เนื่องจากผมไม่เคยขี่รถประเภทครุยเซอร์ แต่เป็นคนขี่รถเล็กอย่าง Click บิ๊กสกูตเตอร์อย่าง Forza 300 และเน็กเก็ตอย่าง CB650f และสปอร์ตอย่าง CBR650f ดังนั้นการรีวิวในครั้งจึงไม่ได้เป็นการเปรียบเทียบจากมอเตอร์ไซค์ในหมวดเดียวกันกับครุยเซอร์แต่เป็นการรีวิวจากการเปรียบเทียบสิ่งที่ผมได้เคยมีประสบการณ์นะครับ
Vulcan S กับรูปลักษณ์การออกแบบ
ในแง่รูปลักษณ์ผมว่ามันเป็นเรื่องค่อนข้างจะนานาจิตตังมาก เพราะตัวผมเองชอบรูปทรงของ Naked อย่าง CB650f พอกับรูปโฉมของ Vulcan S แต่เป็นความชอบคนละแง่มุม ในความคิดผม ผมมองความมีเสน่ห์ของมอเตอร์ไซค์ทั้งสองรุ่นในมุมมองที่ต่างกัน CB650f ได้ภาพของความทันสมัย โฉบเฉี่ยว มีอิสระ พร้อมที่จะเผชิญสิ่งใหม่ แต่ในขณะที่รูปทรงของ Vulcan S ให้ความรู้สึกของความคลาสสิก ไม่ตายเร็วตามเวลา รสนิยมย้อนยุค และวิ่งบนรอยของอดีตที่น่าจดจำ ซึ่งตอนที่ผมเอารถคันใหม่เข้าบ้านแม่บ้านที่ทำงานบ้านอายุประมาณ 65 บอกผมว่าเขาชอบรูปทรงของมอเตอร์ไซค์คันใหม่มากกว่า CB650f ซะอีก แต่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมีความชอบรูปทรงของ Vulcan S หรือตอนขี่ Vulcan มีน้องคันหนึ่งบิดมอเตอร์ไซค์ตามมา พอดีผมจอรถ น้องคนนี้ที่ขี่ Dream ก็จอดขนาบแล้วบอกว่าพี่ 'พี่กำลังขี่ฝันผมอยู่เลย'
แต่รายละเอียดปลีกย่อยของการออกแบบ Vulcan S ที่ผมยังฉงนอยู่ก็คือก้านเหล็กด้านในถังน้ำมันที่ใน CB จะตัดเป็นทรงกลมเพื่อให้หัวจ่ายเสียบเข้าได้พอดี เพื่อป้องกันน้ำมันกระฉอกออกจากถังแล้วกระเด็นมาโดนสีรถซึ่งอาจจะทำให้สีเสียหายได้ แต่ตัว Vulcan S แกนเหล็กคาดด้านในถังน้ำมันออกแบบมาเป็นรูปกลมรี หัวจ่ายเข้าได้ลำบากครับ อันนี้ก็ไม่ทราบว่ามีประโยชน์อย่างไรถึงออกแบบลักษณะนี้ ส่วนอีกประเด็นนึงคือแตรรถ ผมรู้สึกว่าเสียงมันเบามาก ผมเองเป็นคนที่ไม่เสพติดเสียงดังของท่อ ดังนั้นก็เลยไม่คิดจะเปลี่ยนท่อไอเสียใหม่อย่างที่หลายคนเค้าชอบกัน แต่เมื่อขาดเสียงดังของท่อก็ต้องมีเสียงแตรมาเป็นตัวเสริม แต่แตรที่ติดมากับรถเสียงหน่อมแน้มมาก เบาอีกตะหาก อันนี้ผมเลยคิดเปลี่ยนครับ เอาแตรที่เสียงดังหน่อยมาชดเชยการไม่มีท่อเสียงดัง และที่เสียดายมากๆ อีกจุดหนึ่งคือ Lock คอ กุญแจน่าจะเป็น Immobilizer นะ อันนี้เหมือนการล๊อครถแบบมอเตอร์ไซค์จ่ายตลาดไปหน่อย จากการมองรูปลักษณ์การออกแบบโดยรวมในสายตาผม