>>>ต้องขอเกริ่นก่อนว่าทริปที่ไปไหว้พระธาตุอินแขวนนี้ ผ่านไปแล้วประมาณปีเศษ ๆ เนื่องจากคอมที่ใช้อยู่พลีชีพตนเองกว่าจะกู้ข้อมูลได้ก็ยากลำบาก เข้าเรื่องกันเลยก็แล้วกันนนน<<<
เนื่องจากว่าได้มีโอกาสไปทำงานอยู่ที่พม่า เราจึงหาช่องทางหนีงานแล้วไปเที่ยวพระธาตุอินแขวนมา เพราะคือสิ่งที่ห้ามพลาดเวลามาพม่า ฮ่า ๆ เจ้านายตามเกมส์เราไม่ทันหรอก ทริปนี้เราเลือกที่จะไปในช่วงวันพระใหญ่ก็คือวันอาสาฬหบูชานั้นเอง การเดินทางของเรื่องโชคดีตรงที่ว่าเราฮั้วกับคนขับรถตู้ที่บริษัทเราเช่าใช้งานอยู่แล้วพาเราไปเที่ยวเลยสะดวกกว่านั่งรถทัวร์ที่พม่ามาก เพราะรถทัวร์ที่นั้นประมาณ ป.2 ของบ้านเรา ไม่น่าพิศสมัยสักเท่าไหร่
เทคทีมกับรูมเมทเราจะหนีไปไหว้พระกัน
ระหว่างทาง : ถ้าเปรียบเทียบกับบ้านเราก็ประมาณสองแถว แค่คนขับรถอารมณ์ประมาณรถเมล์สาย 8 บ้านเรา
ระหว่างทาง : ตอนนี้ก็ออกนอกเมืองย่างกุ้งมาไกลมากในภาพน่าจะเลยเมืองบาโก และอื่น ๆ มาแล้ว ถนนที่เห็นนี้คือไฮเวย์ทางที่เราจะไปไหว้พระธาตุอินแขวนกัน (จริง ๆ คือหลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงได้ ไกลมากก)
ระหว่างทาง : ที่พม่ามีการปลูกข้าวเยอะมากและข้าวสารพม่าเม็ดจะเหมือนข้าวญี่ปุ่นแต่พอหุงแล้วตัวข้าวจะยืดออกมาเหมือนข้าวบ้านเรา (คุณหลอกดาวมากก >,,,,,<)
ระหว่างทาง : ที่นี้มีการปลูกยางพาราด้วยนะตอนที่ไปคือแบบโค่นต้นไม้ที่ภูเขาเป็นลูก ๆ กันเลยทีเดียวละปลูกต้นยางพาราแทน
โอเคตัดตอนสาเหตุเดียวเนื่องจากหลับนั้นแหละไม่มีอะไรมาก แฮะ ๆ ตอนนี้ก็ถึงปากทางที่เราจะขึ้นไปพระธาตุอินแขวนกัน การขึ้นไปไหว้ฯ นั้นไม่สามารถนำรถส่วนตัวขึ้นไปได้เพราะมีการสัมปทานไว้ เราจึงต้องจำยอมที่จะทิ้งความสะดวกสบายทั้งปวงไว้กับรถตู้และเอาแต่สิ่งของที่จำเป็นเท่านั้นขึ้นไป
และพาหนะที่จะพาเราขึ้นไปไหว้พระธาตุอินแขวนนั้นก็คือออ ท๊ะดาา า รถหกล้อ แถวหนึ่งนั่ง 7 คน มี 7 แถว อารมณ์แบบรถไฟเหาะเบา ๆ (คิดในใจเอาวะไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วเราก็ต้องยอมวะะ)
ระหว่างทางขึ้น : หลังจากผ่านทางเข้าหลัก(เข้าออกได้ทางเดียวนะจ๊ะ) เราก็จะได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าช่วงนี้ คือแบบต้นไม้ใหญ่เยอะมาก แดดแรงแต่ไม่ร้อน
