เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาค่ะ
เราพาลูกสาวตัวน้อยขับรถไปเที่ยวดาษดาแกลลอรี่(กระทู้ที่ผ่านมา)
ก่อนไปลูกสาวเราปกติที่ทุกอย่างค่ะ  ระหว่างทางเค้าก็ไม่มีอาการ
กระโดดไปมาเบาะหน้าเบาะหลังตามปกติ
จนไปเกือบถึงตัวเมืองนครนายก จู่ๆ เราก็ได้ยินเสียงเค้าสะบัดหัว และมีเสียงคราง
เรารีบจอดรถ แล้วหันไปดูเค้า ปรากฎว่าลูกสาวเรายืนคอเอียง(เหมือนคนคอเคล็ด)
และที่ร้องครางเพราะพยายามจะโดดมาหาเราแต่กระโดดไม่ได้
เราตกใจมากเลยตัดสินใจขับรถเข้าตัวเมืองเพื่อหาคลีนิคสัตวแพทย์ใกล้ๆ
จนพบคลีนิคนี้ (ไม่ได้ถ่ายรูปหน้าร้านมานะคะ)




คุณหมอสอบถามอาการเบื้องต้น เราก็อธิบายพร้อมย้ำว่าเค้าเพิ่งมีอาการ
คุณหมอให้ลูกสาวเรารอบนโต๊ะตรวจ ซักพักก็เอาเครื่องส่องเข้าไปในหู
แล้วบอกว่าลูกเราเป็นยีสต์ในช่องหู และอาจจะลามมาที่เท้าแล้ว
ต้องใช้ยาหยดต้นคอ และต้องหยอดยาในหู สุดท้ายคือต้องเลิกใช้แชมพูอาบน้ำปกติ
และต้องใช้แชมพูยาเท่านั้น

เราตกใจสุดๆ คือคุณหมอพูดเหมือนลูกเราเริ่มจะเป็นเรื้อนแล้ว ณ ตอนนั้น ยาอะไร
ต้องใช้แขมพูตัวไหน เราไม่สนแล้ว เอาหมด

ในรูปคือยาที่คุณหมอจ่ายมาและใบรายการค่าใช้จ่ายค่ะ

พอคุณหมอหยดยาที่ต้นคอ และหยอดหูลูกสาวเราซักพักอาการเค้าก็ปกติค่ะ
คืนนั้นกลับถึงบ้านประมาณ 22.00 น คลีนิคประจำลูกสาวก็ปิดแล้วต้องรอวันรุ่งขึ้น
คืนนั้น เราลองเสิร์จหาข้อมูลก็ยิ่งเครียด นี่ลูกเราจะเป็นเรื้อนมั้ย
ตัวลูกสาวเราหลับปุ๋ยไม่สะบัดหัวอีกเลย เราเลยยิ่งแน่ใจ

พอเช้าเราโทรหาคุณหมอประจำของลูกสาวให้เปิดคลีนิคเร็วหน่อยเราร้อนใจ
พอไปถึงพบคุณหมอประจำ เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พร้อมทั้งเอายาทั้งหมดให้คุณหมอดู
คุณหมอประจำบอกว่า ยาหยดต้นคอที่คุณหมอที่นครนายกจ่ายมาเป็นยากำจัดไร
ซึ่งมีอยู่แล้วในวัคซีนที่ลูกเราฉีดเดือนเว้นเดือน ถ้าหยดตัวนี้มาแล้วก็ให้เว้นการฉีดวัคซีนไปอีกเดือนนึง

แล้วคุณหมอก็ตรวจเนื้อเยื่อในหู ขูดผิวตรงซอกเล็บ และผิวตรงจมูกที่ลูกสาวเราเกาไปตรวจ



ผลตรวจออกมาว่าลูกสาวเรามีรอยชื้นในช่องหู อาจเกิดจากตอนที่อาบน้ำแล้วมีน้ำเข้าหู
แล้วเช็ดไม่แห้ง ไม่พบเชื้อโรคเรื้อน ไร หรือยีสต์ใดๆ ทั้งสิ้น
เราจ่ายค่าตรวจให้คุณหมอประจำไป 50 บาท

ทั้งหมดที่เล่ามา เราอยากแชร์ประสบการณ์ และอยากถามความเห็นสมาชิกที่แวะมาอ่าน
คลีนิคสัตวแพทย์เดี๋ยวนี้ฉวยโอกาสกับความเจ็บป่วยของน้องหมาได้แบบนี้เลยเหรอคะ