ทริปครั้งนี้เป็นการเที่ยวในระยะเวลาอันสั้น ระหว่างวันที่ 16 - 17 ธันวาคม 2557
ผมเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ หลังเรียนหนัก สอบเสร็จในเทอมแรกผ่านไป
เลยหาโอกาศไปเที่ยวพั่กผ่อน ก่อนปิดเทอมกลับบ้าน ซึ่งทริปครั้งนี้ผมได้วางแผนไว้ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน
ปรึกษากับแฟนว่าปิดเทอมจะไปเที่ยวใหนดีเลยได้ข้อสรุปว่า ไปเที่ยวเลย
แต่เนื่องด้วยผมกับแฟนก้เป็นนักศึกษาทั้งคู่ งานก้ยังไม่มีทำ เลยเกิดปัญหาอันดับแรกคือเงิน
จึงแก้ปัญหาโดย เก็บเงินสัปดาห์ละ 500 บาท ในเวลาเดือนครึ่ง (ตอนไปเรียนนิกินแกบเลยครับ) และเราก้ผ่านปัญหาเหล่านั้นไปได้
.
.
.
.
.
.
.
.
ทีนี้มาดูกันเลยว่าการเดินทางของเราจะเป็นยังใง ท่าพร้อมแล้วก็ไปชมกันเลยครับ
.
.
.
.
.
.
.
.
เริ่มจากจุดหมายแรกคืออุทยานแห่งชาติภูเรือ ระยะทางก็ราวๆ 350 ก.ม.
งบในการเดินทางครั้งนี้
09:00 น. ออกเดินทางกันเลย
เส้นทางตั้งแต่ อ.วังสะพุง อ.ภูเรือ เส้นทางสะดวก รถไม่ค่อยเยอะ ลายล้อมรอบ ด้วยธรรมชาติ
ผมนี้เปิดกะจกรับลมเลยครับ
ถึง อ.ภูเรือ ก็ประมาณ บ่ายสาม แวะปตท.สักหน่อย
ทีนี้มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติภูเรือ
ถึงที่ทำการอุทยาน
เดินทางต่อ โปรดใช้เกียร์ต่ำ!!
เส้นทางวกไปวนมา ต้องระมัดระวัง !!
ถึงยอดแล้ว
มุ่งหน้าหาที่พั่กคือภูสน ห่างจากยอดภูเรือประมาณ 1 ก.ม.
ถึงที่พั่กแล้วครับ ภูสน
จ่ายค่ากางเต้นก็คนละ 30 บาท ท่าไม่ได้เอาเต้นมาด้วย รวมๆทุกอย่างแล้วก็ประมาณ 500 บาท
ชอบที่ไหนในบริเวณกางเต้นได้เลยครับ
เรียบร้อยถ่ายรูปซะหน่อย อิอิ (ยกครัวเลยครับ)
บรรกาศ
ลมแรง มีหมอก อดเห็นดวงอาทิตย์ตกเลย
ห้องน้ำ
ร้านค้า
เอาละทีนี้ขอชิวๆสักเพลงเถอะ
.
.
.
.
การเดินทางสำหรับค่ำคืนนี้ก้จบลง พรุ่งนี้เช้ารอดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดภูเรือ
เวลาประมาณ สามทุ่มเจ้าหน้าก็ได้ทำการปิดเครื่องปั้นไฟ
จากการที่ขับรถมาทั้งกะว่าจะนอนให้เต็มอิ่ม
แต่ในค่ำคืนนั้นเรื่องมันมีอยู่ว่า ในระหว่างการพั่กผ่อนนั้น ก็มีเรื่องปวดหัวขึ้นมา เมื่อมีวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่งที่พึ่งเดินทางมาถึง แล้วมากางเต้นบริเวณไกล้กัน พอกางเต้นเสดเท่านั้นละครับ พากันกินเหล้าเสียงดังมาก กินไปได้ประมาณเที่ยงคืน ทันได้นั้นผมก็ได้ยินเสียง เหมือนว่าเจ้าหน้าที่จะมาเตือน เดินตรงมาที่กลุ่มวัยรุ่นนั้น (โอ้โดนแน่นอนพวกคุณ) แต่มันตรงข้ามกับสิ่งที่คิดครับ มีวัยรุ่นอีกกลุ่มเหล้าหมดมาขอซื้อเหล้า เงิบ!!!แป๊ป 555 เรื่องก็มีเท่านี้ละครับ
.
.
