วิเคราะห์นอกกรอบกับกรณีเจอร์ราด(ยาวนะแต่อยากให้อ่าน)
วันนี้ผมขอวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะเกิดขึ้นนะคับ กรณีของเจอร์ราด ผมขออนุญาติคิดต่างจากคนอื่นๆนะคับ เริ่มจากความผิดพลาดของทางทีมงานที่คิดเสมอว่าเจอร์ราด
ไม่มีทางทิ้งสโมสรไปไหนและคงแขวนเกือกที่ลิเวอร์พูลแน่ๆ. จึงไม่รีบยื่นสัญญาฉบับใหม่ตั้งแต่ต้นฤดูกาลเพราะคิดไปว่ายื่นเมื่อไหร่เจอร์ราดก็เซ็นอยู่แล้วจึงปล่อยให้ยืดเยื้อมาเรื่อยๆ
ส่วนตัวเจอร์ราดเองรู้สึดผิดหวังมาจากฤดูกาลก่อน เพราะการที่เจอร์ราดย้าย ผมมองว่า สาเหตุจริงๆน่าจะมาจากตัวรอดเจอร์มากกว่าครับ จริงๆแล้วผมมองว่ากับตันเองรู้สึกผิดหวัง
ตั้งแต่ฤดูกาลก่อนเนื่องจากแทบจะไม่แฮบปี้นับจากที่รอดเจอร์พยายามฝืนให้เจอร์ราดลงไปเล่นรับต่ำ เพราะผลคือเจอร์ราดเล่นไม่ถนัดและทำให้ตัวเองเสียหน้าหลายครั้ง(โดยเฉพาะ
ตอนลื่นล้มนัดเจอเชลซีจนพลาดแชมป์) ผมเชื่อว่าตัวเจอร์ราดเองคงรู้สึกเสียใจอย่างมากและยิ่งแย่ขึ้นไปอีกเวลาแฟนบอลคู่แข่งล้อเลียนว่าตนลื่นทำถ้วยหลุดมือ(โดนล้อและแซวบ่อยมากๆ
) พอมาฤดูกาลนี้เจอร์ราดเองก็คงได้คุยถึงโอกาสเล่นแนวรุกแทนแนวรับแต่รอดเจอร์ก็ดึงดันส่งลงเล่นรับอีกและทำให้ฟอร์มเขาเองไม่เหมาะและดูติดขัด แถมยังกลัวจะทำผิดพลาด
จนทีมเสียหายเพราะตนไม่ถนัด ด้วยความรักและไม่อาจทำใจยอมรับได้แต่พี่แกก็แมนและมีสปิริตพอที่จะไม่พูดออกสื่อ ยิ่งสโมสรปล่อยตัวซัวเรซ ผู้ที่เป็นกุญแจดอกเดียวที่จะทำให้
ทีมก้าวสู่จุดสูงสุดทั้งๆที่สมัยเคนนี่นั้นสโมสรเข้าข้างยอมให้แบน10นัดแทนการขาย แต่มารอดเจอร์กลับกลัวที่จะเข้าข้างซัวเรซ ตามติดด้วยการปล่อยแอกเกอร์ ชายผู้ที่ไม่เคยคิดจะ
ย้ายออกไปไหนจนขนาดสักไว้ที่นิ้วและยืนกรานจนวินาทีสุดท้ายก่อนจำใจเดินจากไปแบบที่สโมสรไม่ใยดี(คนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่ารอดเจอร์มีส่วน) เมื่อทีมขายอาวุธเดียวที่มีอานุภาพอ
ย่างซัวเรซตามด้วยนักเตะผู้จงรักภักดีอย่างแอกเกอร์(ยังไม่รวมเฉดหัวไม่ใยดีเรน่าตั้งแต่แรกเริ่ม) เจอร์ราดจึงเริ่มกลัวอนาคตที่อาจจะไม่เป็นอย่างที่ตนคิดไว้ประกอบกับความเฉยชา
ชักช้าเรื่องสัญญาใหม่ จึงต้องทำใจและเริ่มที่จะคิดหาทางออกให้กับตัวเองแบบที่จะไม่ทำให้แฟนบอลเสียใจและกระทบกับภาพลักษณ์สโมสร เขาจึงเลือกที่จะเดินจากไปเงียบๆอย่าง
