จากกระทู้นี้
http://ppantip.com/topic/33092175 เห็นเพื่อนแชร์ไปที่เฟซบุ๊คกันเยอะ หลายคนมองว่า การมีอะไรกับคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนเป็นเรื่องเลวร้าย เป็นการมั่ว นอกใจ ซึ่งผมเอง ตอนนี้อายุ 30 ปีแล้ว ผ่านความรักมีแฟนมาเยอะแยะตั้งแต่อายุแค่ 14 ปี
ที่ต้องเล่าให้ฟังก็เพราะว่า สิ่งหนึ่งที่เพื่อนในเฟซที่แชร์ไป และจากประสบการณ์พูดคุยกับเพื่อนๆ ที่มีปัญหาหลายๆ คน มักจะติดตรงทัศนคติที่คิดว่า ตัวเองหรืออีกฝ่ายเป็นชายหรือหญิง มีบทบาทผัวเมีย ฉันเมียนะ เธอผัว ทรีทฉันแบบชะนีสิ ประมาณนี้เกือบทุกรายเลย
ผมเอง คบกับแฟนมาปีกว่าๆ มันอาจไม่ได้พิสูจน์นะครับว่ารักแท้ ยาวนาน ยืนยาวขนาดนั้น แต่มันมีความเข้าใจต่อกันบางอย่างเกิดขึ้น
ผมเริ่มคบแฟนคนนี้ตอนเดือนกันยาปี 2013 มาจนกระทั่ง มิถุนา 2014 เราเริ่มมีอะไรกันน้อยลงจนไม่มีเลย แฟนผมอยู่กับผมที่บ้านครับ ช่วยกันขายของ คนที่บ้านไม่ชอบ แต่ผมก็ปกป้องเขาไว้ ถ้าไม่ให้เขาอยู่ ผมก็จะไป ทุกวันนี้ยังไม่มีเลยที่จะชวนกันไปมีอะไรกัน มันเหนื่อย ฮะ แต่ เมื่อคืน แฟนก็เอาเจลลดไข้มาติดให้ กอดหอมบอกผมว่าฝันดี นอนเบียดผมจนจะตกเตียงเหมือนทุกวัน
คำถามต่อเพื่อนเกย์หลายคนก็คือ ทำไม พวกคุณต้องเอาทัศนคติความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอีกกฝ่ายมาใช้ การเอาความวัฒนธรรมชีวิตคู่แบบ ชาย/หญิง มาใช้กับคู่เกย์มันไม่ใช่เท่าไหร่
เราไม่ได้คบกันเพื่อสืบพันธ์ เราไม่ได้เลือกคู่จากสัญชาตญาณว่า DNA ของคนนี้ดี น่าจับทำผัวทำเมียส่งต่อสารพันธุกรรมไป
ตั้งสติ ตรึกตรองดีๆ ว่า การพยายามมีชีวิตคู่ของเกย์คืออะไร เราไม่ใช่ผู้ชายหรือผู้หญิง
ทุกวันนี้ดึกๆ แฟนผมบอก ขอไปดูหนัง ผมต้องเฝ้าอาม่าไปไหนไม่ได้ ก็ให้เค้าไป แอบอ่านไลน์ มีนัดเด็ก นัดอะไร ผมก็ไม่ว่าอะไร เค้าหันมายิ้มแห้งๆ เดินเข้ามากอดผมถามว่าโกรธมั้ย ผมก็หัวเราะบอกว่า รักคุณมากกว่าที่จะโกรธเรื่องนี้
คนที่เค้ามีไรด้วยแค่สนุก ไม่ได้ในสิ่งที่ผมได้ คือ ความรัก การดูแล จริงๆ จากใจ จะไปโกรธเค้าทำไมก็ไม่รู้ครับ
