ก่อนอื่น ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าอ่านไม่เข้าใจหรือยังไง เรื่องนี้มันก็นานมากแล้ว
ซับซ้อนวุ่นวาย ตัวเราเองก็จำรายละเอียดไม่ค่อยได้เท่าไหร่
เราเป็นลูกคนเล็กของบ้าน ซึ่งมีพี่ชายคนนึง(ตอนนี้เป็นสาวไปละ) ตั้งแต่เด็ก ชีวิตก็โอเคมีความสุขดี
แต่ด้วยความที่แม่ทำงานที่เขียงใหม่ และป๊าเราทำงานที่กรุงเทพ ทำให้ต้องห่างๆกัน
ที่บ้านแม่มี เรา พี่ ยาย น้าชาย บ้านป๊ามีย่า ป้า ลูกพี่ลูกน้องเรา1คน
ป๊าอยากให้แม่ไปทำงานด้วยที่กรุงเทพ แต่แม่เป็นเป็นผจก.บริษัทนี้ของทางภาคเหนือ ซึ่งเงินเดือนดี โบนัส ได้ไปต่างประเทศบ่อยๆ
ส่วน ป๊าเองก็ทำงานได้รายได้ปกติ แม่เลยไม่อยากไป จึงหารายได้เพิ่มเริ่มทำธุรกิจ ร่วมกันเป็นแมคกาซีนบ้านๆซักเล่ม
หุ้นกันกับเพื่อนป๊าและแม่ ก็ถือว่าขายดีนะคะ แม่กับป๊าจะมีคอลัมน์นึงให้เรากับพี่ เล่าเรื่องเกี่ยวกับเด็ก หรือลงผลงานวาดภาพระบายสี
และชวนทางบ้านร่วมส่งผลงาน มาร่วมสนุกกัน ตอนนั้นเรายังปั่นจักรยานส่งแมคกาซีนในหมู่บ้านอยู่เลยจำได้
เมื่อทำได้ไม่นาน เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร ป๊าโดนเพื่อนโกงเงิน ค่าทำแมคกาซีนและเชิดเงินหนี ทำให้เราเริ่มมีหนี้นิดหน่อย
แต่ก็ผ่านมาได้ แล้วจนประมาณเราป.5 ยายเราล้มป่วย ตื่นขึ้นมาเป็นอัมพาต ทำให้แม่เราต้องส่งยายเข้า ICU ทางรพ.ในเชียงใหม่
ประมาณครึ่งปี จำได้คำที่หมอพูดคำแรกคือ รักษาไม่ได้ ยังไงก็ไม่มีทางหาย ยายอายุเยอะแล้ว ตอนนั้นเราพุ่งใส่หมอ แม่ห้ามเราไว้
เราร้องไห้ เพราะเราเชื่อว่ายังไงยายเราก็ต้องหาย TT แม่ก็เริ่มติดต่อญาติเท่าที่รู้จัก ก็ลองให้ย้ายไปรักษาที่เชียงราย
เพื่อลดค่าใช้จ่าย ก็ไม่ดีขึ้นมาก ช่วงนั้น เราลาเรียนบ่อย เพราะแม่ต้องไปกลับเชียงรายเชียงใหม่เพื่อดูอาการยาย เราก็ติดแม่ไปด้วย
พออาการเริ่มคงที่แม่ก็เอายายมารักษาที่บ้านซื้อเตียงจากรพ. จ้างพยาบาลมาดูแลยายช่วงกลางวัน เครื่องมือหมอครบทีบ้าน
ยายต้องพลิกตัวตลอดเราก็จะช่วยพี่เลี้ยงไปปั่นข้าว ชงอาหารเสริมใส่ซลิงค์ป้อนให้ยาย
คนแถวบ้านก็พอรู้ว่ายายป่วยก็มาเยี่ยมเยียนบ้าง แต่ก็มานินทาแม่เราว่าทำไมไม่มาดูแลยาย เป็นลูกแท้ๆไม่ห่วงแม่หรอ
