ท้องกับเพื่อนชาวต่างชาติ

สมัครเพื่อมาถามเพื่อนๆโดยเฉพาะเลย ติดตามพันทิปมาสักพักแล้ว เห็นเพื่อนๆช่วยกันให้ความเห็นกันเยอะมาก เราก็อยากได้ความคิดเห็นจากเพื่อนๆนี่แหละค่ะ เพราะชีวิตจริง เราเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อนไม่รู้จะปรึกษาใคร ถ้าแท็กผิดขออภัยนะคะ
            เริ่มเลยนะคะ เราทำงานในย่านนักท่องเที่ยว ปกติเราเป็นคนไม่คบใครง่ายๆนะคะ ไม่ว่าไทยหรือเทศ แต่กับ 2 คนนี้ ไม่รู้ไปไงมาไง มาคบกันเป็นเพื่อน ทั้งคู่เป็นหนุ่มดูไบค่ะ เขาเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน พอมารู้จักเรา ก็กลายเป็นว่าเราก็สนิทไปด้วย คนแรกชื่อA (ขอใช้อักษรย่อนะคะ) มีเพื่อนชื่อ M ทั้งสองเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก่อนแล้ว A มาผ่าตัดที่ไทย ก็เลยต้องพักฟื้นนานหลายเดือน ก็เลยลาก M มาด้วย ก่อนที่ A จะผ่าตัดเรามักจะไปไหนมาไหน ด้วยกัน 3 คนเสมอ พอหลังจากที่ A ผ่าตัดและพักฟื้นที่รพ. เราก็ไปมาหาสู่ไปเยี่ยมอยู่ตลอด ตอนนี้แหละที่เรากับ M สนิทกันมากขึ้น ก็มีไปไหนมาไหนกัน 2คนมากขึ้น แต่ก็อยู่ในกรอบคำว่าเป็นเพื่อนตลอดค่ะ แค่กินข้าว และไปเที่ยว เสร็จแล้วก็ต่างคนต่างกลับบ้าน จะมีบางครั้งไม่รู้จะไปที่ไหน เราก็จะไปนั่งคุยกันที่ห้องของเขา 2 ต่อ 2 แต่นั่งคุยกันจริงๆนะ แถมนั่งห่างกัน คนละมุมห้องเลยค่ะ พูดไปใครจะเชื่อ ว่านี่เป็นหนุ่มดูไบ!! หนุ่มจริงๆนะ เพิ่งจะ 30+ แต่เขาทั้ง 2 คน เป็นผู้ชายมุสลิม ที่ถือว่าค่อนข้างเคร่งครัดในศาสนามาก แทบจะทุกเรื่อง ขณะที่ความสัมพันธ์ของเรากับ M ก็ยิ่งพัฒนาเราคุยกันมากขึ้นทั้งในไลน์และหลังเลิกงาน เราก็เจอกันทุกวันตอนที่ไปเยี่ยม A หลังจากนั้นก็เรียกว่าเป็นกิจวัตรประจำวันของเราทั้งคู่เลยก็ว่าได้ เราจะคุยกันตลอด ยกเว้นตอนที่เขาจะต้องสไกป์หาทางบ้าน ใช่คะเขามีแต่งงานแล้ว มีลูก4 เมีย 1 แต่ด้วยความเป็นเพื่อนๆ เราทั้ง 2 ก็ยึดถือคำนี้อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด แต่มีอยู่วันนึง ไม่รู้ว่าบรรยากาศมันพาไปหรือไร..... พอเช้าเรา 2 คน ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ไม่มีใครพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราโกรธนะ โกรธตัวเองที่ไม่คิดเลย ว่าจะเป็นแบบนี้ จนวันต่อมาเราก็บอกเขาว่า เราไม่อยากจะเห็นหน้าเขาอีกแล้ว เขาก็รับปากว่าจะไม่มาให้เห็นและจะไม่มีติดต่อเราอีก แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ ก็เราอยู่ใกล้กันแค่นี้ แล้ว A ล่ะ เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย เรายังมี A ที่เป็นตัวกลาง พอA เริ่มจะเดินได้แต่ต้องมีไม้เท้าและต้องมี M คอยช่วยพยุง เขาก็มาชวนเราไปกินข้าวทุกวัน มาชวนเราคุยทุกวัน เราก็เริ่มปฏิเสธ A บ้าง