“วอร์เร็น บัฟเฟตต์” รวยขึ้นอีกเป็นกอง หลังราคาน้ำมันดิ่งเหวต่อเนื่อง

กระทู้คำถาม
เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ข้อมูลล่าสุดชี้ มหาเศรษฐีดังชาวอเมริกันและนักลงทุนชื่อก้องโลก “วอร์เร็น บัฟเฟตต์” รับทรัพย์อื้อ-ได้กำไรมหาศาล หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกล่าสุดดิ่งเหวต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
       
       รายงานข่าวล่าสุดระบุว่า วอร์เร็น เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์ ซีอีโอแห่งบริษัท เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ ในวัย 84 ปี กลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่รับทรัพย์เข้ากระเป๋าจำนวนมหาศาล หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกดิ่งเหวลงสู่ระดับต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ (ราว 1,640 บาท) ต่อบาร์เรลในขณะนี้ เนื่องจาก “หุ้น” หลายตัวที่บัฟเฟตต์เข้าช้อนซื้อเก็บไว้ตั้งแต่ช่วงปี 2008-2009 ต่างเป็นหุ้นของธุรกิจที่ล้วนได้ประโยชน์เมื่อราคาน้ำมันลดต่ำลง
       
       การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับร่วงจากระดับมากกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ลงมาเหลือต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเวลานี้ ส่งผลให้กิจการหลายประเภทที่บัฟเฟตต์ถือหุ้นไว้มีกำไรเพิ่มสูงขึ้นในชั่วข้ามคืน รวมถึงหุ้นของห้างค้าปลีกดัง “วอลล์มาร์ท” และบริษัทประกันภัยชื่อดัง “Geico” ที่มีเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ของบัฟเฟตต์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
       
       รายงานข่าวระบุว่า การที่ราคาน้ำมันลดต่ำลงส่งผลให้ผู้บริโภค “เหลือเงินในกระเป๋ามากขึ้น” และมีขีดความสามารถในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคได้เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ยอดขายของห้างค้าปลีกดังอย่างวอลมาร์ทที่บัฟเฟตต์ถือหุ้นอยู่เพิ่มสูงแบบก้าวกระโดด
       
       นอกจากนั้น การที่ราคาน้ำมันถูกลงได้กลายเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนหันกลับไปใช้รถส่วนตัวกันมากขึ้น และเมื่อมีผู้ใช้รถเพิ่มขึ้นก็ย่อมมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว และแน่นอนว่าวอร์เร็น บัฟเฟตต์เป็นผู้ได้ประโยชน์แบบเต็มเต็ม จากการที่เขาถือครองหุ้นของบริษัทประกันภัยรถยนต์ “Geico” ซึ่งเป็นบริษัทที่มียอดผู้เอาประกันสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในสหรัฐฯ
       
       ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานว่า ราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงแบบต่อเนื่องยังส่งผลดีต่อธุรกิจอื่นๆ ที่บัฟเฟตต์ถือหุ้นอยู่ ทั้งธุรกิจของ “NetJets” ที่เป็นผู้ให้บริการจัดหา-ให้เช่าเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวแก่บรรดาเศรษฐีกระเป๋าหนักทั่วโลก เนื่องจาก “ต้นทุนด้านเชื้อเพลิง” ที่เคยเป็นปัญหาใหญ่ของบริษัทได้อันตรธานหายวับไปในพริบตา
       
       ขณะเดียวกัน บริษัทผู้ให้บริการด้านการขนส่งในเครือของบัฟเฟตต์อย่างบริษัทรถบรรทุก “แม็กแลน” ถูกระบุว่าเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดต่ำลงเช่นกัน
       
       อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากบลูมเบิร์กระบุว่า ยังไม่อาจสรุปเป็นตัวเลขที่แน่ชัดได้ว่า วอร์เร็น บัฟเฟตต์มีกำไรสุทธิจากธุรกิจในเครือที่ได้ประโยชน์จากการลดต่ำลงของราคาน้ำมันเป็นจำนวนมากน้อยเพียงใด เนื่องจากข้อมูลหลายส่วนถูกปิดเป็นความลับและอาศัยเพียงการคาดการณ์ของบรรดาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดการเงินและพลังงานในสหรัฐฯ เท่านั้น
       
       ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดจากนิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐฯ ระบุว่า บัฟเฟตต์มีทรัพย์สินในครอบครองล่าสุดอยู่ที่ 73,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 2.42 ล้านล้านบาท

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่