1.ความสำเร็จเสร็จตรงไหน
สิ่งสำคัญที่สุดว่าคุณทำทีมได้ดีหรือไม่ ไม่ใช่สไตล์ที่สวยงาม ไม่ได้นับว่ายิงประตูได้เยอะหรือไม่ หรือเสียประตูน้อยเท่าไร ไม่แพ้ใครมาตลอดทั้งฤดูกาลหรือเปล่า มันสำคัญที่ว่าเมื่อจบฤดูกาล คุณได้แชมป์หรือไม่ได้แชมป์? แค่นั้น‼
แชมป์พรีเมียร์ลีคครั้งสุดท้ายต้องย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล03-04 และFAcupเมื่อฤดูกาลที่แล้ว กับความว่างเปล่าราวๆ8ปี บ่งบอกนี่คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกแล้วสำหรับเวงเกอร์
แม้เวงเกอร์จะพยายามบอกกับแฟนบอลว่าตัวเค้านั้นมีความจงรักภักดี มีทีมมากมายติดต่อให้ไปคุม แต่เชื่อผมเถอะครับ ระดับเวงเกอร์ไปอยู่กับทีมระดับ บาร์ซ่า รีลมาดริด อย่าว่าแต่8ปีเลยครับ ว่าว2ปีก็ก็เจอความกดดันถีบกระเด็นตกจากเก้าอี้หายไปไหนต่อไหนแล้ว
เพิ่มเติมให้ว่าตอนนี้เวงเกอร์เป็นผู้จัดการทีมที่รับค่าเหนื่อยเป็นอันดับ4ของโลก(อาร์แซน เวนเกอร์ / อาร์เซน่อล / 6.889 ล้านปอนด์ต่อปี) ได้มากกว่าอันเชลอตติที่พึ่งคว้าแชมปUCLไปเมื่อปีที่แล้วเสียอีก งานสบาย รายได้ดีและปลอดภัยจริงๆ
นักเตะที่ย้ายออกไปต่างคว้าแชมป์มากมาย ที่ชัดเจนที่สุดคือแอชลีย์ โคล ผู้ที่ทำให้เชลซีแซงอาร์เซนอลกลายเป็นเบอร์หนึ่งของลอนดอนไป เรียบร้อยแล้ว คว้าได้แม้กระทั่งถ้วยแชมป์เปี้ยนลีค ที่เวงเกอร์ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดฝันถึงด้วยซ้ำไป
2.ความทะเยอทะยานมีกับเค้าบ้างไหม
ทีมไม่ได้ผิดอะไรมากมายที่ได้ที่4 เพราะมีทีมระดับกลางตารางมากมายที่ลุ้นขอไปเล่นฟุตบอลยุโรปก็พอ แต่ผิดที่เวงเกอร์ใช้มันเป็นโล่ในการปกป้องตัวเองเสมอมา(และคาดว่าจะใช้ตลอดไป)
เมื่อครั้งที่เวงเกอร์ต้องเข้าตอบคำถามของผู้ถือหุ้นเมื่อ2ปีที่แล้ว ถ้อยคำที่เวงเกอร์คิดค้นขึ้นมาเป็นคำที่เดอะ กันเนอร์ทุกๆคนจะไม่มีวันลืมเลือนและต้องจดจำไว้เป็นความรู้ไปตลอดกาลว่า
“การไปUCLเปรียบเสมือนการได้ถ้วยรางวัล”
แม้กระทั่งการเฉลิมฉลองราวกับได้แชมป์ที่ได้ไปUCL ถึงขั้นทำให้นักเตะเก่าอย่างเฟรดริก ลุงเบิร์ก ออกมาเหน็บไว้ว่ารับไม่ได้กับอาการขี้แพ้แบบนี้ ถึงแม้ในภายหลังจะมีการแก้ต่างว่า เพราะได้อันดับเหนือกว่าสเปอร์ก็ตามแต่
และล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ เดวิด ดีนเพื่อนรัก ก็ได้แสดงความเห็นที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นเวงเกอร์ที่ชัดเจนที่สุด ด้วยการต่อว่าพวกที่ขับไล่เวงเกอร์ว่าเป็นพวกโง่ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย เราประสบความสำเร็จด้วยการ เอ่อ ด้วยการ เอ่อ เข้าถึงรอบ16ทีมสุดท้ายในแชมป์เปี้ยน ลีค 15ครั้งใน16ครั้งหลังสุด