พอเช้าวันต่อมาเวลาหกโมงเช้าก็ได้เวลาเดินทางสู่ยอดภูเรือ
ขึ้นรถโดยสารที่อุทยานจัดให้ ไปกลับ 20 บาท (จ่ายตอนกลับ)
แสงแรก
ยอดภูเรือ
ลมแรงมาก
รู้สึกได้
อุณภูมิ 8 องศา
ผาโหล่นน้อย
ขากลับเเวะชมส่วนดอกไม้
วัดป่าห้วยลาด อ.ภูเรือ
เดินทางต่อจุดหมายที่2 คือ อ.เชียงคาน
.
.
.
.
.
.
ปั๊ม ปตท. เชียงคาน ย้อนยุคมาก
ถึงแล้วแวะแก่งก่อนเลย
เลาะหาที่พั่ก
จักยานเช่า 50 บาท
เลาะริมโขง
หมอแคน
น้ำใจ
โรงหนังเก่า
เปิดหมวก
เดินจนขาลาก
ยามเช้าใส่บาตรกัน
อากาศในวันนั้นไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่แถมมีลมด้วย เลยอดไปดูทะเลหมอกที่ภูทอก
เช็คอินออกที่ได้เวลาเดินทางกลับ
.
.
.
ขากลับก็แวะซะเลย
คืนรังเขตลดปล่อย
ทุ่งทานตะวัน
ให้อาหารแกะ
เขตปลดปล่อย
หลังจากนั้นก็เดินทางกลับ
.
.
.
.
แวะเติมความหวานที่เซนทรัลอุดร ^_^
การเดินทางครั้งนี้เติมเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย ระหว่างทาง
และนี้เป็นการเดินทางครั้งแรกของผมกับแฟน
มีทั้งความสุข ความทุกข์ และปัญหาหลายๆ อย่างตามไปด้วย
แต่เราใช้ความรัก ความเข้าใจ แก้ปัญหานั้นให้ผ่านไป
ทริปครั้งนี้ภาพรวมแล้วก็โอเคนะ ได้รู้อะไรหลายๆ อย่างเยอะเลย
ถึงจะเป็นระยะเวลาอันสั้นก็ตาม การเป็นอยู่ วัฒนธรรม แต่ละท้องที่
การมีน้ำใจ แบ่งปัน และร้อยยิ้ม ทำให้เรารู้ว่ามิตรภาพมีอยู่ทุกที่
สิ่งเหล่านี้ถือว่ามันคุ้มค่ามากกับการเดินทาง
.
.
.
.
.
.
.
.
โอกาศหน้าคงได้เจอกันใหม่ ขอบคุณครับ
เที่ยว ภูเรือ-เชียงคาน
ผมเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ หลังเรียนหนัก สอบเสร็จในเทอมแรกผ่านไป
เลยหาโอกาศไปเที่ยวพั่กผ่อน ก่อนปิดเทอมกลับบ้าน ซึ่งทริปครั้งนี้ผมได้วางแผนไว้ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน
ปรึกษากับแฟนว่าปิดเทอมจะไปเที่ยวใหนดีเลยได้ข้อสรุปว่า ไปเที่ยวเลย
แต่เนื่องด้วยผมกับแฟนก้เป็นนักศึกษาทั้งคู่ งานก้ยังไม่มีทำ เลยเกิดปัญหาอันดับแรกคือเงิน
จึงแก้ปัญหาโดย เก็บเงินสัปดาห์ละ 500 บาท ในเวลาเดือนครึ่ง (ตอนไปเรียนนิกินแกบเลยครับ) และเราก้ผ่านปัญหาเหล่านั้นไปได้
.
.
.
.
.
.
.
.
ทีนี้มาดูกันเลยว่าการเดินทางของเราจะเป็นยังใง ท่าพร้อมแล้วก็ไปชมกันเลยครับ
.
.
.
.
.
.
.
.
เริ่มจากจุดหมายแรกคืออุทยานแห่งชาติภูเรือ ระยะทางก็ราวๆ 350 ก.ม.
งบในการเดินทางครั้งนี้
09:00 น. ออกเดินทางกันเลย
เส้นทางตั้งแต่ อ.วังสะพุง อ.ภูเรือ เส้นทางสะดวก รถไม่ค่อยเยอะ ลายล้อมรอบ ด้วยธรรมชาติ
ผมนี้เปิดกะจกรับลมเลยครับ
ถึง อ.ภูเรือ ก็ประมาณ บ่ายสาม แวะปตท.สักหน่อย
ทีนี้มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติภูเรือ
ถึงที่ทำการอุทยาน
เดินทางต่อ โปรดใช้เกียร์ต่ำ!!
เส้นทางวกไปวนมา ต้องระมัดระวัง !!
ถึงยอดแล้ว
มุ่งหน้าหาที่พั่กคือภูสน ห่างจากยอดภูเรือประมาณ 1 ก.ม.
