ในที่สุดเลิฟก็ทำได้ จากบุนเดสเทรนเนอร์ที่ไม่มีบารมีหนุนหลังสู่เทรนเนอร์แชมเปี้ยนโลกและโคชยอดเยี่ยมของโลกปี 2014
เลิฟไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นนักบอล แม้เป็นโคชก็ลุ่มๆดอนๆ แม้จะเป็นผู้สร้างสามเหลี่ยมทองคำ เอล-บา-โบ ที่ดังก้องโลก แต่นอกนั้นเป็นเพียงแชมป์โพคาลและรองแชมป์ยูฟ่ากับทีมสตุทการ์ท แชมป์ตุรกีและแชมป์ออสเตรีย ท้ายสุดถูกปลดออกจากทีมลีกออสเตรียในปี 2004 และจากวันนั้นจุดหักเหของชีวิตเลิฟก็เริ่มขึ้น
เจอร์เกน คลินส์มันน์ถูกทาบทามให้เป็นทีมเชฟของทีมชาติเยอรมันในปี 2004 และคลินส์มันน์ได้ตัดสินใจเลือกโยอาคิม เลิฟเป็นผู้ช่วยโดยให้เหตุผลว่า เมื่อครั้งเคยเรียนคอร์สเทรนเนอร์ด้วยกัน เลิฟเป็นคนเดียวที่อธิบายคำถามเรื่องกองหลังแบบ 4 คนได้กระจ่าง (และสอบได้ที่ 1 อีกด้วย) ทำให้คลินส์มันน์ชื่นชมเลิฟมาก และยังชอบที่เลิฟรักเกมรุกอีกด้วย ดังนั้นเมื่อ 2 คนได้ร่วมงานกัน จึงปฎิวัติรูปแบบการเล่นของทีมชาติให้เป็นทีมรุก แม้จะมีขวากหนามมากมายแต่ทั้งสองคนก็กอดคอกันฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกัน คลินส์มันน์บอกว่า จริงๆแล้ว เลิฟเป็นผู้ฝึกเรื่อแทกติคทั้งหมด ท้ายสุดเมื่อเยอรมันได้แค่ที่ 3 ในบอลโลก 2006 ที่บ้านของตนเอง คลินส์มันน์ก็อำลาทีมชาติและบอกให้เดเอฟเบเลื่อนโยอาคิม เลิฟให้เป็นบุนเดสเทรนเนอร์แทน
เลิฟยังสานงานต่อด้วยเกมรุกเหมือนเดิม แต่เต็มไปด้วยขวากหนามทั้งจากเดเอฟเบเอง จากนักเตะที่พยายามคานอำนาจ จากสื่อและจากแฟนบอลที่ดูถูกเลิฟ อย่างไรก็ดี เลิฟพาทีมชาติเข้ารอบชิงชนะเลิศบอลยูโร 2008 ก่อนที่จะพ่ายต่อสเปนไปในที่สุด เลิฟพาทีมชาติเข้ารอบรองชนะเลิศบอลโลก 2010 และบอลยูโร 2012 แต่พ่ายแก่สเปนและอิตาลีตามลำดับ
ความผิดหวังอย่างรุนแรงจากบอลยูโร 2012 และคำสบประมาทที่ว่าเขาได้แต่สอนเกมรุก สอนบอลสวยงามแต่ไม่มีวันที่จะได้ตำแหน่ง ผลักดันให้เลิฟถอยห่างจากสังคมและแทบจะมีชีวิตอยู่เพื่อบอลโลก 2014 เพียงอย่างเดียวโดยมีเนียร์บัค ประธานเดเอฟเบคอยหนุนหลังอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
บอลโลก 2014 ที่บราซิลมีหลายคนเย้ยเลิฟว่าไม่มีทางได้แชมป์ ไหนจะเรื่องอาถรรพ์ทีมยุโรปที่ไม่มีวันชนะในอเมริกาใต้ ไหนจะอากาศที่ร้อนเกินร้อน ไหนจะการบาดเจ็บของนักเตะไม่ว่าจะเป็นกุนโดกัน ฝาแฝดเบนเดอร์ ไหนจะรอยส์ที่มาเจ็บเอานาทีสุดท้าย และไหนจะนักเตะทีเลิฟหนีบไปทั้งที่ไม่สมบูรณ์เต็มที่ไม่ว่าจะเป็นโคลเซ่ ชไวนี่ ลาห์มและเคดีร่า