ถึงให้คนอื่นดูแล +กับน้าชายที่ไปทำงานกับแม่เป็นแมสเซนเจอร์ก่อเรื่องไว้ แม่จึงขอลาออกจากงาน แต่ก็ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
ป๊าต้องขายรถเพื่อเอาเงินมาช่วยแม่ แม่ต้องขายหมาทั้งหมดในบ้านที่เราเลี้ยง (เราเลี้ยงหมาประกวด 20 กว่าตัว 5พันธุ์ )
ขายทรัพย์สินบางส่วนในบ้านบ้าง และก็ขอดูแลยายเต็มตัวไม่จ้างพยาบาล แต่ก็จ้างหมอนวดแผนไทยมานวดยาย
ช่วงนั้น แพงแค่ไหนแม่ก็ยอม (2 ชม.500) แล้วก็ด้วยความที่ยายป่วยกะทันหัน แม่เราก็ไม่ได้คิดว่าเราจะต้องเก็บเงินไว้มากมาย
เพราะที่ผ่านมาก็มีใช้ตลอดไม่ขาด แต่ก็ไม่ได้เก็บเท่าไหร่ แม่เคยบอกว่าถ้ารู้ตอนนั้น จะไม่ซื้อของเงินผ่อน
ตอนนี้บ้านที่ต้องผ่อนต่อแม่ก็ผ่อนไม่ไหวเพราะไม่มีรายได้ รายได้จากป๊าก็ไม่พอ ทำให้เริ่มระหองระแหง และกลายเป็นทะเลาะกันไป
แม่เลยต้องยอมให้แบงค์ยึดบ้านแล้วแม่ก็เช่าอาคารพานิชย์หน้าหมู่บ้านทำการค้าเอา ตอนนั้นทำเสริมสวยแม่ก็ไปหัดเรียน
แพทย์แผนไทยแม่ก็ไปเรียน พวกสหเวช ทำคลอด ทีเป็นแผนไทยแม่ไปเรียนไปสอบได้ใบมา แต่ลูกค้าก็ไม่ค่อยเยอะ
ช่วงนั้นก็หาพี่เลี้ยงคนใหม่มาเป็นสาวไทยใหญ่ ใจดี ขยัน เราสนิทกับพี่แก แกขยันอยากมีความรู้ ตอนบ่ายๆไม่ค่อยมีคน
เราก็เอาหนังสือประถมมาสอนแกอ่าน แม่ส่งแกเรียนกศน.แถวบ้าน ก็ก็มาพูดมาคุยได้มากขึ้น จนช่วงนึงได้งานใหม่
เป็นเกี่ยวกับมุ้งลวดแม่ก็เป็นเซลวิ่งงานขับรถหาลูกค้าตามหมูบ้าน พี่เราก็เรียนมหาลัย เราก็มอต้น แม่ก็ไม่ค่อยเป็นห่วงเพราะอยู่หอใน
รับกลับมาบ้านบ้างบางอาทิตย์ จนกระทั่งเรารู้ว่าแม่รู้จักกับผช.คนนึงมานานแล้ว( ขอเรียกว่าพี่ว.) ที่ชลบุรีเค้าทำงานค้าขายกับที่บ้าน
บ้านคนจีนก็พอมีตัง เราก็สบายใจ ว่าแม่จะไม่ลำบากแล้วมีคนดูแล แล้วเค้าก็ชวนแม่ให้มาอยู่ทำงานด้วยกัน
แม่ก็ตกลงเพราะแม่ไม่มีทางเลือก ถ้าไม่ไปก็จะอดตายทั้งบ้านซึ่งตอนนั้นเรามอ.2 เราก็ทะเลาะกับแม่ เพราะเราไม่อยากไป
เราไม่อยากหาเพื่อนใหม่ ไม่อยากย้ายโรงเรียน เราเรียนเอกชนตั้งแต่อนุบาลสบายๆ ถ้าไปอยู่นู่นแม่จะให้เข้ารัฐบาลแล้วต้องตัดผมสั้น
เราไม่ยอม ขอแม่จบม.3แล้วไป แต่แม่ไม่ยอมทำให้เราต้องไปตั้งแต่จบม.2 ไปต่อม.3ที่รร.แถวบ้าน แม่เราชวนพี่เลี้ยงมาทำงานด้วยกัน