ผมคิดว่าผมชอบรูปลักษณ์ที่มีกลิ่นอายของการเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ออกแนว Retro Classic นะ ทรงแบบนี้มันเป็น Dominant Design ของมอเตอร์ไซค์ประเภทครุยเซอร์ไปแล้ว และถึงแม้จะชิ้นงานออกแบบบางชิ้นยังไม่ต้องใจก็เหอะ แต่ก็ไม่ใช่สาระหลักของมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ครับ
Vulcan S กับความปราณีตของการประกอบ
ผมยังไม่ค่อยพอใจนักกับความเนี๊ยบของ Vulcan S ซักเท่าไร เนื่องจาก Vulcan S ตัวนี้ มีชิ้นงานพลาสติกค่อนข้างเยอะเลยทำให้ดูไม่แน่น บึกบึน รวมถึงวัสดุพลาสติกที่ใช้ในมุมมองผมคิดว่าเวลาลูบคลำดูแล้ว และมองอย่างเปรียบเทียบ ดูยังไม่แพงเท่าไร การประกอบยังไม่เนี๊ยบแบบประกบเข้ากันอย่างไร้รอยต่อ เช่นพลาสติกคลุมเต้าสตาร์ทที่เป็นแผ่นพลาสติกกว้าง ผมพบว่าพลาสติกแผ่นนี้มันยังไม่ออกแบบไม่แม่นยำ ไม่เนี๊ยบทำให้ปะติดกับตัวถังไม่สนิท หากลองมองผ่านจากเบาะนั่งจะเห็นเป็นช่องที่เผยอขึ้นมา หรือกระทั่งตัวประกับพลาสติกล็อคก้านโช้ค ก็ประกบกันไม่สนิท แต่มองผ่านๆ ก็พอยอมรับได้ แต่ความปราณีตของการประกอบอาจจะไม่ใช่อย่างที่หลายคนพูดกันใน Social Media ว่า Kawasaki ประกอบได้ดีกว่ายี่ห้ออื่น หรืออาจจะเป็นเพราะตัวนี้เป็นแค่ Entry Level ของครุยเซอร์หรือเปล่า เลยลดต้นทุน แต่ก็ไม่นะ ผมว่าการใช้ชิ้นส่วนที่ลดต้นทุนกับความปราณีตมันคนละเรื่องกัน หรืออย่างแกนวางเท้า ก้านเกียร์ ก้านเบรค ดูวัสดุมันเหมือจัดให้ไม่เต็ม อย่างว่าถ้าจัดเต็มก็คงจัดราคานี้ลำบากหรือเปล่า
Vulcan S กับการขับขี่
ผมชอบอารมณ์การขับขี่ Vulcan S ที่ผมได้สัมผัสมากครับ แม้ในครั้งแรกที่เริ่มขี่ ตัวเองจะมีอาการเหวอ ไม่มั่นใจ ไม่ปลอดภัย เนื่องจากแฮนด์รถอยู่ระดับสูงกว่ารถอื่นที่ผมเคยขี่ และบานกว้างออก ทำให้พอเคลื่อนตัวออกครั้งแรกผมเริ่มไม่แน่ใจว่าตัดสินใจถูกหรือเปล่าที่ซื้อรถมา หรือมันไม่ใช่กันแน! เพื่อให้คุ้นชินผมเลยพาเจ้า Vulcan S ตัวใหม่ไปขี่บนถนนทางเลียบด่วนมอเตอร์เวย์แถวบ้าน รถน้อยครับ ทางยาว มีโค้งให้ทดลองขึ้นสะพานด้วย ต้องยอมรับว่านอกจากตอนแรกมีเหวอแล้ว การวางเท้า การนั่ง มันก็ผิดกันแทบสิ้นเชิงกับ CB และ BSC อย่าง Forza แต่พอปรับตัวได้ซักพักผมเริ่มชิน ความกลัว ความรู้สึกไม่ปลอดภัยเริ่มลดน้อยลง และเริ่มสนุกจากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ ของการขี่รถครุยเซอร์ครับ จากนั้นผมเลยพาเจ้าตัวนี้ออกถนนใหญ่ซะเลย วิ่งไปร้านขายของมอเตอร์ไซค์แถววงเวียนใหญ่ครับ เพื่อไปเปลี่ยนแตร แถมได้ลองฝ่าการจราจรที่ติดขัดไปด้วย ดูซิว่าจะมุดได้แค่ไหน ซึ่งเดี๋ยวจะรีวิวให้ฟังต่อครับ