รวมกับการที่เลิฟขนเอานักเตะอายุน้อยไร้ประสบการณ์ไปมากมาย หลายคนเตรียมหัวเราะเยาะ แต่เลิฟกลับหล่อหลอมนักเตะทั้ง 23 คนให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ทีมชาติเยอรมัน เลิฟแบ่งงานให้ชไวนี่ เคดีร่า และโคลเซ่อย่างค่อยเป็นค่อยไป เลิฟเคารพความเห็นนักเตะทุกคน เลิฟเคารพความเห็นของฮันซี่ ฟลิคผู้ช่วย เลิฟฟังทุกคนและปรึกษากับที่ปรึกษานักเตะ 5 คนก่อนที่จะตัดสินใจเลือกให้ใครลงแข่ง ชไวนี่บอกว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เลิฟทำให้นักเตะทั้ง 23 คนพึงพอใจไม่ว่าจะได้ลงเล่นหรือเป็นเพียงตัวสำรอง เลิฟปรับเปลี่ยนแผนการเล่นในบอลโลกทุกเกมให้เข้ากับคู่ต่อสู้ โคชบางคนบอกว่าเยอรมันเป็นเพียงชาติเดียวที่เปลี่ยนแผนการเล่นในบอลโลกตลอดเวลา และในที่สุดเลิฟก็พาทีมชาติเยอรมันเป็นแชมป์โลกและสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกในยุโรปที่ชนะบนแผ่นดินอเมริกาใต้ เป็นชาติแรกที่ชนะถล่มทลายในรอบรองชนะเลิศถึง 7-1 ฯลฯ
เลิฟกล่าวหลังรับถ้วยรางวัลว่า "ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากและมีความสุขที่ได้รับรางวัลนี้ คนที่รู้จักผมย่อมรู้ว่า ผมไม่ได้เห็นว่ารางวัลนี้เป็นของผม แต่ผมเป็นเพียงตัวแทนของผู้ที่สมควรได้รับรางวัล คือรางวัลของเดเอฟเบที่วางรากฐานการสร้างเยาวชนมานานนับสิบปีและของทีมงานทุกคน ผมจะไม่มีทางมาถึงจุดสูงสุดได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากบรรดาโคชเยาวชนทุกทีม จากโคชบุนเดสลีกาทุกคนที่ให้ความสนับสนุนและความร่วมมือเป็นอย่างดี ผมขอขอบคุณเนียร์สบัคอย่างสูงที่ให้ความไว้วางใจต่อผมตลอดมา ขอบคุณฮันซี่ ฟลิค อดีตผู้ช่วยที่เป็นที่ปรึกษาที่มีค่าในทุกด้าน ขอบคุณเจอร์เกนส์ คลินส์มันน์ ขอบคุณเคิปเค่และเบียร์โฮฟ ขอบคุณผู้อยู่เบื้องหลังทีมชาติทุกคน ขอบคุณโคชบุนเดสลีกาทุกคน และท้ายสุดผมขอบคุณเพื่อนร่วมอาชีพเทรนเนอร์ทั่วโลกทุกคนที่ฝึกฝนลูกทีมให้สานต่อกีฬาฟุตบอลเพื่อมอบความสุขให้แก่แฟนบอลทั่วโลก"
เลิฟยังกล่าวขอบคุณโคชอีก 2 คนที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารอบ 3 คนสุดท้ายด้วยและบอกว่าทั้ง 2 คนก็คู่ควรกับรางวัลนี้เช่นกัน
ท้ายสุดเลิฟบอกว่า "โคชจะประสบความสำเร็จได้อย่างไรหากไม่มีทีมยอดเยี่ยมที่นักเตะช่วยกันดึงช่วยกันลากเพื่อสร้างผลงาน พวกคุณเป็นนักเตะระดับโลกจริงๆ มันเป็นของขวัญล้ำค่าที่ผมได้มีโอกาสร่วมงานกับพวกคุณ ซึ่ง 3 คนก็มาร่วมงานในวันนี้ด้วย ผมขอขอบคุณลาห์ม โครสและนอยเออร์ และขอขอบคุณนักเตะอีก 20 คนที่ไม่ได้มาในงาน ขอบคุณทุกคนที่ทำให้ผมได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้"