แต่แกไม่ยอมมา เพราะห่วงที่บ้าน
.... มาชลบุรีครั้งแรก พ่อกับแม่พี่ว.มารับที่บ้าน ให้เราไปก่อน เพราะต้องติดต่อเรื่องเรียนต่อมอ3 พอเราไปถึงก็พบสภาพแบบ อยู่กันได้ไงวะ สกปรก ไม่มีของอะไรเลย ร้อนก็ร้อน เตียงอะไรก็ไม่มี เราไห้งอแงร้องหาแม่ โทรหาแม่ว่าที่นี่ไม่มีอะไรเลยแล้วแม่ก็ย้ายตามมา เอายายมาด้วยตอนนั้นก็ก็ดีขึ้นบ้างแล้วนั่งรถได้พอทรงตัวเดินได้นิดหน่อย เหมารถบรรทุกมา2คัน มาส่งของที่บ้าน ตอนนั้นก็พอไหว ชีวิตพอโอเคขึ้น กินดี สบาย จนเราอ้วนไปเลยค่ะ จากน้ำหนัก 50 เป็น 56 เพราะกินแต่อาหารทะเล กินข้าวเช้ากลางวันเย็น กินเยอะ ไปกินบุฟเฟต์ตลอด เมื่อเริ่มเข้าที่ แม่ก็ทำงานมุ้งลวดต่อก็ถือว่าโอเคมีรายได้ดี ทางบ้านพี่ว.ก็ขายของที่บ้านต่อไป
จนกระทั่งวันนึง ตอนประมาณมอปลาย มอ4 มอ5 ก็เริ่มไม่ค่อยได้กินอาหารดีดี เงินไปรร.ก็เริ่มให้แม่เราจ่าย ทั้งๆที่ตอนแรก
ตกลงกันไว้ว่าจะดูแลเราทั้งครอบครัว ไม่ต้องจ่ายอะไร เพราะเงินพอเลี้ยงทุกคน แม่ก็ไม่ได้เอะใจ เพราะเราก็เริ่มเกเร เริ่มเที่ยวเหมือนกัน
เลยคิดว่าไม่ให้ตังเพราะเรากลับบ้านช้าไรงี้ จนเราเริ่มสังเกตเห็นรถกระบะสีดำมาจอดที่บ้านทุกวันเลย มาทำไมนะ ? ก็ไปบอกแม่เรา
แม่เราก็เริ่มสังเกต และเริ่มถามปรากฏว่าเป็นหนี้นอกระบบ มาเก็บดอกวันละ 500 =0= แม่เราจะเป็นลม ถามว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
ก็ได้คำตอบมาว่าเป็นหนี้ขอ ยืมมา4-5หมื่น มาหมุนจ่ายในบ้าน เงินไม่พอ แม่ก็ถ็งงทำไมไม่บอกจะได้ช่วยกันแก้
ไม่ใช่ไปยืมคนอื่นเขามาแบบนี้ ซึ่งที่บ้านส่งของขายทีก็พอใช้นะได้ก็ 4-5หมื่นเหมือนกัน ไหนจะเงินเดือนแม่เราอีก
จนแม่เราเก็บเงินเปิดร้านมุ้งลวดเอง เช่าอาคารพานิชย์ขายของ หาลูกน้องมาทำงานมีแต่ 2คนกับพี่เรา แต่ก็ผ่านมาได้ดีทุกเดือน
แม่เราก็จ่ายหนี้ให้ 5หมื่น โปะเงินให้ จบไปเลย ก็สบายใจไม่มีหนี้ละ แม่ก็ทำงานต่อปกติจนเราม.6 รถดำก็มาจอดอีก
แม่เราก็ไปถามคราวนี้ก็กลายเป็นทะเลาะกันทั้งบ้าน ว่าแบบ ทำไมโกหกกัน เอาเงินมาทำไมอีก
จนรู้ว่าลุงกับป้าแกเขาเล่นการพนัน.. แม่ทรุดอีกรอบ เพราะต้องหาเงินมาจ่ายหนี้ให้อีกแล้ว แกก็ร้องไห้ ขอโทษ แกขอให้เราช่วยจ่าย