เสียใจและหาทางที่จะไม่ทำลายอนาคตตัวเอง(ยังอยากเล่นฟุตบอลต่ออีกสักปี2ปี)และไม่ต้องมาแข่งกับทีมที่ตัวเองรัก ส่วนรอดเจอร์เมื่อมารู้สึกตัวตอนเจอร์ราดเริ่มจะขอย้าย(น่าจะมีการคุยไว้ก่อนหน้านี้สักระยะกับรอดเจอร์)
รอดเจอร์จึงเริ่มพยายามจะดันเจอร์ราดกลับขึ้นแนวรุก(กดไป4เม็ดใน2นัดติด) เพื่อลดแรงกดดันแต่ก็ไม่ทันในส่วนของสัญญาที่ยื่นกับเจอร์ราดเพราะเจอร์ราดตัดสินใจไปแล้วและคงจะให้เล่นตำแหน่งนี้จนจบฤดูกาล(ไม่งั้นอาจเจอกระแสกดดัน)
ไม่รู้นะ นี่แค่ความคิดเห็นส่วนตัว แต่เชื่อว่ามันมีความเป็นไปได้สูง แม้เจอร์ราดไม่เคยบ่นว่ารอดเจอร์(แต่ต้องเข้าใจว่าเจอร์ราดก็ไม่เคยบ่นว่าโค้ชคนไหนเลย)เพราะรักและเทิดทูนเกินกว่าจะทำให้เกิดรอยร้าว
แต่ยังไงการขายซัวเรซ(อาวุธหลัก)+ขายแอกเกอร์(ชายผู้จงรักภักดีต่อสโมสรเช่นเขา)+ความไม่เห็นคุณค่า(เพิกเฉยไม่ยื่นสัญญาใหม่แต่เนิ่นๆ)+ฝืนส่งให้ลงเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัด(จนผิดพลาดและกลายเป็นตัวตลกให้ทีมอื่นแซว) บวกบวกรวมๆกับเหตุผลอื่นๆอีกหลายๆข้อ มันก็เพียงพอที่จะเดินจากไปอย่างมีความทรงจำที่ดีแทน การจากลาแบบไม่อยากจะพูดอะไรต่อกัน
ย้ำอีกที ความเห็นส่วนตัวของแอดมิน
https://www.facebook.com/THUNTAC/posts/656363197809003:0
หรือนี่คือสาเหตุที่เจอร์ราดไม่ต่อสัญญา?
วันนี้ผมขอวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะเกิดขึ้นนะคับ กรณีของเจอร์ราด ผมขออนุญาติคิดต่างจากคนอื่นๆนะคับ เริ่มจากความผิดพลาดของทางทีมงานที่คิดเสมอว่าเจอร์ราด
ไม่มีทางทิ้งสโมสรไปไหนและคงแขวนเกือกที่ลิเวอร์พูลแน่ๆ. จึงไม่รีบยื่นสัญญาฉบับใหม่ตั้งแต่ต้นฤดูกาลเพราะคิดไปว่ายื่นเมื่อไหร่เจอร์ราดก็เซ็นอยู่แล้วจึงปล่อยให้ยืดเยื้อมาเรื่อยๆ
ส่วนตัวเจอร์ราดเองรู้สึดผิดหวังมาจากฤดูกาลก่อน เพราะการที่เจอร์ราดย้าย ผมมองว่า สาเหตุจริงๆน่าจะมาจากตัวรอดเจอร์มากกว่าครับ จริงๆแล้วผมมองว่ากับตันเองรู้สึกผิดหวัง
ตั้งแต่ฤดูกาลก่อนเนื่องจากแทบจะไม่แฮบปี้นับจากที่รอดเจอร์พยายามฝืนให้เจอร์ราดลงไปเล่นรับต่ำ เพราะผลคือเจอร์ราดเล่นไม่ถนัดและทำให้ตัวเองเสียหน้าหลายครั้ง(โดยเฉพาะ
ตอนลื่นล้มนัดเจอเชลซีจนพลาดแชมป์) ผมเชื่อว่าตัวเจอร์ราดเองคงรู้สึกเสียใจอย่างมากและยิ่งแย่ขึ้นไปอีกเวลาแฟนบอลคู่แข่งล้อเลียนว่าตนลื่นทำถ้วยหลุดมือ(โดนล้อและแซวบ่อยมากๆ
) พอมาฤดูกาลนี้เจอร์ราดเองก็คงได้คุยถึงโอกาสเล่นแนวรุกแทนแนวรับแต่รอดเจอร์ก็ดึงดันส่งลงเล่นรับอีกและทำให้ฟอร์มเขาเองไม่เหมาะและดูติดขัด แถมยังกลัวจะทำผิดพลาด