ขอขอบคุณโยอาคิม เลิฟผู้นำความสุขกลับมาให้คนเยอรมันทั้งแผ่นดินหลังจากรอคอยมานานถึง 24 ปี
ป.ล. มาอ่านแล้วเมนท์กันคำสองคำให้หายคิดถึงแฟนบอลเยอรมันมั่งนะ
ป.ล. 2 เลิฟขอบคุณแฟนบอล
ขอบคุณมากสำหรับการเป็นแฟนบอลที่เหนียวแน่นมาตลอดในช่วงหลายเดือนหลายปีที่ผ่านมา ความสำเร็จของทีมเราในบราซิลก็คือความสำเร็จของท่านด้วยเช่นกัน ท่านสนับสนุนและให้กำลังใจเราอย่างสุดวิเศษ ความไว้วางใจของท่านทำให้เราเกิดพลังและความมั่นใจ ผมมีความสุขเสมอที่เห็นท่านร่วมทางเดินไปกับเราด้วยความศรัธา ท่านเป็นแฟนบอลที่วิเศษสุด รางวัลโคชยอดเยี่ยมไม่ใช่รางวัลสำหรับผมคนเดียว แต่เป็นรางวัลสำหรับทุกท่านเช่นกัน ผมเชื่อว่าความสำเร็จทั้งปวงและตำแหน่งแชมป์นั้นต้องเป็นผลงานจากการร่วมงานของทุกฝ่าย
ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงและเห็นว่ารางวัลนี้คือการยอมรับในผลงานของผม ผมมีความสุขที่ได้ยืนอยู่ในจุดเดียวกับโคชที่ยิ่งใหญ่อย่างมูรินโญ วินเซนท์ เด บอสเก และจุ๊ปป์ ไฮน์เกส ผมขอบคุณทุกท่านที่ลงคะแนนให้ผม
จากใจจริง
โยอาคิม เลิฟ
โยอาคิม เลิฟ โคชยอดเยี่ยมของโลก..คำขอบคุณต่อทุกคนที่แสนจับใจ
เลิฟไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นนักบอล แม้เป็นโคชก็ลุ่มๆดอนๆ แม้จะเป็นผู้สร้างสามเหลี่ยมทองคำ เอล-บา-โบ ที่ดังก้องโลก แต่นอกนั้นเป็นเพียงแชมป์โพคาลและรองแชมป์ยูฟ่ากับทีมสตุทการ์ท แชมป์ตุรกีและแชมป์ออสเตรีย ท้ายสุดถูกปลดออกจากทีมลีกออสเตรียในปี 2004 และจากวันนั้นจุดหักเหของชีวิตเลิฟก็เริ่มขึ้น
เจอร์เกน คลินส์มันน์ถูกทาบทามให้เป็นทีมเชฟของทีมชาติเยอรมันในปี 2004 และคลินส์มันน์ได้ตัดสินใจเลือกโยอาคิม เลิฟเป็นผู้ช่วยโดยให้เหตุผลว่า เมื่อครั้งเคยเรียนคอร์สเทรนเนอร์ด้วยกัน เลิฟเป็นคนเดียวที่อธิบายคำถามเรื่องกองหลังแบบ 4 คนได้กระจ่าง (และสอบได้ที่ 1 อีกด้วย) ทำให้คลินส์มันน์ชื่นชมเลิฟมาก และยังชอบที่เลิฟรักเกมรุกอีกด้วย ดังนั้นเมื่อ 2 คนได้ร่วมงานกัน จึงปฎิวัติรูปแบบการเล่นของทีมชาติให้เป็นทีมรุก แม้จะมีขวากหนามมากมายแต่ทั้งสองคนก็กอดคอกันฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกัน คลินส์มันน์บอกว่า จริงๆแล้ว เลิฟเป็นผู้ฝึกเรื่อแทกติคทั้งหมด ท้ายสุดเมื่อเยอรมันได้แค่ที่ 3 ในบอลโลก 2006 ที่บ้านของตนเอง คลินส์มันน์ก็อำลาทีมชาติและบอกให้เดเอฟเบเลื่อนโยอาคิม เลิฟให้เป็นบุนเดสเทรนเนอร์แทน