พี่ไม่คิดจะทำให้ดีไปกว่านี้แล้วเหรอครับ แบบว่าคว้าแชมป์หรือผ่านบาเยิร์นมิวนิค หรือบาร์เซโลน่า และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้ารอบสักครั้งหนึ่งในชีวิตอะครับ
3.ความประมาทและอีโก้เป็นหนทางของการพลาดแชมป์
หากใครจำกันได้ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา อาร์เซนอลขึ้นนำจ่าฝูงถึงครึ่งฤดูกาล โดยที่ปัญหาในครึ่งฤดูกาลแรกที่เห็นเพียงอย่างเดียว คือความอ่อนหัด คลาสไม่ถึงของชิรูด์ คือพอถึงเวลาที่ต้องการประตูเข้าฮอสช้าตลอดแล้วหันมาทำหน้าเสียดายแบบสุดซึ้งว่าพลาดได้ยังไง(ทั้งๆที่ก็พลาดเป็นประจำ)ให้ดูหล่อเล่นๆ
เวงเกอร์แก้ปัญหาด้วยการยืมกองกลางตัวเจ็บ คิม คัลสตอมม์มาได้อย่างถูกจุด ทำให้อาร์เซนอลยังคงรักษาตำแหน่งที่4เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และแพ้ให้กับทีมใหญ่ๆเป็นประจำในที่สุด โธ่ ชีวิต…..
ฤดูกาลนี้ก็เริ่มต้นด้วยหนังม้วนเดิม แฟนบอลทั่วโลกเห็นว่าทีมยังขาดมิดฟิลด์ตัวรับชั้นเยี่ยมที่จะเข้ามาคุมแดนกลางให้อุ่นใจ วิคเตอร์ วายาม่า,มอร์แกงค์ ชไนเดอร์แลงค์,ซามี่ เคดิร่า และกองกลางตัวรับระดับท็อปมากมายโผล่เป็นข่าวมาให้เวงเกอร์เห็น แต่สุดท้ายได้ฟรานซิส โกเกอแลงมายืนยิ้มให้กับเรา ผมนี่ยืนขึ้นบอกเวงเกอร์เลย(ที่4อีกแล้วสิ)
ยังไม่นับเหตุการณ์มากมายเล็กๆน้อยๆที่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในที่นั่งลำบากอีกมายมาก ยกตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ เช่น
-กรณีฟลามินี่ตัดแขนเสื้อทีมซึ่งผมเห็นด้วยกับฟลามินี่ในข้อนี้เลย การใส่เสื้อลงไปเล่นควรจะยึดความถนัดของผู้เล่นเป็นหลักมากกว่า ตั้งแต่มีข่าวนั้นมา ฟลามินี่ไม่เคยกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีอีกเลยทั้งๆที่ฤดูกาลที่แล้วก็เล่นได้ดีเกินค่าตัว
-กรณีส่งอังเดร ซานโตส ลงสนามในเกมส์UCLนัดสุดท้ายที่ทีมเข้ารอบไปแล้ว เจ็บยาว ทั้งๆที่ตอนนั้นฟอร์มของซานโตสอาจจะเรียกได้ว่า ดีที่สุดในชีวิตของเค้าเลยก็ว่าได้ และจากการเจ็บครั้งนั้น ไม่เคยทำให้เจ้าตัวกลับมาอยู่ในฟอร์มเดิมได้อีกเลย
-กรณีของอาชาวิน ที่ออกมาแนะนำเวงเกอร์ให้ซื้อนักเตะที่มีค่าตัวแพงเข้ามาบ้าง เพราะนักเตะที่ถูกและดี