แต่เห็นแล้วสงสารเขา และ M ก็คงเข้าใจ เขามาส่ง A ให้เราเสร็จแล้วเขาก็ไป ไม่ทักทายกันสักคำ แต่ทำไมเรารู้สึกเจ็บแฮะ ทั้งที่เราเป็นคนไล่เขาไปเองแท้ๆ A เริ่มรู้ว่า เรากับ M ต้องมีปัญหาอะไรกันแน่ๆ แต่เขาไม่เคยถามเราตรงๆ เพราะถ้าเขาถามเราก็จะปฏิเสธตลอด มันจะไม่มีอะไรได้ยังไงล่ะ ก็คนเคยเจอกันอยู่ทุกวัน จนใกล้ถึงวันที่ M จะต้องเดินทางกลับ เราใจหายมาก ใจแป้วไปเลย แต่ก็คิดอยู่ตลอดเวลา ว่าแค่เพื่อนนะ วันสุดท้ายเรายอมพูดคุยกับ M ค่ะ เราคิดว่านี่คงเป็นโอกาสสุดท้าย เราไม่อยากจากกันด้วยความรู้สึกที่ไม่ดี ไม่มีการพูดถึงเรื่องอะไรทั้งสิ้น แต่เราคุยกันเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เราไปส่งเขาที่สนามบิน แต่เราไม่ได้คุยอะไรกันเลย นอกจากคำว่า ลาก่อน และโชคดี และอิฉันก็ขอกอดลาเขา แอบหน้าด้านเนอะ กอดเสร็จ เขาก็ไปเลยTT เรายืนตาแดงกร่ำ เสียงข้อความก็เด้งถี่ๆ เราถึงรู้สึกตัว เขาส่งข้อความมาบอกลา ก่อนที่จะขึ้นเครื่อง พอกลับมาเราก็มาคอยดูแล A ค่ะ เพราะเขายังเดินไม่ค่อยคล่องต้องใช้ไม้เท้าพยุงตลอด เราคอยดู ซื้อของไปให้ พาไปกินข้าว กิจวัตรประจำวันเราก็แทบจะเหมือนเดิม แค่ไม่มี M อยู่ตรงนี้ กับ A เราจะเจอกันบ้าง กินข้าวด้วยกันบ้าง เจอกันเกือบทุกวัน แต่ไม่เคยโทรคุยกันและส่งข้อความหากัน  เรายังคงโทรคุยและส่งข้อความหา M ตลอด ช่วงเวลานั้นเป็นเวลาที่ดีมาก ยิ่งห่างกันยิ่งคิดถึงกัน จนมาวันนึง M หายไปเราติดต่ออะไรไม่ได้เลย ทุกช่องทาง เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เราก็ถามข่าวของเขาจาก A เขาบอกว่า M มีปัญหากับครอบครัว และไม่ได้บอกอะไรอีก เขาบอกว่าถ้าอยากติดต่อกับเขาให้ติดต่อผ่าน A เท่านั้น เรากับ A ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม จนมาวันนึงเรารู้ตัวว่าเราท้อง เราไม่รู้จะทำอย่างไรที่จะติดต่อกับ M เราก็ต้องติดต่อผ่าน A เขาช่วยให้เราได้ติดต่อกับ M แต่ M ก็เงียบ แถมต่อมา A ก็ตีตัวออกห่างเรา บอกว่าถ้าเราจะติดต่อกับ M เขาจะไม่เจอมาเราอีก เขาไม่อยากรับรู้เรื่องที่เป็นปัญหาของเรากับ M มันผิดหลักศาสนาของเขาเรียกว่า มันผิด ฮารอม อะไรนี่แหละ เขาถือว่ามันร้ายแรง และเขาก็ไม่มาจริงๆ เจอกันก็แทบจะไม่ทัก กลายเป็นว่าเราต้องเสียเพื่อนดีๆ ไปอีกคน
              ตอนนั้น เราคิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ จนใกล้ถึงวันที่ A จะต้องเกินทางกลับประเทศก่อนกำหนด เรากับ A ก็กลับมาคุยกันอีกครั้ง ไปกินข้าว และพาเขาไปซื้อของฝาก ก่อนจากเขาบอกว่า"ขอบคุณเราสำหรับทุกอย่างที่เราคอยช่วยเหลือเขา เราเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับเขา" พอเขาไปทุกอย่างของเรายิ่งโหวงเหวง...