เลิฟยังสานงานต่อด้วยเกมรุกเหมือนเดิม แต่เต็มไปด้วยขวากหนามทั้งจากเดเอฟเบเอง จากนักเตะที่พยายามคานอำนาจ จากสื่อและจากแฟนบอลที่ดูถูกเลิฟ อย่างไรก็ดี เลิฟพาทีมชาติเข้ารอบชิงชนะเลิศบอลยูโร 2008 ก่อนที่จะพ่ายต่อสเปนไปในที่สุด เลิฟพาทีมชาติเข้ารอบรองชนะเลิศบอลโลก 2010 และบอลยูโร 2012 แต่พ่ายแก่สเปนและอิตาลีตามลำดับ
ความผิดหวังอย่างรุนแรงจากบอลยูโร 2012 และคำสบประมาทที่ว่าเขาได้แต่สอนเกมรุก สอนบอลสวยงามแต่ไม่มีวันที่จะได้ตำแหน่ง ผลักดันให้เลิฟถอยห่างจากสังคมและแทบจะมีชีวิตอยู่เพื่อบอลโลก 2014 เพียงอย่างเดียวโดยมีเนียร์บัค ประธานเดเอฟเบคอยหนุนหลังอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
บอลโลก 2014 ที่บราซิลมีหลายคนเย้ยเลิฟว่าไม่มีทางได้แชมป์ ไหนจะเรื่องอาถรรพ์ทีมยุโรปที่ไม่มีวันชนะในอเมริกาใต้ ไหนจะอากาศที่ร้อนเกินร้อน ไหนจะการบาดเจ็บของนักเตะไม่ว่าจะเป็นกุนโดกัน ฝาแฝดเบนเดอร์ ไหนจะรอยส์ที่มาเจ็บเอานาทีสุดท้าย และไหนจะนักเตะทีเลิฟหนีบไปทั้งที่ไม่สมบูรณ์เต็มที่ไม่ว่าจะเป็นโคลเซ่ ชไวนี่ ลาห์มและเคดีร่า รวมกับการที่เลิฟขนเอานักเตะอายุน้อยไร้ประสบการณ์ไปมากมาย หลายคนเตรียมหัวเราะเยาะ แต่เลิฟกลับหล่อหลอมนักเตะทั้ง 23 คนให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ทีมชาติเยอรมัน เลิฟแบ่งงานให้ชไวนี่ เคดีร่า และโคลเซ่อย่างค่อยเป็นค่อยไป เลิฟเคารพความเห็นนักเตะทุกคน เลิฟเคารพความเห็นของฮันซี่ ฟลิคผู้ช่วย เลิฟฟังทุกคนและปรึกษากับที่ปรึกษานักเตะ 5 คนก่อนที่จะตัดสินใจเลือกให้ใครลงแข่ง ชไวนี่บอกว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เลิฟทำให้นักเตะทั้ง 23 คนพึงพอใจไม่ว่าจะได้ลงเล่นหรือเป็นเพียงตัวสำรอง เลิฟปรับเปลี่ยนแผนการเล่นในบอลโลกทุกเกมให้เข้ากับคู่ต่อสู้ โคชบางคนบอกว่าเยอรมันเป็นเพียงชาติเดียวที่เปลี่ยนแผนการเล่นในบอลโลกตลอดเวลา และในที่สุดเลิฟก็พาทีมชาติเยอรมันเป็นแชมป์โลกและสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกในยุโรปที่ชนะบนแผ่นดินอเมริกาใต้ เป็นชาติแรกที่ชนะถล่มทลายในรอบรองชนะเลิศถึง 7-1 ฯลฯ