และสันยาว่าจะไม่มีอีกแล้ว แต่ปรากฏว่าคราวนี้ แสนกว่าค่ะ!! เราเห็นที่บ้านทะเลาะกันทุกๆวัน เราไม่โอเค เราเห็นแม่แอบร้องไห้
แต่ต่อหน้าเราแม่จะไม่พูดเรื่องนี้ เพราะเราต้องเตรียมเข้ามหาลัย ไม่อยากให้เครียด แต่เราก็พอรุ้เรื่องบ้างมาตลอด จนเราเข้ามหาลัยได้
แม่เราก็หาเงินจ่ายหนี้ไปเรื่อยๆ เราก็แอบโทรหาป๊า ร้องไห้เล่าเรื่องทุกอย่าง ป๊าเองก็สงสารเราแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะแม่ไม่ได้โทรหาแกเลย
ป๊าเลยให้เราเปิดบัญชีไว้ แล้วจะโอนเงินค่าเทอมกับค่าใช้จ่ายนิดๆหน่อยๆไปให้ เราก็บอกแม่ว่าเรารู้เรื่องหมดนะ
เราบอกป๊าแล้วแม่ก็โกรธว่าไปบอกเขาทำไม แม่เองที่ทำผิด เราเลยบอกแม่ไม่เป็นไรนะ ป๊าเต็มใจช่วย ป๊าจะออกค่าเทอมให้
กับค่ากินให้แต่ละเดือน แม่ก็ดีใจโล่งอก พี่เราก็มาทำงานกับแม่ที่ร้านจนเราปี2เราขอป๊าดัดฟัน เพราะเราไม่มั่นใจตัวเอง
ป๊าก็ยินดีจ่ายให้ทุกอย่าง ที่บ้านแม่ก็เหนื่อยกับที่ร้าน เพราะต้องดูแลคนเดียว พ่อพี่ว.ก็ป่วย จนวันนึงพ่อพี่ผช.ป่วยจนเข้ารพ.
อ้วกเป็นเลือด สุดท้ายแกเสีย แม่ก็จัดงานศพให้ อโหสิกรรมให้ทุกอย่าง เหลือแต่แม่พี่ว.แก อมทุกข์ทั้งวัน เพราะลุงแกไม่อยู่แล้ว
แกก็เครียด ร้องไห้ทุกวัน บ่นทุกวัน แต่แม่เราก็สบายใจ เพราะคิดว่าคงไม่มีหนี้ละ แค่ทำงานให้หนักขึ้น ค้าขายที่บ้านก็ขายกันต่อไป
แต่แม่เราสร้างข้อตกลงขอยึดกิจการให้แม่เราดูแลทั้งหมด จะได้ไม่ต้องมีหนี้ แม่เราจะได้รู้ความเคลื่อนไหว และจัดการเรื่องเงินแทน
พอเอาเข้าจริงๆ หนี้ยังมี และเยอะมากค่ะ พี่เราก็ทำเรื่องเรียนต่อไปเมืองนอก เพราะอยากหาเงินส่งกลับมาให้แม่ที่ไทย
ก็ไม่ได้ยุ่งกับที่บ้านเท่าไหร่ เหลือแค่เรากับแม่ที่กำลังวุ่นวายว่าเงินจะหาจากไหนมาจ่าย มีวันนึง แม่พี่ผช.เดินเข้ามาขอยืมเงินแม่5หมืน
แม่ตกใจ ว่าเอาไปทำไร กบอกจะเอาไปจ่ายหนี้ จ่ายค่าผ่อนรถ กับซื้อของเข้าบ้าน แม่ไม่ยอม ทะเลาะกันใหญ่โต แม่พี่ว.มากอดขา
ขอร้อง กราบเท้า ร้องไห้ฟูมฟาย ว่าแกไม่มีแล้ว เดี๋ยวเค้าจะมายึดบ้าน ยึดรถ แล้วก็หนี้นอกระบบจะมาทำร้าย !!!!!
..เดี่ยวมาต่อนะคะ เราเลิกงานแล้ว เดี๋ยวกลับบ้านก่อน..
