คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ผมก็เจอครับ เจอจนท้อ
ผมเจอแบบใช้หนี้ให้ที่บ้านมาตลอด ซึ่งเป็นหนี้ที่เอาไปใช้ฟุ่มเฟือยอีกต่างหาก
เวลาที่บ้านโทรมาหา นึกว่าคิดถึง ไม่ใช่เลย คำแรกที่พูดคือขอเงินไปใช้หนี้
ไม่เคยคิดเลยว่าลูกก็เป็นคน เหนื่อยเป็น น้อยใจเสียใจเป็น
ผมเคยถึงขนาดว่าบ้านผมไฟไหม้หมด ต้องต่อเติมใหม่ ที่บ้านเดินทางมาหา
ไม่ใช่เพื่อมาช่วยครับ แต่มาเพื่อขอเงิน
เพราะกลัวว่าถ้าผมหมดเงินไปกับการทำบ้านใหม่แล้วจะไม่มีเงินให้เขาอีก เลยรีบมาขอไว้ก่อน
พอได้เงินแล้วก็กลับ ผมก็อยู่กับซากบ้านปรักหักพังแบบนั้นแหละ
คนที่มาช่วยผมคือเพื่อนๆครับ
ผมนะ..น้ำตาไหลในอกเลย ซึ้งจริงๆ นึกว่าตัวเองเป็นลูกเก็บมาเลี้ยง
ผมจึงขอบอกจากประสบการณ์ตรงว่าต้องตัดใจครับ คุณมีทางเลือก 2 ทาง
1. ต้องให้ไปเรื่อยๆ แล้วทำใจไปเลยตั้งแต่ตอนนี้ อย่าคาดหวังอะไร
2. ยุติการให้พร่ำเพรื่อ จะให้เป็นเงินเดือนรายเดือน หรือให้ทุกเทศกาลแล้วแต่
แต่เห็นลูกเป็นตู้เอทีเอ็มแบบนี้ตลอดไปไม่ได้ เพราะท้ายสุดคุณก็จะไม่มีการเงินมั่นคงเลย
ดังนั้นถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมาพ่อแม่ก็ลำบากหนักอีก
คุณต้องเด็ดขาดเท่านั้นครับ ถ้าเด็ดขาดไม่ได้ ก็ต้องเลือกทางที่ 1 แล้วทนไปครับ
ผมเจอแบบใช้หนี้ให้ที่บ้านมาตลอด ซึ่งเป็นหนี้ที่เอาไปใช้ฟุ่มเฟือยอีกต่างหาก
เวลาที่บ้านโทรมาหา นึกว่าคิดถึง ไม่ใช่เลย คำแรกที่พูดคือขอเงินไปใช้หนี้
ไม่เคยคิดเลยว่าลูกก็เป็นคน เหนื่อยเป็น น้อยใจเสียใจเป็น
ผมเคยถึงขนาดว่าบ้านผมไฟไหม้หมด ต้องต่อเติมใหม่ ที่บ้านเดินทางมาหา
ไม่ใช่เพื่อมาช่วยครับ แต่มาเพื่อขอเงิน
เพราะกลัวว่าถ้าผมหมดเงินไปกับการทำบ้านใหม่แล้วจะไม่มีเงินให้เขาอีก เลยรีบมาขอไว้ก่อน
พอได้เงินแล้วก็กลับ ผมก็อยู่กับซากบ้านปรักหักพังแบบนั้นแหละ
คนที่มาช่วยผมคือเพื่อนๆครับ
ผมนะ..น้ำตาไหลในอกเลย ซึ้งจริงๆ นึกว่าตัวเองเป็นลูกเก็บมาเลี้ยง
ผมจึงขอบอกจากประสบการณ์ตรงว่าต้องตัดใจครับ คุณมีทางเลือก 2 ทาง
1. ต้องให้ไปเรื่อยๆ แล้วทำใจไปเลยตั้งแต่ตอนนี้ อย่าคาดหวังอะไร
2. ยุติการให้พร่ำเพรื่อ จะให้เป็นเงินเดือนรายเดือน หรือให้ทุกเทศกาลแล้วแต่
