละกัน "   พูดเสร็จแก็เดินถ่ายรูรถคู่กรณี รูปรอยบนถนน
แล้วเดินมาบอกเรา ว่า ถ่ายไว้ก่อน เผื่องอแงขึ้นมาจะได้มีหลักฐาน พยาน

      สักพัก น้องอาสากู้ภัย ขี่มอเตอร์ไซค์มา ล้างแผล ปิดพลาสเตอร์ให้ เราชักเท้ากลับเลย เพราะแกเช็ด ถูแผลแรงมาก
แกบอกว่า ต้องเช็ดลึก เอาสิ่งสกปรกออกให้หมด จะได้ไม่มีเชื้อโรคลาม  ระหว่างนั้น มองไปฝั่งตรงข้าม คู่กรณี อยู่ร้านย้อม ซ่อมผ้า คงจะจอดเพื่อมาซ่อมผ้านี่ละมั้ง เห็นที่ว่าง เลยรีบปาดมาจอด (เราคิดในใจ) สักพักก็ข้ามมาเปิดรถนั่งจิ้มโทรศัพย์ต่อ
สุดท้าย ประกันมา เขาเรียกไปคุย และ ประกัน ก็มาบอกว่า จะออกใบเคลมให้ อธิบายว่าต้องไปอู่ในเครือ หากซ่อมเอง ต้องออกเงินไปก่อนแล้วมาเบิกที่สำนักงาน แต่ได้ไม่เต็ม   พี่อาสาแกช่วยถามให้หลายคำถามอยู่ จนสุดท้ายเรื่องรักษาพยาบาล ก็ให้ไปหาและออกเงินไปก่อนมาเบิกทีหลัง ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่ระบม แค่แสบผลมาก ๆ ปวดมือนิด ๆ  เราเลย บอกประกันไปว่า เราคงไม่ไปหรอกแผลไม่มาก ขี้เกียจนั่ง รถติดๆ ไปนั่งรอคิวอีกเป็น ชั่วโมง ๆ เพื่อไปล้างแผลเปลี่ยนผ้าปิดแผล (เข็ดจากคราวก่อน รถติดมาก รอนานมาก)  
    พี่อาสาแกเลยว่า   :   "มันมีค่าใช้จ่ายนะครับ ต้องซื้อยามาใส่แผล ปิดแผล เอารถไปซ่อมอีก น้องเค้าไม่ติดใจอะไร แต่จะมีน้ำใจช่วยตรงนี้ไหมครับ คงไม่เบิก มันยุ่งยาก แต่มันมีค่าใช้จ่ายตรงนี้  น้องเค้าไม่ได้เป็นฝ่ายผิด"
    คู่กรณีตอบว่า  :   ประกันจ่ายค่ะ
    เรา : มันมีค่าใช้จ่ายที่ประกันไม่จ่ายนี่คะ มันเสียเวลา ค่าใช้จ่ายที่ต้องนำรถไปซ่อมอีก
    คู่กรณีตอบว่า  :    พี่ก็เสียเวลาเหมือนกัน  ให้ประกันจ่ายค่ะ
    ประกัน  :   "พี่ครับ ตรงนี้ ฝ่ายเรียกร้องสินไหมเราจ่ายให้ ครับ ค่ารักษา พยาบาล เดี๋ยวผมดอธิบายให้ฟังครับ "  บลา ๆ ๆ
ระหว่างที่กำลังฟังและสอบถาม คู่กรณี ขับรถออกไปเลย เราร้อง "อ้าวเฮ้ย ยังไม่จบ ขับไปได้ไงอ่ะ"
    ประกัน  :  "เค้าให้ประกันจ่ายไงครับ"
    เรา    :   " อ้าว แล้วมันมีค่าใช้จ่ายที่ประกันไม่จ่ายนี่คะ มันเสียเวลา ค่าใช้จ่ายที่ต้องนำรถไปซ่อมอีก"
    ประกัน  : "ถ้าพี่ไม่พอใจที่เค้าไม่ดีกับพี่ หรือพี่ไม่พอใจ พี่ต้องไปแจ้งความเอาเองครับ แต่ ประกันรับผิดชอบซ่อมรถ จ่ายค่ารักษาพยาบาล แต่พี่ต้องออกค่ารักษาไปก่อนแล้วค่อยมาเบิกตามใบเสร็จ "
     เรา   :   "น้องพี่ถามหน่อย รีบขับไปดื้อ ๆ ทิ้งพี่แบบนี้ เค้าประกัน ชั้น 1  หรือชั้นไหน แล้ว เค้ารับผิดแต่แรกไหม คะ พี่สงสัยแล้ว"
     ประกัน  :  "  ประกันชั้น  3 ครับ แล้วเค้าบอกว่าขับมาเลนเดียวกันพี่ครับ ผมเลยบอกถ้าเบนเดียวกันไม่ผิด แต่ ผมมาดูที่ ถนน ผมก็มองออกครับว่ามายังไง "
                      "เลยบอกเขา ว่า มอเตอร์ไซค์เขาอยู่ซ้าย พี่อยู่ขวา ยังไงก็ผิดครับ"  
                      "สุดท้ายเขารับ และ บอกผมว่า เขาเห็นที่ว่างเลยรีบขับเบียดมาจะจอด ไม่ได้มองพี่เลยครับ  แล้วเขาเปิดไฟเลี้ยวตอนชนพี่แล้วครับ"
                      "เขาบอก เขาก็เป็นตัวแทนประกันเหมือนกันครับ เขาไม่จ่าย ผมบังคับลูกค้าไม่ได้ครับ"
พอลูกค้าไป บอกเป็นชุดเลย ซะงั้น
     เรา   :   อ้าว งั้น ใครโดนชนอย่างพี่ ก็ซวยเลยดิ เจอคนอย่างนี้
     ประกัน   :    "ครับพี่ เดี๋ยวพี่ รถพี่ จะเปลี่ยนชิ้นไหนชี้เลยครับ"
     เรา   :   ...................?
ขอจบ ประสบการณ์จริง เจ็บ (ใจ) จริงครั้งนี้  ให้เพื่อน อ่าน กัน