เลิฟกล่าวหลังรับถ้วยรางวัลว่า "ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากและมีความสุขที่ได้รับรางวัลนี้ คนที่รู้จักผมย่อมรู้ว่า ผมไม่ได้เห็นว่ารางวัลนี้เป็นของผม แต่ผมเป็นเพียงตัวแทนของผู้ที่สมควรได้รับรางวัล คือรางวัลของเดเอฟเบที่วางรากฐานการสร้างเยาวชนมานานนับสิบปีและของทีมงานทุกคน ผมจะไม่มีทางมาถึงจุดสูงสุดได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากบรรดาโคชเยาวชนทุกทีม จากโคชบุนเดสลีกาทุกคนที่ให้ความสนับสนุนและความร่วมมือเป็นอย่างดี ผมขอขอบคุณเนียร์สบัคอย่างสูงที่ให้ความไว้วางใจต่อผมตลอดมา ขอบคุณฮันซี่ ฟลิค อดีตผู้ช่วยที่เป็นที่ปรึกษาที่มีค่าในทุกด้าน ขอบคุณเจอร์เกนส์ คลินส์มันน์ ขอบคุณเคิปเค่และเบียร์โฮฟ ขอบคุณผู้อยู่เบื้องหลังทีมชาติทุกคน ขอบคุณโคชบุนเดสลีกาทุกคน และท้ายสุดผมขอบคุณเพื่อนร่วมอาชีพเทรนเนอร์ทั่วโลกทุกคนที่ฝึกฝนลูกทีมให้สานต่อกีฬาฟุตบอลเพื่อมอบความสุขให้แก่แฟนบอลทั่วโลก"
เลิฟยังกล่าวขอบคุณโคชอีก 2 คนที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารอบ 3 คนสุดท้ายด้วยและบอกว่าทั้ง 2 คนก็คู่ควรกับรางวัลนี้เช่นกัน
ท้ายสุดเลิฟบอกว่า "โคชจะประสบความสำเร็จได้อย่างไรหากไม่มีทีมยอดเยี่ยมที่นักเตะช่วยกันดึงช่วยกันลากเพื่อสร้างผลงาน พวกคุณเป็นนักเตะระดับโลกจริงๆ มันเป็นของขวัญล้ำค่าที่ผมได้มีโอกาสร่วมงานกับพวกคุณ ซึ่ง 3 คนก็มาร่วมงานในวันนี้ด้วย ผมขอขอบคุณลาห์ม โครสและนอยเออร์ และขอขอบคุณนักเตะอีก 20 คนที่ไม่ได้มาในงาน ขอบคุณทุกคนที่ทำให้ผมได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้"
ขอขอบคุณโยอาคิม เลิฟผู้นำความสุขกลับมาให้คนเยอรมันทั้งแผ่นดินหลังจากรอคอยมานานถึง 24 ปี
ป.ล. มาอ่านแล้วเมนท์กันคำสองคำให้หายคิดถึงแฟนบอลเยอรมันมั่งนะ
ป.ล. 2 เลิฟขอบคุณแฟนบอล
ขอบคุณมากสำหรับการเป็นแฟนบอลที่เหนียวแน่นมาตลอดในช่วงหลายเดือนหลายปีที่ผ่านมา ความสำเร็จของทีมเราในบราซิลก็คือความสำเร็จของท่านด้วยเช่นกัน ท่านสนับสนุนและให้กำลังใจเราอย่างสุดวิเศษ ความไว้วางใจของท่านทำให้เราเกิดพลังและความมั่นใจ ผมมีความสุขเสมอที่เห็นท่านร่วมทางเดินไปกับเราด้วยความศรัธา ท่านเป็นแฟนบอลที่วิเศษสุด รางวัลโคชยอดเยี่ยมไม่ใช่รางวัลสำหรับผมคนเดียว แต่เป็นรางวัลสำหรับทุกท่านเช่นกัน ผมเชื่อว่าความสำเร็จทั้งปวงและตำแหน่งแชมป์นั้นต้องเป็นผลงานจากการร่วมงานของทุกฝ่าย
ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงและเห็นว่ารางวัลนี้คือการยอมรับในผลงานของผม ผมมีความสุขที่ได้ยืนอยู่ในจุดเดียวกับโคชที่ยิ่งใหญ่อย่างมูรินโญ วินเซนท์ เด บอสเก และจุ๊ปป์ ไฮน์เกส ผมขอบคุณทุกท่านที่ลงคะแนนให้ผม
จากใจจริง
โยอาคิม เลิฟ