ครุยเซอร์อย่างที่ทราบกันอยู่ว่าเวลานั่งตัวจะโค้งเป็นรูปตัว U ครับ แต่ความรู้สึกที่ไม่เคยรู้เลยจากการอ่านรีวิว แต่มาพบเวลาใช้จริงก็คือการนั่งรูปตัว U นั้นแตกต่างกับการนั่งมอเตอร์ไซค์รูปแบบอื่นตรงที่เราต้องทิ้งตัวและก้นทั้งหมดลงบนอานรถ การนั่งเบาะมอเตอร์ไซด์แบบอื่นนั้นส่วนสัมผัสเบาะนั่งคือช่วงก้นที่ติดปลายต้นขา ซึ่งเวลาตกหลุมหรือมีลูกระนาดท่านจะสามารถลุกยืนในขณะขับขี่เพื่อลดแรงสะเทือนที่มาถึงเราได้ แต่ครุยเซอร์ที่ผมขี่ไม่ใช่ครับ ยืนไม่ได้เพราะน้ำหนักที่ทิ้งลงไปนั้นทิ้งทั้งก้นครับและการวางขานั้นยืดไปข้างหน้าทำให้การลุกยืนเป็นไปได้ลำบากมาก คือไม่ต้องคิดว่าจะยืน หากจะยืนก็จะทำให้เกิดโอกาสล้มมากขึ้นตามไปด้วย ส่วนสัมผัสเบาะมากๆ คือช่วงก้นและช่วงก้นกบ ดังนั้นสิ่งที่จะรองรับเราได้คือต้องมีเบาะที่นุ่มครับ ไม่งั้นอาจจะช้ำในตายได้ มันพอที่จะตอบคำถามผมได้ว่าทำไมเบาะครุยเซอร์เลยต้องออกแบบมาเหมือนอานจักรยานที่รองรับส่วนต่างๆ ของก้นของคนเรา
[CR] รีวิว Vulcan S ครั้งแรกของการขี่ Cruiser
Vulcan S กับรูปลักษณ์การออกแบบ
ในแง่รูปลักษณ์ผมว่ามันเป็นเรื่องค่อนข้างจะนานาจิตตังมาก เพราะตัวผมเองชอบรูปทรงของ Naked อย่าง CB650f พอกับรูปโฉมของ Vulcan S แต่เป็นความชอบคนละแง่มุม ในความคิดผม ผมมองความมีเสน่ห์ของมอเตอร์ไซค์ทั้งสองรุ่นในมุมมองที่ต่างกัน CB650f ได้ภาพของความทันสมัย โฉบเฉี่ยว มีอิสระ พร้อมที่จะเผชิญสิ่งใหม่ แต่ในขณะที่รูปทรงของ Vulcan S ให้ความรู้สึกของความคลาสสิก ไม่ตายเร็วตามเวลา รสนิยมย้อนยุค และวิ่งบนรอยของอดีตที่น่าจดจำ ซึ่งตอนที่ผมเอารถคันใหม่เข้าบ้านแม่บ้านที่ทำงานบ้านอายุประมาณ 65 บอกผมว่าเขาชอบรูปทรงของมอเตอร์ไซค์คันใหม่มากกว่า CB650f ซะอีก แต่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมีความชอบรูปทรงของ Vulcan S หรือตอนขี่ Vulcan มีน้องคันหนึ่งบิดมอเตอร์ไซค์ตามมา พอดีผมจอรถ น้องคนนี้ที่ขี่ Dream ก็จอดขนาบแล้วบอกว่าพี่ 'พี่กำลังขี่ฝันผมอยู่เลย'