แต่เห็นลูกเป็นตู้เอทีเอ็มแบบนี้ตลอดไปไม่ได้ เพราะท้ายสุดคุณก็จะไม่มีการเงินมั่นคงเลย
ดังนั้นถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมาพ่อแม่ก็ลำบากหนักอีก
คุณต้องเด็ดขาดเท่านั้นครับ ถ้าเด็ดขาดไม่ได้ ก็ต้องเลือกทางที่ 1 แล้วทนไปครับ
แสดงความคิดเห็น
เคยรู้สึกเป็นตัวหาเงินของพ่อแม่มั้ยคะ
เรามีเงินเยอะเราก็แบ่งให้พอ่แม่ตลอด เทียบกับพี่ชายคนโตที่มักจะมีเรื่องปวดหัวมาโดยตลอด
แต่เราก็มาเสียตอนจบปี 3 เพราะเราท้อง ช่วงนั้นมีปัญหากับแฟน ครอบครัวแฟน พ่อก็มักจะบอกไม่ต้องให้เค้ารับผิดชอบพ่อเลี้ยงได้ แต่พอคลอดเสร็จเราโดนดูถูกไว้มาก เราไม่เคยหยุดทำงานเลย เราหาเงินมาตลอดเวลาขายของเช้า เย็นทำงาน ลูกสาวได้รับเงินรับขวัญเยอะ พ่อเริ่มเปลี่ยนไป พ่อกินเหล้ามากขึ้นแต่แม่ก็ลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกให้เรา เราไม่เคยบ่นเลย ทำทำทำ
กลับมาเราได้ยินอยู่คำเดียว ลูกต้องจ่ายนั้นนะ ค่านี้นะ ค่าอะไรหลายอย่าง เรารับไหว แต่บางเดือนเงินหมุนไม่พอ แม่แฟนก็ให้มาตลอด เราขอพ่อเดือนละสามพัน พ่อบอกว่า "ลุกมีครอบครัวแล้ว ทำไมยังต้องมาขอพ่อ" พ่อก็มักจะด่าเรา และแม่ก็ก็จะมาพูดว่าทำไมต้องเอาเงินพ่อ ทั้งค่าใช้จ่ายเราคนเดียวมันท่วมหัว
ทั้งค่าบ้าน ค่ากินพ่อไปทำงาน ค่ากินแม่ ค่าน้ำค่าไฟ
พอเดือนตุลา แม่เราพาลุกไปหาย่า หรือแม่แฟน เค้าก็เลยให้เงินก้อนขึ้นมาหลายหมื่น ตอนนี้สถานะทางบ้านเริ่มดีขึ้น เราเอาเงินก้อนนั้นไปทำธุรกิจจนตอนนี้เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ พ่อไม่เคยเข้ามาช่วยงานและเค้าก็ยังเมาขึ้นทุกวัน เสียงดัง บางทีก็พาเพื่อนมากินเหล้า วันนี้เราบอกพ่อว่ากำลังจะย้ายบอกขอช่วยเงินค่ามัดจำบ้านซัก สามพันหรือสองพันก็ได้ พ่อกับแม่มองเราด้วยสายตาที่เหมือนไม่ใช่ลูก น้ำตามันตกใน มันรู้สึกแย่ เหมือนไม่ควรเกิดมาบนโลกใบนี้
แฟน เลิกกันมันก็เป็นคนอื่น แต่เรากับพ่อแม่มันตัดกันไม่ได้ เงินค่าเลีย้งลุกเราไม่เคยขอเค้าเลย
ตอนนี้เราไม่รู้เราควรทำยังไงดี เราพยายามสรรหาอะไรที่มันดีกับพ่อแม่ อยากกินอะไรเราก็หาให้ เวลาทำงานหนักๆเราไม่เคยได้คำพูดว่า ลูกยากกินอะไร ลูกเหนื่อยมั้ย มีแต่คำว่าลูกต้องจ่ายค่านี้นะ ค่านี้นะ เราท้อจริงๆนะคะ ท้อจริงๆจนอยากตาย ไปเลย แต่มันก็ไม่ได้