มารวมอยู่ที่อาร์เซนอลหมดแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเวงเกอรก็จับอาชาวินนั่งสำรองตลอด รวมไปถึงRVPที่พยายามขอแนวทางการเสริมทีมจากเวงเกอร์ เพราะจะได้รู้ตัวว่าควรจะอยู่ที่อาร์เซนอลต่อไปไหม ซึ่งข่าวบอกว่าเวงเกอร์เห็นว่าเป็นการก้าวก่ายการทำงานเกินไป
-กรณีของฮูโก้ โยริส กำลังจะย้ายออกจากลีญง แต่เวงเกอร์ปฏิเสธไม่เอาและเลือกที่จะปั้นเชสนี่ย์และฟาเบียนสกี้มากกว่า ทำให้โยริสต้องระเห็จไปยู่กับทีมที่ไม่ได้ไปUCLอย่างสเปอร์ เวลาผ่านมาหลายปีดีดักเชสนี่ย์ก็คุ้มค่าให้ได้เห็น ลูกที่เสียให้เซาธ์แทมตันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปั้นมาตั้งนานไม่มีแววรุ่งสักทีตัวนี้ ยังดันทุรังปั้นกันอยู่ได้
-กรณีของพาร์ค ซู ยัง ที่ไปตัดหน้าลีลล์ สอยมาจากโมนาโก สอยมาก็ไม่ได้กะเอามาใช้นะ ตัดหน้าเพียงเพื่อให้ลีลล์ไม่พอใจจะได้ไม่ขายอาซาร์ให้เรา
ไม่นับกรณีอื่นๆอีกมายมากเช่น โพลดี้,ซิลแวสต์,หรือแม้กระทั่งการไม่สู้ราคา เควิน มิลัลลาสที่ราคา5ล้านปอนด์(เท่านั้น) ทำให้เอฟเวอตันสอยไปได้ มันแสดงให้เห็นว่าสายตาของเวงเกอร์มันฟ้าฟางไปหมดแล้ว ถึงเวลาที่ต้องวางมือสักทีเถอะ
ได้ข่าวแว่วๆว่าเวงเกอร์ยืนยันนั่งยันนอนยันว่า ปืนจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีคในอีกไม่เกินสามปี พูดผิดพูดใหม่ได้นะ สามปีหรือสามสิบปี
สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมากกกกกกกก แค่อยากจะบอกว่า
"เจ็บเเล้วจำคือคน เจ็บเเล้วทนคือคนที่ยังเชียร์เวงเกอร์อยู่นั่นเอง"
รวมผลงานดีเด่น
เหตุผลที่เวงเกอร์ควรจะวางมือได้แล้ว อย่าทำร้ายอาร์เซนอลไปมากกว่านี้เลย
สิ่งสำคัญที่สุดว่าคุณทำทีมได้ดีหรือไม่ ไม่ใช่สไตล์ที่สวยงาม ไม่ได้นับว่ายิงประตูได้เยอะหรือไม่ หรือเสียประตูน้อยเท่าไร ไม่แพ้ใครมาตลอดทั้งฤดูกาลหรือเปล่า มันสำคัญที่ว่าเมื่อจบฤดูกาล คุณได้แชมป์หรือไม่ได้แชมป์? แค่นั้น‼
แชมป์พรีเมียร์ลีคครั้งสุดท้ายต้องย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล03-04 และFAcupเมื่อฤดูกาลที่แล้ว กับความว่างเปล่าราวๆ8ปี บ่งบอกนี่คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกแล้วสำหรับเวงเกอร์
แม้เวงเกอร์จะพยายามบอกกับแฟนบอลว่าตัวเค้านั้นมีความจงรักภักดี มีทีมมากมายติดต่อให้ไปคุม แต่เชื่อผมเถอะครับ ระดับเวงเกอร์ไปอยู่กับทีมระดับ บาร์ซ่า รีลมาดริด อย่าว่าแต่8ปีเลยครับ ว่าว2ปีก็ก็เจอความกดดันถีบกระเด็นตกจากเก้าอี้หายไปไหนต่อไหนแล้ว
เพิ่มเติมให้ว่าตอนนี้เวงเกอร์เป็นผู้จัดการทีมที่รับค่าเหนื่อยเป็นอันดับ4ของโลก(อาร์แซน เวนเกอร์ / อาร์เซน่อล / 6.889 ล้านปอนด์ต่อปี) ได้มากกว่าอันเชลอตติที่พึ่งคว้าแชมปUCLไปเมื่อปีที่แล้วเสียอีก งานสบาย รายได้ดีและปลอดภัยจริงๆ