ชีวิต(แม่)ที่เหนื่อยซ้ำๆ แทนที่อายุเท่านี้จะต้องสบายแล้ว
ซับซ้อนวุ่นวาย ตัวเราเองก็จำรายละเอียดไม่ค่อยได้เท่าไหร่
เราเป็นลูกคนเล็กของบ้าน ซึ่งมีพี่ชายคนนึง(ตอนนี้เป็นสาวไปละ) ตั้งแต่เด็ก ชีวิตก็โอเคมีความสุขดี
แต่ด้วยความที่แม่ทำงานที่เขียงใหม่ และป๊าเราทำงานที่กรุงเทพ ทำให้ต้องห่างๆกัน
ที่บ้านแม่มี เรา พี่ ยาย น้าชาย บ้านป๊ามีย่า ป้า ลูกพี่ลูกน้องเรา1คน
ป๊าอยากให้แม่ไปทำงานด้วยที่กรุงเทพ แต่แม่เป็นเป็นผจก.บริษัทนี้ของทางภาคเหนือ ซึ่งเงินเดือนดี โบนัส ได้ไปต่างประเทศบ่อยๆ
ส่วน ป๊าเองก็ทำงานได้รายได้ปกติ แม่เลยไม่อยากไป จึงหารายได้เพิ่มเริ่มทำธุรกิจ ร่วมกันเป็นแมคกาซีนบ้านๆซักเล่ม
หุ้นกันกับเพื่อนป๊าและแม่ ก็ถือว่าขายดีนะคะ แม่กับป๊าจะมีคอลัมน์นึงให้เรากับพี่ เล่าเรื่องเกี่ยวกับเด็ก หรือลงผลงานวาดภาพระบายสี
และชวนทางบ้านร่วมส่งผลงาน มาร่วมสนุกกัน ตอนนั้นเรายังปั่นจักรยานส่งแมคกาซีนในหมู่บ้านอยู่เลยจำได้
เมื่อทำได้ไม่นาน เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร ป๊าโดนเพื่อนโกงเงิน ค่าทำแมคกาซีนและเชิดเงินหนี ทำให้เราเริ่มมีหนี้นิดหน่อย
แต่ก็ผ่านมาได้ แล้วจนประมาณเราป.5 ยายเราล้มป่วย ตื่นขึ้นมาเป็นอัมพาต ทำให้แม่เราต้องส่งยายเข้า ICU ทางรพ.ในเชียงใหม่
ประมาณครึ่งปี จำได้คำที่หมอพูดคำแรกคือ รักษาไม่ได้ ยังไงก็ไม่มีทางหาย ยายอายุเยอะแล้ว ตอนนั้นเราพุ่งใส่หมอ แม่ห้ามเราไว้
เราร้องไห้ เพราะเราเชื่อว่ายังไงยายเราก็ต้องหาย TT แม่ก็เริ่มติดต่อญาติเท่าที่รู้จัก ก็ลองให้ย้ายไปรักษาที่เชียงราย
เพื่อลดค่าใช้จ่าย ก็ไม่ดีขึ้นมาก ช่วงนั้น เราลาเรียนบ่อย เพราะแม่ต้องไปกลับเชียงรายเชียงใหม่เพื่อดูอาการยาย เราก็ติดแม่ไปด้วย
พออาการเริ่มคงที่แม่ก็เอายายมารักษาที่บ้านซื้อเตียงจากรพ. จ้างพยาบาลมาดูแลยายช่วงกลางวัน เครื่องมือหมอครบทีบ้าน
ยายต้องพลิกตัวตลอดเราก็จะช่วยพี่เลี้ยงไปปั่นข้าว ชงอาหารเสริมใส่ซลิงค์ป้อนให้ยาย
คนแถวบ้านก็พอรู้ว่ายายป่วยก็มาเยี่ยมเยียนบ้าง แต่ก็มานินทาแม่เราว่าทำไมไม่มาดูแลยาย เป็นลูกแท้ๆไม่ห่วงแม่หรอ