ระหว่างทางขึ้น : หลังจากผ่านด่านเข้ามาสักพักก็จะมีจุดหยุดรถคนขับรถก็จะมาเก็บเงินตกต่อคนอยู่ระหว่าง 2000-2500 ks. ( 1 usd. = 900 ks. โดยประมาณ) ระหว่างนี้ก็จะมีวัดตามรายทางมาขอเรี่ยไรเงิน อารมณ์บ้านเราแบบประมาณป้า ๆ ที่เดินขอเรี่ยไรทำบุญผ้าป่าประมาณนั้น
ภาพตัดเยอะมากหลังจากเรานั่งรถไฟเหาะเหินเดินอากาศขึ้นมาถึงที่แล้ว (คนขับรถโหดมากอารมณ์สาย 8 เต็ม ๆ จริง ๆ) ตามปกติจะมีเสลี่ยงให้นักท่องเที่ยวนั่งโดยเราต้องเสียเงินให้ลูกหาบที่แบกเราไปถึงใจกลางนั้นแต่เราไม่!! และตรงนี้คือเราผ่านทางเข้าที่จะไปพระธาตุอินแขวนมาแล้ว (เสียค่ากล้องด้วยนะ) ชาวต่างชาติแบบเรา ๆ ก็จะต้องเสียเงินค่าเข้า จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่น่าจะประมาณ 2000-5000 ks. เราซึ่งตีเนียนเป็นคนพม่าก็ไม่เสียค่าผ่านด่าน ฮ่า ๆ เดินปะปนเข้ามาและข้างซ้ายของภาพนั้นคือโรงแรมไจ้โถ่วที่เลื่องลือ
เยื้อง ๆ กับไจ่โถ่วพอสมควร นั้นก็คือเมาเท่น ท๊อป (จำพิกัดว่าอยู่ช่วงไหนไม่ได้แล้วต้องขออภัย)
หลังจากเดินมาสักพักไม่นานมาก เจอประตูวัดแบ้วว
น้องชายคนขับรถตู้ น่ารักมากก
ระหว่างทางเดินขึ้นไปนั้น : เราก็จะเห็นได้ว่าเราอยู่บนสันเขา
ระหว่างทางเดินขึ้นไปนั้น : ซ้ายมือของเราก็คือโรงแรมโย โย เล อันเลื่องชื่อที่นี้เหมือนกันมีหลายสาขามาก และหลังหนุ่มเสื้อลายขาวนี้ก็คือคนขับรถตู้+ไกด์ของเรา
ระหว่างทางเดินขึ้นไปนั้น : รูปแกะสลักนายพราน ทำจากไม้ท่อนเดียวนะ ถามไกด์กิติมศักดิ์ว่าคือใครอะก็ได้คำตอบว่า I don't know ...........
นี้คือจุดชมวิวเห็นอะไรข้างหลังครอบครัวนี้มั้ยย กรี๊ดด ด เราจะได้เห็นของจริงแล้วใช่มั้ย รูปที่เห็นนี้คือระหว่างทางจะมีเหมือนประตูวัดอีกชั้นหนึ่งตรงนั้นจะมีรูปปั้นผู้ชายนอนราบอยู่กับพื้นเชื่อกันว่าเจ็บปวดตรงไหนก็เอามือไปลูบ ๆ คลำ ๆ บีบนวดแล้วเราก็จะหาย ซึ่งเราไม่เข้าไปไหว้และเข้าไปดูเพราะกลัวเสียเงิน
คณะศรัทธาเยอะมาก คนล้นหลาม
อีกนิดนึงงง
ฮิ้วว ว เข้าใกล้ได้แค่นี้หลาวมีการ์ดไม่ให้เข้าแล้ว คนพม่ามีความเชื่อคล้าย ๆ กับคนไทยคือผู้ชายสามารถเข้าไปสักการะองค์พระธาตุอินแขวนได้ ส่วนผุ้หญิงนั้นไม่สามารถจะเข้าไปได้และการเข้าไปประชิดตัวก้อนหินนี้นั้นห้ามนำกล้องเข้าไปมีเครื่องสแกนด้วยนะเออไม่ใช่เล่น ๆ