นักเตะที่ย้ายออกไปต่างคว้าแชมป์มากมาย ที่ชัดเจนที่สุดคือแอชลีย์ โคล ผู้ที่ทำให้เชลซีแซงอาร์เซนอลกลายเป็นเบอร์หนึ่งของลอนดอนไป เรียบร้อยแล้ว คว้าได้แม้กระทั่งถ้วยแชมป์เปี้ยนลีค ที่เวงเกอร์ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดฝันถึงด้วยซ้ำไป
2.ความทะเยอทะยานมีกับเค้าบ้างไหม
ทีมไม่ได้ผิดอะไรมากมายที่ได้ที่4 เพราะมีทีมระดับกลางตารางมากมายที่ลุ้นขอไปเล่นฟุตบอลยุโรปก็พอ แต่ผิดที่เวงเกอร์ใช้มันเป็นโล่ในการปกป้องตัวเองเสมอมา(และคาดว่าจะใช้ตลอดไป)
เมื่อครั้งที่เวงเกอร์ต้องเข้าตอบคำถามของผู้ถือหุ้นเมื่อ2ปีที่แล้ว ถ้อยคำที่เวงเกอร์คิดค้นขึ้นมาเป็นคำที่เดอะ กันเนอร์ทุกๆคนจะไม่มีวันลืมเลือนและต้องจดจำไว้เป็นความรู้ไปตลอดกาลว่า
“การไปUCLเปรียบเสมือนการได้ถ้วยรางวัล”
แม้กระทั่งการเฉลิมฉลองราวกับได้แชมป์ที่ได้ไปUCL ถึงขั้นทำให้นักเตะเก่าอย่างเฟรดริก ลุงเบิร์ก ออกมาเหน็บไว้ว่ารับไม่ได้กับอาการขี้แพ้แบบนี้ ถึงแม้ในภายหลังจะมีการแก้ต่างว่า เพราะได้อันดับเหนือกว่าสเปอร์ก็ตามแต่
และล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ เดวิด ดีนเพื่อนรัก ก็ได้แสดงความเห็นที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นเวงเกอร์ที่ชัดเจนที่สุด ด้วยการต่อว่าพวกที่ขับไล่เวงเกอร์ว่าเป็นพวกโง่ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย เราประสบความสำเร็จด้วยการ เอ่อ ด้วยการ เอ่อ เข้าถึงรอบ16ทีมสุดท้ายในแชมป์เปี้ยน ลีค 15ครั้งใน16ครั้งหลังสุด
พี่ไม่คิดจะทำให้ดีไปกว่านี้แล้วเหรอครับ แบบว่าคว้าแชมป์หรือผ่านบาเยิร์นมิวนิค หรือบาร์เซโลน่า และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้ารอบสักครั้งหนึ่งในชีวิตอะครับ
3.ความประมาทและอีโก้เป็นหนทางของการพลาดแชมป์
หากใครจำกันได้ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา อาร์เซนอลขึ้นนำจ่าฝูงถึงครึ่งฤดูกาล โดยที่ปัญหาในครึ่งฤดูกาลแรกที่เห็นเพียงอย่างเดียว คือความอ่อนหัด คลาสไม่ถึงของชิรูด์ คือพอถึงเวลาที่ต้องการประตูเข้าฮอสช้าตลอดแล้วหันมาทำหน้าเสียดายแบบสุดซึ้งว่าพลาดได้ยังไง(ทั้งๆที่ก็พลาดเป็นประจำ)ให้ดูหล่อเล่นๆ
เวงเกอร์แก้ปัญหาด้วยการยืมกองกลางตัวเจ็บ คิม คัลสตอมม์มาได้อย่างถูกจุด ทำให้อาร์เซนอลยังคงรักษาตำแหน่งที่4เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และแพ้ให้กับทีมใหญ่ๆเป็นประจำในที่สุด โธ่ ชีวิต…..