ถึงให้คนอื่นดูแล +กับน้าชายที่ไปทำงานกับแม่เป็นแมสเซนเจอร์ก่อเรื่องไว้ แม่จึงขอลาออกจากงาน แต่ก็ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
ป๊าต้องขายรถเพื่อเอาเงินมาช่วยแม่ แม่ต้องขายหมาทั้งหมดในบ้านที่เราเลี้ยง (เราเลี้ยงหมาประกวด 20 กว่าตัว 5พันธุ์ )
ขายทรัพย์สินบางส่วนในบ้านบ้าง และก็ขอดูแลยายเต็มตัวไม่จ้างพยาบาล แต่ก็จ้างหมอนวดแผนไทยมานวดยาย
ช่วงนั้น แพงแค่ไหนแม่ก็ยอม (2 ชม.500) แล้วก็ด้วยความที่ยายป่วยกะทันหัน แม่เราก็ไม่ได้คิดว่าเราจะต้องเก็บเงินไว้มากมาย
เพราะที่ผ่านมาก็มีใช้ตลอดไม่ขาด แต่ก็ไม่ได้เก็บเท่าไหร่ แม่เคยบอกว่าถ้ารู้ตอนนั้น จะไม่ซื้อของเงินผ่อน
ตอนนี้บ้านที่ต้องผ่อนต่อแม่ก็ผ่อนไม่ไหวเพราะไม่มีรายได้ รายได้จากป๊าก็ไม่พอ ทำให้เริ่มระหองระแหง และกลายเป็นทะเลาะกันไป
แม่เลยต้องยอมให้แบงค์ยึดบ้านแล้วแม่ก็เช่าอาคารพานิชย์หน้าหมู่บ้านทำการค้าเอา ตอนนั้นทำเสริมสวยแม่ก็ไปหัดเรียน
แพทย์แผนไทยแม่ก็ไปเรียน พวกสหเวช ทำคลอด ทีเป็นแผนไทยแม่ไปเรียนไปสอบได้ใบมา แต่ลูกค้าก็ไม่ค่อยเยอะ
ช่วงนั้นก็หาพี่เลี้ยงคนใหม่มาเป็นสาวไทยใหญ่ ใจดี ขยัน เราสนิทกับพี่แก แกขยันอยากมีความรู้ ตอนบ่ายๆไม่ค่อยมีคน
เราก็เอาหนังสือประถมมาสอนแกอ่าน แม่ส่งแกเรียนกศน.แถวบ้าน ก็ก็มาพูดมาคุยได้มากขึ้น จนช่วงนึงได้งานใหม่
เป็นเกี่ยวกับมุ้งลวดแม่ก็เป็นเซลวิ่งงานขับรถหาลูกค้าตามหมูบ้าน พี่เราก็เรียนมหาลัย เราก็มอต้น แม่ก็ไม่ค่อยเป็นห่วงเพราะอยู่หอใน
รับกลับมาบ้านบ้างบางอาทิตย์ จนกระทั่งเรารู้ว่าแม่รู้จักกับผช.คนนึงมานานแล้ว( ขอเรียกว่าพี่ว.) ที่ชลบุรีเค้าทำงานค้าขายกับที่บ้าน
บ้านคนจีนก็พอมีตัง เราก็สบายใจ ว่าแม่จะไม่ลำบากแล้วมีคนดูแล แล้วเค้าก็ชวนแม่ให้มาอยู่ทำงานด้วยกัน
แม่ก็ตกลงเพราะแม่ไม่มีทางเลือก ถ้าไม่ไปก็จะอดตายทั้งบ้านซึ่งตอนนั้นเรามอ.2 เราก็ทะเลาะกับแม่ เพราะเราไม่อยากไป
เราไม่อยากหาเพื่อนใหม่ ไม่อยากย้ายโรงเรียน เราเรียนเอกชนตั้งแต่อนุบาลสบายๆ ถ้าไปอยู่นู่นแม่จะให้เข้ารัฐบาลแล้วต้องตัดผมสั้น
เราไม่ยอม ขอแม่จบม.3แล้วไป แต่แม่ไม่ยอมทำให้เราต้องไปตั้งแต่จบม.2 ไปต่อม.3ที่รร.แถวบ้าน แม่เราชวนพี่เลี้ยงมาทำงานด้วยกัน