ที่ผมออกมาพูดเรื่องนี้เพราะเคยพูดกับเพื่อนหลายคนไว้นานมาก ตั้งแต่อายุ 20 แล้วว่า เราต้องรู้ตัวเองเสมอว่า เราไม่ใช่เพศชายหญิง การถูกหลอมรวมให้มีทัศนคติแบบ โมโนกามี่ เพื่อสืบพันธ์มันไม่ใช่เรื่องถูกต้องเลย พวกเราไม่ต้องมาระวังเรื่องท้องไม่ท้อง เมื่อเราพร้อม เราสามารถเลือกจะมีชีวิตคู่มีลูกบุญธรรมได้ ในระหว่างนั้น เราต้องตัดอารมณ์หึงหวงออกไปกันก่อน (แต่ก็ขึ้นกับนิสัย ขี้โกหกหลอกลวง แย่ๆ ของอีกฝ่ายนะ)
ทัศนคติ ฝ่ายรับเป็นหญิง ฝ่ายรุกเป็นชาย ต้องตัดออกไป
การให้ค่า "ไบเซ็กส์ช่วล" นี่ก็ยังไม่หายไปสักที จนมันเกิดเพศ "ไบรับแมนๆ" ขึ้นมา เพื่ออัพราคาในการหาคู่ (มีมาตั้งแต่สมัย PIRCH98 แหม่นัดมาแล้วคิ้วโก่งเป็นคันธนูเลยค่ะ ไบแมนๆ)
เราชอบมีเซ็กส์กับเกย์ล่ำๆ แมนๆ นั่นเราชอบ แต่แฟนเรา ไม่จำกัดว่าสาวหรือแมน พอมาคบกัน สิ่งสำคัญคือมันเข้าใจกันหรือเปล่า
อย่างคลิป เกย์สาวสองคนตบกัน ไม่รู้ใครผัวใครเมีย มีหลายคนสงสัยว่าคบกันยังไง อย่าแปลกใจฮะ
เรามีแฟนมาหลายคน บางคนตorแหล บางคนเจ้าชู้ บางคนแอบเป็น บางคนมีแฟนเป็นผู้หญิง บางทีคบซ้อน ทุกอย่างมันผ่านการเรียนรู้มาหมด จนเลิกคาดหวัง ไม่ได้เลิกเพราะท้อ แต่เพราะเราให้เวลาตัวเองในการทำความเข้าใจถึงเป้าหมายการมีชีวิต
ชีวิตคู่เกย์ ต้องตัดเอาความเป็นชายหญิงออกไป ถ้ายังดึงดันคิดว่าตัวเองมีจิ๋มมีนม พยายามผูกมัดอีกฝ่ายด้วยบทบาทที่เค้าไม่ใช่
สุดท้ายก็ล่ม ก็คร่ำครวญ "ไม่มีรักแท้ในหมู่เกย์"
มันมี มันมี มันมี ยืนยันว่ามันมี
จากกระทู้ ที่มีคู่เกย์ อยู่กันมา 30 ปี ผมอยากบอกว่า....
ที่ต้องเล่าให้ฟังก็เพราะว่า สิ่งหนึ่งที่เพื่อนในเฟซที่แชร์ไป และจากประสบการณ์พูดคุยกับเพื่อนๆ ที่มีปัญหาหลายๆ คน มักจะติดตรงทัศนคติที่คิดว่า ตัวเองหรืออีกฝ่ายเป็นชายหรือหญิง มีบทบาทผัวเมีย ฉันเมียนะ เธอผัว ทรีทฉันแบบชะนีสิ ประมาณนี้เกือบทุกรายเลย
ผมเอง คบกับแฟนมาปีกว่าๆ มันอาจไม่ได้พิสูจน์นะครับว่ารักแท้ ยาวนาน ยืนยาวขนาดนั้น แต่มันมีความเข้าใจต่อกันบางอย่างเกิดขึ้น
ผมเริ่มคบแฟนคนนี้ตอนเดือนกันยาปี 2013 มาจนกระทั่ง มิถุนา 2014 เราเริ่มมีอะไรกันน้อยลงจนไม่มีเลย แฟนผมอยู่กับผมที่บ้านครับ ช่วยกันขายของ คนที่บ้านไม่ชอบ แต่ผมก็ปกป้องเขาไว้ ถ้าไม่ให้เขาอยู่ ผมก็จะไป ทุกวันนี้ยังไม่มีเลยที่จะชวนกันไปมีอะไรกัน มันเหนื่อย ฮะ แต่ เมื่อคืน แฟนก็เอาเจลลดไข้มาติดให้ กอดหอมบอกผมว่าฝันดี นอนเบียดผมจนจะตกเตียงเหมือนทุกวัน