และหลังจากนี้คือแบบนึกขึ้นได้ว่าเรายังไม่ได้หาที่พักตอนน็เดินเป็นหนูถีบจักรหาที่พักด้วยความชะล่าใจนึกว่าเหมือนไทย ณ จุด ๆ นี้หากใครจะไปไหว้พระธาตุอินแขวนนั้นต้องจองที่พักแต่เนิ่น ๆ เลยนะ เพราะเต็มทุกที่มีอีกที่หนึ่งคือลานที่เราเห็นนั้นเองสามารถนอนได้แต่แบบไม่โอเคปะ ไม่ไหวปะ ลมโกรกตลอดเลยคือเราก็ไม่เอาเหมือนกันนะ มีการให้ยืมหมอนและผ้าห่มนอนที่ลานนี้ด้วยแต่เราก็ไม่เอารู้สึกแบบเฟลมาก และกลับไม่ได้แล้ว TT จนแล้วจนรอดไกด์ของเราก็ไปหาห้องพักรายวันแบบตามรายทางซึ่งราคาโหดมากต้องที่นอนนั้นคือ 60000 ks. ต่อคืน ห้องพักนั้นด้านหน้าคือร้านขายของและเหมือนทำเป็นเกสท์เฮ้าส์กาก ๆ อยู่ด้านหลังภายในห้องนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากเสื่อผืนเดียว คือทรหดมากไม่โอเคมากแต่นักท่องเที่ยวไม่มีสิทธิ์เลือกไงก็ต้องจำยอมขอที่ซุกหัวนอนดี ๆ อย่างน้อยก็มีที่บังลมไม่ให้เราหนาวและรู้สึกปลอดภัยสักนิดหนึ่งก็โอเควะ
หลังจากได้ห้องพักแบบกเฬวรากแล้ว ช่าง
มันเราก็ออกมาดูพระธาตุอินแขวนตอนกลางคืนกัน
อากาศหนาวมาก หมอกหนามาก
กางเต๊นท์นอนกันในวัดเลยนะเธอ
หลังจากนี้เราก็กลับมายังห้องพักเพื่อเก็บแรง และขออนุญาตมาต่อวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ^^
To be continue.......
[CR] รีวิวกาก ๆ กับการไปไหว้พระธาตุอินแขวน Kyaikhtiyo Pagoda
เนื่องจากว่าได้มีโอกาสไปทำงานอยู่ที่พม่า เราจึงหาช่องทางหนีงานแล้วไปเที่ยวพระธาตุอินแขวนมา เพราะคือสิ่งที่ห้ามพลาดเวลามาพม่า ฮ่า ๆ เจ้านายตามเกมส์เราไม่ทันหรอก ทริปนี้เราเลือกที่จะไปในช่วงวันพระใหญ่ก็คือวันอาสาฬหบูชานั้นเอง การเดินทางของเรื่องโชคดีตรงที่ว่าเราฮั้วกับคนขับรถตู้ที่บริษัทเราเช่าใช้งานอยู่แล้วพาเราไปเที่ยวเลยสะดวกกว่านั่งรถทัวร์ที่พม่ามาก เพราะรถทัวร์ที่นั้นประมาณ ป.2 ของบ้านเรา ไม่น่าพิศสมัยสักเท่าไหร่
เทคทีมกับรูมเมทเราจะหนีไปไหว้พระกัน
ระหว่างทาง : ถ้าเปรียบเทียบกับบ้านเราก็ประมาณสองแถว แค่คนขับรถอารมณ์ประมาณรถเมล์สาย 8 บ้านเรา
ระหว่างทาง : ตอนนี้ก็ออกนอกเมืองย่างกุ้งมาไกลมากในภาพน่าจะเลยเมืองบาโก และอื่น ๆ มาแล้ว ถนนที่เห็นนี้คือไฮเวย์ทางที่เราจะไปไหว้พระธาตุอินแขวนกัน (จริง ๆ คือหลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงได้ ไกลมากก)
ระหว่างทาง : ที่พม่ามีการปลูกข้าวเยอะมากและข้าวสารพม่าเม็ดจะเหมือนข้าวญี่ปุ่นแต่พอหุงแล้วตัวข้าวจะยืดออกมาเหมือนข้าวบ้านเรา (คุณหลอกดาวมากก >,,,,,<)
ระหว่างทาง : ที่นี้มีการปลูกยางพาราด้วยนะตอนที่ไปคือแบบโค่นต้นไม้ที่ภูเขาเป็นลูก ๆ กันเลยทีเดียวละปลูกต้นยางพาราแทน