แต่แกไม่ยอมมา เพราะห่วงที่บ้าน
.... มาชลบุรีครั้งแรก พ่อกับแม่พี่ว.มารับที่บ้าน ให้เราไปก่อน เพราะต้องติดต่อเรื่องเรียนต่อมอ3 พอเราไปถึงก็พบสภาพแบบ อยู่กันได้ไงวะ สกปรก ไม่มีของอะไรเลย ร้อนก็ร้อน เตียงอะไรก็ไม่มี เราไห้งอแงร้องหาแม่ โทรหาแม่ว่าที่นี่ไม่มีอะไรเลยแล้วแม่ก็ย้ายตามมา เอายายมาด้วยตอนนั้นก็ก็ดีขึ้นบ้างแล้วนั่งรถได้พอทรงตัวเดินได้นิดหน่อย เหมารถบรรทุกมา2คัน มาส่งของที่บ้าน ตอนนั้นก็พอไหว ชีวิตพอโอเคขึ้น กินดี สบาย จนเราอ้วนไปเลยค่ะ จากน้ำหนัก 50 เป็น 56 เพราะกินแต่อาหารทะเล กินข้าวเช้ากลางวันเย็น กินเยอะ ไปกินบุฟเฟต์ตลอด เมื่อเริ่มเข้าที่ แม่ก็ทำงานมุ้งลวดต่อก็ถือว่าโอเคมีรายได้ดี ทางบ้านพี่ว.ก็ขายของที่บ้านต่อไป
จนกระทั่งวันนึง ตอนประมาณมอปลาย มอ4 มอ5 ก็เริ่มไม่ค่อยได้กินอาหารดีดี เงินไปรร.ก็เริ่มให้แม่เราจ่าย ทั้งๆที่ตอนแรก
ตกลงกันไว้ว่าจะดูแลเราทั้งครอบครัว ไม่ต้องจ่ายอะไร เพราะเงินพอเลี้ยงทุกคน แม่ก็ไม่ได้เอะใจ เพราะเราก็เริ่มเกเร เริ่มเที่ยวเหมือนกัน
เลยคิดว่าไม่ให้ตังเพราะเรากลับบ้านช้าไรงี้ จนเราเริ่มสังเกตเห็นรถกระบะสีดำมาจอดที่บ้านทุกวันเลย มาทำไมนะ ? ก็ไปบอกแม่เรา
แม่เราก็เริ่มสังเกต และเริ่มถามปรากฏว่าเป็นหนี้นอกระบบ มาเก็บดอกวันละ 500 =0= แม่เราจะเป็นลม ถามว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
ก็ได้คำตอบมาว่าเป็นหนี้ขอ ยืมมา4-5หมื่น มาหมุนจ่ายในบ้าน เงินไม่พอ แม่ก็ถ็งงทำไมไม่บอกจะได้ช่วยกันแก้
ไม่ใช่ไปยืมคนอื่นเขามาแบบนี้ ซึ่งที่บ้านส่งของขายทีก็พอใช้นะได้ก็ 4-5หมื่นเหมือนกัน ไหนจะเงินเดือนแม่เราอีก
จนแม่เราเก็บเงินเปิดร้านมุ้งลวดเอง เช่าอาคารพานิชย์ขายของ หาลูกน้องมาทำงานมีแต่ 2คนกับพี่เรา แต่ก็ผ่านมาได้ดีทุกเดือน
แม่เราก็จ่ายหนี้ให้ 5หมื่น โปะเงินให้ จบไปเลย ก็สบายใจไม่มีหนี้ละ แม่ก็ทำงานต่อปกติจนเราม.6 รถดำก็มาจอดอีก
แม่เราก็ไปถามคราวนี้ก็กลายเป็นทะเลาะกันทั้งบ้าน ว่าแบบ ทำไมโกหกกัน เอาเงินมาทำไมอีก
จนรู้ว่าลุงกับป้าแกเขาเล่นการพนัน.. แม่ทรุดอีกรอบ เพราะต้องหาเงินมาจ่ายหนี้ให้อีกแล้ว แกก็ร้องไห้ ขอโทษ แกขอให้เราช่วยจ่าย