จนวันหนึ่ง M ก็โทรมาหาเรา เป็นครั้งแรกที่เขาติดต่อกลับมา เรานี่คุยไปร้องไห้ไปเลย เขาถามว่าเราจะเอายังไง ต้องการลูกไหม เราก็บอกว่าลูกใครจะไม่ต้องการล่ะ สงสัยไปเห็นผู้หญิงใจแตกมา ตอนแรกเขาคุยดีมาก ถามว่าเราต้องการให้เขาทำอย่างไร ต้องไปพบพ่อแม่ของเราไหม เราก็บอกว่าไม่เป็นไร และเขาก็บอกว่าจะติดต่อกลับมา แล้วเขาก็หายไปอีก คราวนี้เราก็ติดต่อกลับเขาทางเบอร์ที่เขาโทรกลับมา เราส่งข้อความไปหลายข้อความ เขาบอกว่าเขามีปัญหากับครอบครัวของเขา บอกประมาณว่ามันผิดหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งเราก็ไม่ค่อยเข้าใจ ก็เลยไปหาอ่านในกูเกิ้ล ซึ่งมันก็จริง!! ยิ่งไปอ่านก็ยิ่งไม่สบายใจ เราก็เลยประชดเขาไปและบอกว่าไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรเราและไม่ต้องมายุ่งกับเราอีก ได้ผลแฮะ เขาหายไปอีกแล้ว เขาส่งข้อความกลับมาว่า เราคงคุยกันไม่เข้าใจ เขาจะหาคนที่พูดภาษาไทยได้ มาพูดกับเรา ก็ผ่านไปอีกครึ่งเดือน ก็มีสายแปลกเข้ามา บอกว่า โทรมาจากแฟนของคุณ อิฉัน งง มากค่ะ แฟนใคร?
เพราะอิฉันโสด พอพูดว่า เขาเป็นคนดูไบ เรานี่หูผึ่งขึ้นมาทันที เขาบอกว่า M ขอให้เขา มาคุยกับเราว่าเราจะเอาอย่างไร เขาบอกว่าตอนนี้ M มีปัญหาใหญ่กับครอบครัว พูดประมาณว่าเขาอยากจะช่วยเหลือเป็นเงินสักก้อนหนึ่งไว้ใช้ให้เราใช้ดูแลตัวเองกับลูก เขาเสนอมาเป็นเงินจำนวนหลักแสน เขาบอกว่าในฐานะที่พี่เป็นคนไทยเหมือนเรา อยากจะให้เรารับเงินก้อนนี้ไว้ก่อน แล้วถ้าข้างหน้ามีอะไรเพิ่มเติมให้ติดต่อเขากับไป ตอนนั้นเราก็ได้แต่นิ่งเงียบและร้องไห้ ยังไม่ได้ให้คำตอบอะไรกับเขา ในใจยังแอบรอหวังที่จะได้คุยกับ M แต่ก็คงได้แต่หวัง เพราะเรารู้นิสัยของ M ดี เพื่อนๆคิดว่าเราควรจะรับเงินก้อนนี้ดีไหม หรือเราควรจะรอคุยกับ M ก่อน เราได้คุยกับ M แค่ที่ได้เล่าไป จริงๆถือว่าน้อยมาก ยิ่งคุย ยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งคุยก็เหมือนว่ายิ่งทะเลาะ M ภาษาอังกฤษยังไม่แข็งแรงเทาที่ควร พูดคุยสื่อสารทั่วไปได้ แต่ลงลึก ยังไม่ค่อยเข้าใจ เพื่อนเรามันบอกว่า "เป็นดูไบเรียกให้มันเยอะๆไปเลย ไหนๆก็จะไม่ติดต่อกันแล้ว หยิ่งไปแล้วได้อะไร เขาไม่เห็นแกเหมือนผู้หญิงตามเสาไฟ นั้นก็ดีแค่ไหนแล้ว เสียไปแค่ทีเดียว ดันได้แจ็คพ็อตแถมมาอีก ต้องเอาให้คุ้ม" เรา เอ่ออ พูดไม่ออก ตอนนี้ทำตัวยิ่งกว่านางเอกสวรรค์เบี่ยง ที่รอพระเอกมาตามหา และก็รอตอนจบที่แสนหวาน ซึ่งมันก็คงไม่มีทางเป็นไปได้ นี่เพื่อนคนไทยเขาก็เร่งให้ส่งเลขบัญชีไปให้ หรือจะให้ส่งเป็นเวสเทิร์นยูเนี่ยน เราก็ไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับรับเงินจากต่างประเทศเลยด้วย เราจะต้องทำอย่างไรบ้างคะ รบกวน เพื่อนๆช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยค่ะ >,<'
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่