โอเคตัดตอนสาเหตุเดียวเนื่องจากหลับนั้นแหละไม่มีอะไรมาก แฮะ ๆ ตอนนี้ก็ถึงปากทางที่เราจะขึ้นไปพระธาตุอินแขวนกัน การขึ้นไปไหว้ฯ นั้นไม่สามารถนำรถส่วนตัวขึ้นไปได้เพราะมีการสัมปทานไว้ เราจึงต้องจำยอมที่จะทิ้งความสะดวกสบายทั้งปวงไว้กับรถตู้และเอาแต่สิ่งของที่จำเป็นเท่านั้นขึ้นไป
และพาหนะที่จะพาเราขึ้นไปไหว้พระธาตุอินแขวนนั้นก็คือออ ท๊ะดาา า รถหกล้อ แถวหนึ่งนั่ง 7 คน มี 7 แถว อารมณ์แบบรถไฟเหาะเบา ๆ (คิดในใจเอาวะไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วเราก็ต้องยอมวะะ)
ระหว่างทางขึ้น : หลังจากผ่านทางเข้าหลัก(เข้าออกได้ทางเดียวนะจ๊ะ) เราก็จะได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าช่วงนี้ คือแบบต้นไม้ใหญ่เยอะมาก แดดแรงแต่ไม่ร้อน
ระหว่างทางขึ้น : หลังจากผ่านด่านเข้ามาสักพักก็จะมีจุดหยุดรถคนขับรถก็จะมาเก็บเงินตกต่อคนอยู่ระหว่าง 2000-2500 ks. ( 1 usd. = 900 ks. โดยประมาณ) ระหว่างนี้ก็จะมีวัดตามรายทางมาขอเรี่ยไรเงิน อารมณ์บ้านเราแบบประมาณป้า ๆ ที่เดินขอเรี่ยไรทำบุญผ้าป่าประมาณนั้น
ภาพตัดเยอะมากหลังจากเรานั่งรถไฟเหาะเหินเดินอากาศขึ้นมาถึงที่แล้ว (คนขับรถโหดมากอารมณ์สาย 8 เต็ม ๆ จริง ๆ) ตามปกติจะมีเสลี่ยงให้นักท่องเที่ยวนั่งโดยเราต้องเสียเงินให้ลูกหาบที่แบกเราไปถึงใจกลางนั้นแต่เราไม่!! และตรงนี้คือเราผ่านทางเข้าที่จะไปพระธาตุอินแขวนมาแล้ว (เสียค่ากล้องด้วยนะ) ชาวต่างชาติแบบเรา ๆ ก็จะต้องเสียเงินค่าเข้า จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่น่าจะประมาณ 2000-5000 ks. เราซึ่งตีเนียนเป็นคนพม่าก็ไม่เสียค่าผ่านด่าน ฮ่า ๆ เดินปะปนเข้ามาและข้างซ้ายของภาพนั้นคือโรงแรมไจ้โถ่วที่เลื่องลือ
เยื้อง ๆ กับไจ่โถ่วพอสมควร นั้นก็คือเมาเท่น ท๊อป (จำพิกัดว่าอยู่ช่วงไหนไม่ได้แล้วต้องขออภัย)
หลังจากเดินมาสักพักไม่นานมาก เจอประตูวัดแบ้วว
น้องชายคนขับรถตู้ น่ารักมากก
ระหว่างทางเดินขึ้นไปนั้น : เราก็จะเห็นได้ว่าเราอยู่บนสันเขา
ระหว่างทางเดินขึ้นไปนั้น : ซ้ายมือของเราก็คือโรงแรมโย โย เล อันเลื่องชื่อที่นี้เหมือนกันมีหลายสาขามาก และหลังหนุ่มเสื้อลายขาวนี้ก็คือคนขับรถตู้+ไกด์ของเรา
ระหว่างทางเดินขึ้นไปนั้น : รูปแกะสลักนายพราน ทำจากไม้ท่อนเดียวนะ ถามไกด์กิติมศักดิ์ว่าคือใครอะก็ได้คำตอบว่า I don't know ...........