และสันยาว่าจะไม่มีอีกแล้ว แต่ปรากฏว่าคราวนี้ แสนกว่าค่ะ!! เราเห็นที่บ้านทะเลาะกันทุกๆวัน เราไม่โอเค เราเห็นแม่แอบร้องไห้
แต่ต่อหน้าเราแม่จะไม่พูดเรื่องนี้ เพราะเราต้องเตรียมเข้ามหาลัย ไม่อยากให้เครียด แต่เราก็พอรุ้เรื่องบ้างมาตลอด จนเราเข้ามหาลัยได้
แม่เราก็หาเงินจ่ายหนี้ไปเรื่อยๆ เราก็แอบโทรหาป๊า ร้องไห้เล่าเรื่องทุกอย่าง ป๊าเองก็สงสารเราแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะแม่ไม่ได้โทรหาแกเลย
ป๊าเลยให้เราเปิดบัญชีไว้ แล้วจะโอนเงินค่าเทอมกับค่าใช้จ่ายนิดๆหน่อยๆไปให้ เราก็บอกแม่ว่าเรารู้เรื่องหมดนะ
เราบอกป๊าแล้วแม่ก็โกรธว่าไปบอกเขาทำไม แม่เองที่ทำผิด เราเลยบอกแม่ไม่เป็นไรนะ ป๊าเต็มใจช่วย ป๊าจะออกค่าเทอมให้
กับค่ากินให้แต่ละเดือน แม่ก็ดีใจโล่งอก พี่เราก็มาทำงานกับแม่ที่ร้านจนเราปี2เราขอป๊าดัดฟัน เพราะเราไม่มั่นใจตัวเอง
ป๊าก็ยินดีจ่ายให้ทุกอย่าง ที่บ้านแม่ก็เหนื่อยกับที่ร้าน เพราะต้องดูแลคนเดียว พ่อพี่ว.ก็ป่วย จนวันนึงพ่อพี่ผช.ป่วยจนเข้ารพ.
อ้วกเป็นเลือด สุดท้ายแกเสีย แม่ก็จัดงานศพให้ อโหสิกรรมให้ทุกอย่าง เหลือแต่แม่พี่ว.แก อมทุกข์ทั้งวัน เพราะลุงแกไม่อยู่แล้ว
แกก็เครียด ร้องไห้ทุกวัน บ่นทุกวัน แต่แม่เราก็สบายใจ เพราะคิดว่าคงไม่มีหนี้ละ แค่ทำงานให้หนักขึ้น ค้าขายที่บ้านก็ขายกันต่อไป
แต่แม่เราสร้างข้อตกลงขอยึดกิจการให้แม่เราดูแลทั้งหมด จะได้ไม่ต้องมีหนี้ แม่เราจะได้รู้ความเคลื่อนไหว และจัดการเรื่องเงินแทน
พอเอาเข้าจริงๆ หนี้ยังมี และเยอะมากค่ะ พี่เราก็ทำเรื่องเรียนต่อไปเมืองนอก เพราะอยากหาเงินส่งกลับมาให้แม่ที่ไทย
ก็ไม่ได้ยุ่งกับที่บ้านเท่าไหร่ เหลือแค่เรากับแม่ที่กำลังวุ่นวายว่าเงินจะหาจากไหนมาจ่าย มีวันนึง แม่พี่ผช.เดินเข้ามาขอยืมเงินแม่5หมืน
แม่ตกใจ ว่าเอาไปทำไร กบอกจะเอาไปจ่ายหนี้ จ่ายค่าผ่อนรถ กับซื้อของเข้าบ้าน แม่ไม่ยอม ทะเลาะกันใหญ่โต แม่พี่ว.มากอดขา
ขอร้อง กราบเท้า ร้องไห้ฟูมฟาย ว่าแกไม่มีแล้ว เดี๋ยวเค้าจะมายึดบ้าน ยึดรถ แล้วก็หนี้นอกระบบจะมาทำร้าย !!!!!
..เดี่ยวมาต่อนะคะ เราเลิกงานแล้ว เดี๋ยวกลับบ้านก่อน..