     ที่มาระบาย เพราะเมื่อคืนก่อน นอนระบม ปวดมาก ตอนเย็นยังอโหสิกรรมให้อยู่ แต่พอตกกลางคืน ปวดมาก อดใจไม่ไหว
แข่งชัก หักกระดูก ให้มนุษย์ ป้า โดนชนแล้วไม่มีใครเหลียวแลบ้าง ขอเป็นเจ้ากรรรมนายเวรตามไปละกัน
แต่ .........  อีกอาทิตย์ หายเจ็บ คง อโหสิกรรมเหมือนเดิมค่ะ ตามนิสัยดั้งเดิม ^_*

     สุดท้าย ขอขอบคุณ พี่อ็อดอาสาร่วมฯ กับน้อง หมู อาสากู้ภัยปอ ฯ  มากๆ  ที่ ทำให้ประเทศไทยน่าอยู่ขึ้นมากมาย  เพราะมีคนแบบพี่ ระหว่างถามชื่อและขอถ่ายรูป มาได้รูปเดียว เพราะกันกันถามหาเอกสารรถ อยู่ เลยลืม
แต่ พี่ได้ให้เบอร์ไว้ พร้อมบอกว่า พี่อยู่ แถวนี้ ตรงถนนรถไฟที่ตัดเลียบใกล้ ๆ นกซีฟู้ด พี่เปิดร้าน แดงอาหารป่า จำได้ได้แค่นี้ เดี๋ยวแผลหายดี จะแวะไปอุดหนุนคนดีๆ ของสังคม คนนี้ นะคะ ขอบคุณ จริง ๆ ดูแลเราดีกว่าคนขับรถมาชนซะอีก

   (ไม่รู้ว่า เพราะขับขี่ รถเรียบร้อยหรืออย่างไร บรรดารถเก๋งเลยไม่ค่อยระวังเรา แต่ที่เห็น แว๊น ๆ ปาดไป ปาดมา ระวังกันจัง สังเกตุกันมะ )

      และ หวังว่า คงไม่มีเหตุให้ต้องเจ็บตัว อีก

ฝากถึง คนขับรถยนต์นะ คะ หากมีโอกาสได้อ่าน ขอให้ท่านขับรถด้วยความระมัดระวัง มีสติ เพราะ อุบัติเหตุ อาจนำมาซึ่งความสูญเสียมากกว่าแค่ คู่กรณี
ตัวอย่างเรา เราต้องเลี้ยงแม่อายุ 80   ค่ะ  ลองนึกดู ถ้าเราเป็นอะไรไป แม่เรา คนแก่อายุ 80 จะอยู่ลำพังอย่างไร ?

ปล.แก้ไขคำผิด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่