ฤดูกาลนี้ก็เริ่มต้นด้วยหนังม้วนเดิม แฟนบอลทั่วโลกเห็นว่าทีมยังขาดมิดฟิลด์ตัวรับชั้นเยี่ยมที่จะเข้ามาคุมแดนกลางให้อุ่นใจ วิคเตอร์ วายาม่า,มอร์แกงค์ ชไนเดอร์แลงค์,ซามี่ เคดิร่า และกองกลางตัวรับระดับท็อปมากมายโผล่เป็นข่าวมาให้เวงเกอร์เห็น แต่สุดท้ายได้ฟรานซิส โกเกอแลงมายืนยิ้มให้กับเรา ผมนี่ยืนขึ้นบอกเวงเกอร์เลย(ที่4อีกแล้วสิ)
ยังไม่นับเหตุการณ์มากมายเล็กๆน้อยๆที่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในที่นั่งลำบากอีกมายมาก ยกตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ เช่น
-กรณีฟลามินี่ตัดแขนเสื้อทีมซึ่งผมเห็นด้วยกับฟลามินี่ในข้อนี้เลย การใส่เสื้อลงไปเล่นควรจะยึดความถนัดของผู้เล่นเป็นหลักมากกว่า ตั้งแต่มีข่าวนั้นมา ฟลามินี่ไม่เคยกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีอีกเลยทั้งๆที่ฤดูกาลที่แล้วก็เล่นได้ดีเกินค่าตัว
-กรณีส่งอังเดร ซานโตส ลงสนามในเกมส์UCLนัดสุดท้ายที่ทีมเข้ารอบไปแล้ว เจ็บยาว ทั้งๆที่ตอนนั้นฟอร์มของซานโตสอาจจะเรียกได้ว่า ดีที่สุดในชีวิตของเค้าเลยก็ว่าได้ และจากการเจ็บครั้งนั้น ไม่เคยทำให้เจ้าตัวกลับมาอยู่ในฟอร์มเดิมได้อีกเลย
-กรณีของอาชาวิน ที่ออกมาแนะนำเวงเกอร์ให้ซื้อนักเตะที่มีค่าตัวแพงเข้ามาบ้าง เพราะนักเตะที่ถูกและดี
มารวมอยู่ที่อาร์เซนอลหมดแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเวงเกอรก็จับอาชาวินนั่งสำรองตลอด รวมไปถึงRVPที่พยายามขอแนวทางการเสริมทีมจากเวงเกอร์ เพราะจะได้รู้ตัวว่าควรจะอยู่ที่อาร์เซนอลต่อไปไหม ซึ่งข่าวบอกว่าเวงเกอร์เห็นว่าเป็นการก้าวก่ายการทำงานเกินไป
-กรณีของฮูโก้ โยริส กำลังจะย้ายออกจากลีญง แต่เวงเกอร์ปฏิเสธไม่เอาและเลือกที่จะปั้นเชสนี่ย์และฟาเบียนสกี้มากกว่า ทำให้โยริสต้องระเห็จไปยู่กับทีมที่ไม่ได้ไปUCLอย่างสเปอร์ เวลาผ่านมาหลายปีดีดักเชสนี่ย์ก็คุ้มค่าให้ได้เห็น ลูกที่เสียให้เซาธ์แทมตันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปั้นมาตั้งนานไม่มีแววรุ่งสักทีตัวนี้ ยังดันทุรังปั้นกันอยู่ได้
-กรณีของพาร์ค ซู ยัง ที่ไปตัดหน้าลีลล์ สอยมาจากโมนาโก สอยมาก็ไม่ได้กะเอามาใช้นะ ตัดหน้าเพียงเพื่อให้ลีลล์ไม่พอใจจะได้ไม่ขายอาซาร์ให้เรา
ไม่นับกรณีอื่นๆอีกมายมากเช่น โพลดี้,ซิลแวสต์,หรือแม้กระทั่งการไม่สู้ราคา เควิน มิลัลลาสที่ราคา5ล้านปอนด์(เท่านั้น) ทำให้เอฟเวอตันสอยไปได้ มันแสดงให้เห็นว่าสายตาของเวงเกอร์มันฟ้าฟางไปหมดแล้ว ถึงเวลาที่ต้องวางมือสักทีเถอะ
ได้ข่าวแว่วๆว่าเวงเกอร์ยืนยันนั่งยันนอนยันว่า ปืนจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีคในอีกไม่เกินสามปี พูดผิดพูดใหม่ได้นะ สามปีหรือสามสิบปี
สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมากกกกกกกก แค่อยากจะบอกว่า
"เจ็บเเล้วจำคือคน เจ็บเเล้วทนคือคนที่ยังเชียร์เวงเกอร์อยู่นั่นเอง"
รวมผลงานดีเด่น