จนทีมเสียหายเพราะตนไม่ถนัด ด้วยความรักและไม่อาจทำใจยอมรับได้แต่พี่แกก็แมนและมีสปิริตพอที่จะไม่พูดออกสื่อ ยิ่งสโมสรปล่อยตัวซัวเรซ ผู้ที่เป็นกุญแจดอกเดียวที่จะทำให้
ทีมก้าวสู่จุดสูงสุดทั้งๆที่สมัยเคนนี่นั้นสโมสรเข้าข้างยอมให้แบน10นัดแทนการขาย แต่มารอดเจอร์กลับกลัวที่จะเข้าข้างซัวเรซ ตามติดด้วยการปล่อยแอกเกอร์ ชายผู้ที่ไม่เคยคิดจะ
ย้ายออกไปไหนจนขนาดสักไว้ที่นิ้วและยืนกรานจนวินาทีสุดท้ายก่อนจำใจเดินจากไปแบบที่สโมสรไม่ใยดี(คนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่ารอดเจอร์มีส่วน) เมื่อทีมขายอาวุธเดียวที่มีอานุภาพอ
ย่างซัวเรซตามด้วยนักเตะผู้จงรักภักดีอย่างแอกเกอร์(ยังไม่รวมเฉดหัวไม่ใยดีเรน่าตั้งแต่แรกเริ่ม) เจอร์ราดจึงเริ่มกลัวอนาคตที่อาจจะไม่เป็นอย่างที่ตนคิดไว้ประกอบกับความเฉยชา
ชักช้าเรื่องสัญญาใหม่ จึงต้องทำใจและเริ่มที่จะคิดหาทางออกให้กับตัวเองแบบที่จะไม่ทำให้แฟนบอลเสียใจและกระทบกับภาพลักษณ์สโมสร เขาจึงเลือกที่จะเดินจากไปเงียบๆอย่าง
เสียใจและหาทางที่จะไม่ทำลายอนาคตตัวเอง(ยังอยากเล่นฟุตบอลต่ออีกสักปี2ปี)และไม่ต้องมาแข่งกับทีมที่ตัวเองรัก ส่วนรอดเจอร์เมื่อมารู้สึกตัวตอนเจอร์ราดเริ่มจะขอย้าย(น่าจะมีการคุยไว้ก่อนหน้านี้สักระยะกับรอดเจอร์)
รอดเจอร์จึงเริ่มพยายามจะดันเจอร์ราดกลับขึ้นแนวรุก(กดไป4เม็ดใน2นัดติด) เพื่อลดแรงกดดันแต่ก็ไม่ทันในส่วนของสัญญาที่ยื่นกับเจอร์ราดเพราะเจอร์ราดตัดสินใจไปแล้วและคงจะให้เล่นตำแหน่งนี้จนจบฤดูกาล(ไม่งั้นอาจเจอกระแสกดดัน)
ไม่รู้นะ นี่แค่ความคิดเห็นส่วนตัว แต่เชื่อว่ามันมีความเป็นไปได้สูง แม้เจอร์ราดไม่เคยบ่นว่ารอดเจอร์(แต่ต้องเข้าใจว่าเจอร์ราดก็ไม่เคยบ่นว่าโค้ชคนไหนเลย)เพราะรักและเทิดทูนเกินกว่าจะทำให้เกิดรอยร้าว
แต่ยังไงการขายซัวเรซ(อาวุธหลัก)+ขายแอกเกอร์(ชายผู้จงรักภักดีต่อสโมสรเช่นเขา)+ความไม่เห็นคุณค่า(เพิกเฉยไม่ยื่นสัญญาใหม่แต่เนิ่นๆ)+ฝืนส่งให้ลงเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัด(จนผิดพลาดและกลายเป็นตัวตลกให้ทีมอื่นแซว) บวกบวกรวมๆกับเหตุผลอื่นๆอีกหลายๆข้อ มันก็เพียงพอที่จะเดินจากไปอย่างมีความทรงจำที่ดีแทน การจากลาแบบไม่อยากจะพูดอะไรต่อกัน
ย้ำอีกที ความเห็นส่วนตัวของแอดมิน
https://www.facebook.com/THUNTAC/posts/656363197809003:0