แต่รายละเอียดปลีกย่อยของการออกแบบ Vulcan S ที่ผมยังฉงนอยู่ก็คือก้านเหล็กด้านในถังน้ำมันที่ใน CB จะตัดเป็นทรงกลมเพื่อให้หัวจ่ายเสียบเข้าได้พอดี เพื่อป้องกันน้ำมันกระฉอกออกจากถังแล้วกระเด็นมาโดนสีรถซึ่งอาจจะทำให้สีเสียหายได้ แต่ตัว Vulcan S แกนเหล็กคาดด้านในถังน้ำมันออกแบบมาเป็นรูปกลมรี หัวจ่ายเข้าได้ลำบากครับ อันนี้ก็ไม่ทราบว่ามีประโยชน์อย่างไรถึงออกแบบลักษณะนี้ ส่วนอีกประเด็นนึงคือแตรรถ ผมรู้สึกว่าเสียงมันเบามาก ผมเองเป็นคนที่ไม่เสพติดเสียงดังของท่อ ดังนั้นก็เลยไม่คิดจะเปลี่ยนท่อไอเสียใหม่อย่างที่หลายคนเค้าชอบกัน แต่เมื่อขาดเสียงดังของท่อก็ต้องมีเสียงแตรมาเป็นตัวเสริม แต่แตรที่ติดมากับรถเสียงหน่อมแน้มมาก เบาอีกตะหาก อันนี้ผมเลยคิดเปลี่ยนครับ เอาแตรที่เสียงดังหน่อยมาชดเชยการไม่มีท่อเสียงดัง และที่เสียดายมากๆ อีกจุดหนึ่งคือ Lock คอ กุญแจน่าจะเป็น Immobilizer นะ อันนี้เหมือนการล๊อครถแบบมอเตอร์ไซค์จ่ายตลาดไปหน่อย จากการมองรูปลักษณ์การออกแบบโดยรวมในสายตาผม ผมคิดว่าผมชอบรูปลักษณ์ที่มีกลิ่นอายของการเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ออกแนว Retro Classic นะ ทรงแบบนี้มันเป็น Dominant Design ของมอเตอร์ไซค์ประเภทครุยเซอร์ไปแล้ว และถึงแม้จะชิ้นงานออกแบบบางชิ้นยังไม่ต้องใจก็เหอะ แต่ก็ไม่ใช่สาระหลักของมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ครับ
Vulcan S กับความปราณีตของการประกอบ
ผมยังไม่ค่อยพอใจนักกับความเนี๊ยบของ Vulcan S ซักเท่าไร เนื่องจาก Vulcan S ตัวนี้ มีชิ้นงานพลาสติกค่อนข้างเยอะเลยทำให้ดูไม่แน่น บึกบึน รวมถึงวัสดุพลาสติกที่ใช้ในมุมมองผมคิดว่าเวลาลูบคลำดูแล้ว และมองอย่างเปรียบเทียบ ดูยังไม่แพงเท่าไร การประกอบยังไม่เนี๊ยบแบบประกบเข้ากันอย่างไร้รอยต่อ เช่นพลาสติกคลุมเต้าสตาร์ทที่เป็นแผ่นพลาสติกกว้าง ผมพบว่าพลาสติกแผ่นนี้มันยังไม่ออกแบบไม่แม่นยำ ไม่เนี๊ยบทำให้ปะติดกับตัวถังไม่สนิท หากลองมองผ่านจากเบาะนั่งจะเห็นเป็นช่องที่เผยอขึ้นมา หรือกระทั่งตัวประกับพลาสติกล็อคก้านโช้ค ก็ประกบกันไม่สนิท แต่มองผ่านๆ ก็พอยอมรับได้ แต่ความปราณีตของการประกอบอาจจะไม่ใช่อย่างที่หลายคนพูดกันใน Social Media ว่า Kawasaki ประกอบได้ดีกว่ายี่ห้ออื่น หรืออาจจะเป็นเพราะตัวนี้เป็นแค่ Entry Level ของครุยเซอร์หรือเปล่า เลยลดต้นทุน แต่ก็ไม่นะ ผมว่าการใช้ชิ้นส่วนที่ลดต้นทุนกับความปราณีตมันคนละเรื่องกัน หรืออย่างแกนวางเท้า ก้านเกียร์ ก้านเบรค ดูวัสดุมันเหมือจัดให้ไม่เต็ม อย่างว่าถ้าจัดเต็มก็คงจัดราคานี้ลำบากหรือเปล่า