คำถามต่อเพื่อนเกย์หลายคนก็คือ ทำไม พวกคุณต้องเอาทัศนคติความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอีกกฝ่ายมาใช้ การเอาความวัฒนธรรมชีวิตคู่แบบ ชาย/หญิง มาใช้กับคู่เกย์มันไม่ใช่เท่าไหร่
เราไม่ได้คบกันเพื่อสืบพันธ์ เราไม่ได้เลือกคู่จากสัญชาตญาณว่า DNA ของคนนี้ดี น่าจับทำผัวทำเมียส่งต่อสารพันธุกรรมไป
ตั้งสติ ตรึกตรองดีๆ ว่า การพยายามมีชีวิตคู่ของเกย์คืออะไร เราไม่ใช่ผู้ชายหรือผู้หญิง
ทุกวันนี้ดึกๆ แฟนผมบอก ขอไปดูหนัง ผมต้องเฝ้าอาม่าไปไหนไม่ได้ ก็ให้เค้าไป แอบอ่านไลน์ มีนัดเด็ก นัดอะไร ผมก็ไม่ว่าอะไร เค้าหันมายิ้มแห้งๆ เดินเข้ามากอดผมถามว่าโกรธมั้ย ผมก็หัวเราะบอกว่า รักคุณมากกว่าที่จะโกรธเรื่องนี้
คนที่เค้ามีไรด้วยแค่สนุก ไม่ได้ในสิ่งที่ผมได้ คือ ความรัก การดูแล จริงๆ จากใจ จะไปโกรธเค้าทำไมก็ไม่รู้ครับ
ที่ผมออกมาพูดเรื่องนี้เพราะเคยพูดกับเพื่อนหลายคนไว้นานมาก ตั้งแต่อายุ 20 แล้วว่า เราต้องรู้ตัวเองเสมอว่า เราไม่ใช่เพศชายหญิง การถูกหลอมรวมให้มีทัศนคติแบบ โมโนกามี่ เพื่อสืบพันธ์มันไม่ใช่เรื่องถูกต้องเลย พวกเราไม่ต้องมาระวังเรื่องท้องไม่ท้อง เมื่อเราพร้อม เราสามารถเลือกจะมีชีวิตคู่มีลูกบุญธรรมได้ ในระหว่างนั้น เราต้องตัดอารมณ์หึงหวงออกไปกันก่อน (แต่ก็ขึ้นกับนิสัย ขี้โกหกหลอกลวง แย่ๆ ของอีกฝ่ายนะ)
ทัศนคติ ฝ่ายรับเป็นหญิง ฝ่ายรุกเป็นชาย ต้องตัดออกไป
การให้ค่า "ไบเซ็กส์ช่วล" นี่ก็ยังไม่หายไปสักที จนมันเกิดเพศ "ไบรับแมนๆ" ขึ้นมา เพื่ออัพราคาในการหาคู่ (มีมาตั้งแต่สมัย PIRCH98 แหม่นัดมาแล้วคิ้วโก่งเป็นคันธนูเลยค่ะ ไบแมนๆ)
เราชอบมีเซ็กส์กับเกย์ล่ำๆ แมนๆ นั่นเราชอบ แต่แฟนเรา ไม่จำกัดว่าสาวหรือแมน พอมาคบกัน สิ่งสำคัญคือมันเข้าใจกันหรือเปล่า
อย่างคลิป เกย์สาวสองคนตบกัน ไม่รู้ใครผัวใครเมีย มีหลายคนสงสัยว่าคบกันยังไง อย่าแปลกใจฮะ
เรามีแฟนมาหลายคน บางคนตorแหล บางคนเจ้าชู้ บางคนแอบเป็น บางคนมีแฟนเป็นผู้หญิง บางทีคบซ้อน ทุกอย่างมันผ่านการเรียนรู้มาหมด จนเลิกคาดหวัง ไม่ได้เลิกเพราะท้อ แต่เพราะเราให้เวลาตัวเองในการทำความเข้าใจถึงเป้าหมายการมีชีวิต
ชีวิตคู่เกย์ ต้องตัดเอาความเป็นชายหญิงออกไป ถ้ายังดึงดันคิดว่าตัวเองมีจิ๋มมีนม พยายามผูกมัดอีกฝ่ายด้วยบทบาทที่เค้าไม่ใช่
สุดท้ายก็ล่ม ก็คร่ำครวญ "ไม่มีรักแท้ในหมู่เกย์"
มันมี มันมี มันมี ยืนยันว่ามันมี