นี้คือจุดชมวิวเห็นอะไรข้างหลังครอบครัวนี้มั้ยย กรี๊ดด ด เราจะได้เห็นของจริงแล้วใช่มั้ย รูปที่เห็นนี้คือระหว่างทางจะมีเหมือนประตูวัดอีกชั้นหนึ่งตรงนั้นจะมีรูปปั้นผู้ชายนอนราบอยู่กับพื้นเชื่อกันว่าเจ็บปวดตรงไหนก็เอามือไปลูบ ๆ คลำ ๆ บีบนวดแล้วเราก็จะหาย ซึ่งเราไม่เข้าไปไหว้และเข้าไปดูเพราะกลัวเสียเงิน
คณะศรัทธาเยอะมาก คนล้นหลาม
อีกนิดนึงงง
ฮิ้วว ว เข้าใกล้ได้แค่นี้หลาวมีการ์ดไม่ให้เข้าแล้ว คนพม่ามีความเชื่อคล้าย ๆ กับคนไทยคือผู้ชายสามารถเข้าไปสักการะองค์พระธาตุอินแขวนได้ ส่วนผุ้หญิงนั้นไม่สามารถจะเข้าไปได้และการเข้าไปประชิดตัวก้อนหินนี้นั้นห้ามนำกล้องเข้าไปมีเครื่องสแกนด้วยนะเออไม่ใช่เล่น ๆ
และหลังจากนี้คือแบบนึกขึ้นได้ว่าเรายังไม่ได้หาที่พักตอนน็เดินเป็นหนูถีบจักรหาที่พักด้วยความชะล่าใจนึกว่าเหมือนไทย ณ จุด ๆ นี้หากใครจะไปไหว้พระธาตุอินแขวนนั้นต้องจองที่พักแต่เนิ่น ๆ เลยนะ เพราะเต็มทุกที่มีอีกที่หนึ่งคือลานที่เราเห็นนั้นเองสามารถนอนได้แต่แบบไม่โอเคปะ ไม่ไหวปะ ลมโกรกตลอดเลยคือเราก็ไม่เอาเหมือนกันนะ มีการให้ยืมหมอนและผ้าห่มนอนที่ลานนี้ด้วยแต่เราก็ไม่เอารู้สึกแบบเฟลมาก และกลับไม่ได้แล้ว TT จนแล้วจนรอดไกด์ของเราก็ไปหาห้องพักรายวันแบบตามรายทางซึ่งราคาโหดมากต้องที่นอนนั้นคือ 60000 ks. ต่อคืน ห้องพักนั้นด้านหน้าคือร้านขายของและเหมือนทำเป็นเกสท์เฮ้าส์กาก ๆ อยู่ด้านหลังภายในห้องนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากเสื่อผืนเดียว คือทรหดมากไม่โอเคมากแต่นักท่องเที่ยวไม่มีสิทธิ์เลือกไงก็ต้องจำยอมขอที่ซุกหัวนอนดี ๆ อย่างน้อยก็มีที่บังลมไม่ให้เราหนาวและรู้สึกปลอดภัยสักนิดหนึ่งก็โอเควะ
หลังจากได้ห้องพักแบบกเฬวรากแล้ว ช่างมันเราก็ออกมาดูพระธาตุอินแขวนตอนกลางคืนกัน
อากาศหนาวมาก หมอกหนามาก
กางเต๊นท์นอนกันในวัดเลยนะเธอ
หลังจากนี้เราก็กลับมายังห้องพักเพื่อเก็บแรง และขออนุญาตมาต่อวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ^^
To be continue.......