Vulcan S กับการขับขี่
ผมชอบอารมณ์การขับขี่ Vulcan S ที่ผมได้สัมผัสมากครับ แม้ในครั้งแรกที่เริ่มขี่ ตัวเองจะมีอาการเหวอ ไม่มั่นใจ ไม่ปลอดภัย เนื่องจากแฮนด์รถอยู่ระดับสูงกว่ารถอื่นที่ผมเคยขี่ และบานกว้างออก ทำให้พอเคลื่อนตัวออกครั้งแรกผมเริ่มไม่แน่ใจว่าตัดสินใจถูกหรือเปล่าที่ซื้อรถมา หรือมันไม่ใช่กันแน! เพื่อให้คุ้นชินผมเลยพาเจ้า Vulcan S ตัวใหม่ไปขี่บนถนนทางเลียบด่วนมอเตอร์เวย์แถวบ้าน รถน้อยครับ ทางยาว มีโค้งให้ทดลองขึ้นสะพานด้วย ต้องยอมรับว่านอกจากตอนแรกมีเหวอแล้ว การวางเท้า การนั่ง มันก็ผิดกันแทบสิ้นเชิงกับ CB และ BSC อย่าง Forza แต่พอปรับตัวได้ซักพักผมเริ่มชิน ความกลัว ความรู้สึกไม่ปลอดภัยเริ่มลดน้อยลง และเริ่มสนุกจากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ ของการขี่รถครุยเซอร์ครับ จากนั้นผมเลยพาเจ้าตัวนี้ออกถนนใหญ่ซะเลย วิ่งไปร้านขายของมอเตอร์ไซค์แถววงเวียนใหญ่ครับ เพื่อไปเปลี่ยนแตร แถมได้ลองฝ่าการจราจรที่ติดขัดไปด้วย ดูซิว่าจะมุดได้แค่ไหน ซึ่งเดี๋ยวจะรีวิวให้ฟังต่อครับ
ครุยเซอร์อย่างที่ทราบกันอยู่ว่าเวลานั่งตัวจะโค้งเป็นรูปตัว U ครับ แต่ความรู้สึกที่ไม่เคยรู้เลยจากการอ่านรีวิว แต่มาพบเวลาใช้จริงก็คือการนั่งรูปตัว U นั้นแตกต่างกับการนั่งมอเตอร์ไซค์รูปแบบอื่นตรงที่เราต้องทิ้งตัวและก้นทั้งหมดลงบนอานรถ การนั่งเบาะมอเตอร์ไซด์แบบอื่นนั้นส่วนสัมผัสเบาะนั่งคือช่วงก้นที่ติดปลายต้นขา ซึ่งเวลาตกหลุมหรือมีลูกระนาดท่านจะสามารถลุกยืนในขณะขับขี่เพื่อลดแรงสะเทือนที่มาถึงเราได้ แต่ครุยเซอร์ที่ผมขี่ไม่ใช่ครับ ยืนไม่ได้เพราะน้ำหนักที่ทิ้งลงไปนั้นทิ้งทั้งก้นครับและการวางขานั้นยืดไปข้างหน้าทำให้การลุกยืนเป็นไปได้ลำบากมาก คือไม่ต้องคิดว่าจะยืน หากจะยืนก็จะทำให้เกิดโอกาสล้มมากขึ้นตามไปด้วย ส่วนสัมผัสเบาะมากๆ คือช่วงก้นและช่วงก้นกบ ดังนั้นสิ่งที่จะรองรับเราได้คือต้องมีเบาะที่นุ่มครับ ไม่งั้นอาจจะช้ำในตายได้ มันพอที่จะตอบคำถามผมได้ว่าทำไมเบาะครุยเซอร์เลยต้องออกแบบมาเหมือนอานจักรยานที่รองรับส่วนต่างๆ ของก้นของคนเรา