ถึงที่พั่กแล้วครับ ภูสน
จ่ายค่ากางเต้นก็คนละ 30 บาท ท่าไม่ได้เอาเต้นมาด้วย รวมๆทุกอย่างแล้วก็ประมาณ 500 บาท
ชอบที่ไหนในบริเวณกางเต้นได้เลยครับ
เรียบร้อยถ่ายรูปซะหน่อย อิอิ (ยกครัวเลยครับ)
บรรกาศ
ลมแรง มีหมอก อดเห็นดวงอาทิตย์ตกเลย
ห้องน้ำ
ร้านค้า
เอาละทีนี้ขอชิวๆสักเพลงเถอะ
.
.
.
.
การเดินทางสำหรับค่ำคืนนี้ก้จบลง พรุ่งนี้เช้ารอดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดภูเรือ
เวลาประมาณ สามทุ่มเจ้าหน้าก็ได้ทำการปิดเครื่องปั้นไฟ
จากการที่ขับรถมาทั้งกะว่าจะนอนให้เต็มอิ่ม
แต่ในค่ำคืนนั้นเรื่องมันมีอยู่ว่า ในระหว่างการพั่กผ่อนนั้น ก็มีเรื่องปวดหัวขึ้นมา เมื่อมีวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่งที่พึ่งเดินทางมาถึง แล้วมากางเต้นบริเวณไกล้กัน พอกางเต้นเสดเท่านั้นละครับ พากันกินเหล้าเสียงดังมาก กินไปได้ประมาณเที่ยงคืน ทันได้นั้นผมก็ได้ยินเสียง เหมือนว่าเจ้าหน้าที่จะมาเตือน เดินตรงมาที่กลุ่มวัยรุ่นนั้น (โอ้โดนแน่นอนพวกคุณ) แต่มันตรงข้ามกับสิ่งที่คิดครับ มีวัยรุ่นอีกกลุ่มเหล้าหมดมาขอซื้อเหล้า เงิบ!!!แป๊ป 555 เรื่องก็มีเท่านี้ละครับ
.
.
พอเช้าวันต่อมาเวลาหกโมงเช้าก็ได้เวลาเดินทางสู่ยอดภูเรือ
ขึ้นรถโดยสารที่อุทยานจัดให้ ไปกลับ 20 บาท (จ่ายตอนกลับ)
แสงแรก
ยอดภูเรือ
ลมแรงมาก
รู้สึกได้
อุณภูมิ 8 องศา
ผาโหล่นน้อย
ขากลับเเวะชมส่วนดอกไม้
วัดป่าห้วยลาด อ.ภูเรือ
เดินทางต่อจุดหมายที่2 คือ อ.เชียงคาน
.
.
.
.
.
.
ปั๊ม ปตท. เชียงคาน ย้อนยุคมาก
ถึงแล้วแวะแก่งก่อนเลย
เลาะหาที่พั่ก
จักยานเช่า 50 บาท
เลาะริมโขง
หมอแคน
น้ำใจ
โรงหนังเก่า
เปิดหมวก
เดินจนขาลาก
ยามเช้าใส่บาตรกัน
อากาศในวันนั้นไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่แถมมีลมด้วย เลยอดไปดูทะเลหมอกที่ภูทอก
เช็คอินออกที่ได้เวลาเดินทางกลับ
.
.
.
ขากลับก็แวะซะเลย
คืนรังเขตลดปล่อย
ทุ่งทานตะวัน
ให้อาหารแกะ
เขตปลดปล่อย
หลังจากนั้นก็เดินทางกลับ
.
.
.
.
แวะเติมความหวานที่เซนทรัลอุดร ^_^
การเดินทางครั้งนี้เติมเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย ระหว่างทาง
และนี้เป็นการเดินทางครั้งแรกของผมกับแฟน
มีทั้งความสุข ความทุกข์ และปัญหาหลายๆ อย่างตามไปด้วย
แต่เราใช้ความรัก ความเข้าใจ แก้ปัญหานั้นให้ผ่านไป
ทริปครั้งนี้ภาพรวมแล้วก็โอเคนะ ได้รู้อะไรหลายๆ อย่างเยอะเลย
ถึงจะเป็นระยะเวลาอันสั้นก็ตาม การเป็นอยู่ วัฒนธรรม แต่ละท้องที่
การมีน้ำใจ แบ่งปัน และร้อยยิ้ม ทำให้เรารู้ว่ามิตรภาพมีอยู่ทุกที่
สิ่งเหล่านี้ถือว่ามันคุ้มค่ามากกับการเดินทาง
.
.
.
.
.
.
.
.
โอกาศหน้าคงได้เจอกันใหม่ ขอบคุณครับ