สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน
อยากจะมาบอกเล่าประสบการณ์ดีๆจากการได้ไปเที่ยวเขาค้อกับครอบครัวมาค่ะ
ทริปนี้ประกอบไปด้วย จขกท + สามี + คุณแม่ + น้องชาย
เราเลือกไปวันธรรมดาก่อนคริสมาสเล็กน้อย คือ 22-24 ธันวาคมที่ผ่านมาค่ะ
กะว่าจะพาคุณแม่ไปวัดผาซ่อนแก้ว ทำบุญ พักผ่อนส่งท้ายปีกันสักหน่อย
โดยส่วนตัวแล้วเราเคยมาเขาค้อ 3-4 ครั้งแล้วค่ะ และจะเลือกพักช่วงเขาตรงนี้นี่หล่ะเพราะเห็นทะเลหมอกได้จากห้องเลย โดยรีสอร์ทส่วนมากก็จะเป็นกระจกกว้างๆหันหน้าออกทางด้านที่จะเห็นหมอกในยามเช้าเนอะ สายขี้เกียจตื่นเช้าอย่างเราก็ไม่ต้องทรมานมาก ตื่นมาก็มองเห็นวิวสวยๆได้ทันที อิอิ
เหตุผลที่เลือกรีสอร์ทนี้เพราะว่า
1. เห็นหมอกจากเตียง (ย้ำว่ามันต้องจากเตียงเท่านั้น ถ้าต้องออกจากห้องนี่กินพลังงานคนขี้เกียจเยอะไปหน่อย อิอิ
2. เปิดใหม่ (เข้าใจว่าเปิดเมื่อวันที่ 5 ธค ที่ผ่านมานะคะ)
3. เห็นคนคอมเม้นต์ว่า โรแมนติกมากแบบว่ามาสวีทกันสามีภรรยา 2 คน แต่อาจจะกลับ 3 คนเลยทีเดียว (คิคิ)
4. มีคนคอมเม้นต์ (อีกเช่นกัน) ว่าอาหารอร่อย คือบางทีก็ขี้เกียจไปไหนไกลอะนะอยากจะกินชิลอยู่ในโรงแรมงิ ^^
5. มีคนคอมเม้นต์ (อีกเช่นกัน) ว่าเจ้าของน่ารักใจดี ส่วนตัวแล้วคิดว่ามันมีผลกับการตัดสินใจจริงๆนะเพราะเรามั่นใจว่าเจ้าบ้านที่น่ารักย่อมทำให้วันหยุดอันหายากยิ่งของเรามีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
และปัจจัยแถมสุดท้ายคือ ไปแล้วต้องสบายกว่าอยู่บ้าน เตียงต้องสบาย ห้องน้ำต้องสะอาด เจริญอาหารกว่าปกติ (ให้ไปลำบากเดี๋ยวนี้ขอผ่านนะคะ อายุชักจะมากแล้วขอไปแบบชิลๆช้าๆค่ะ ^^)
ปล. อ่านคอมเม้นต์จากเว็บจองโรงแรมทั้งหลายเอาค่ะ แต่ จขกท โทรไปจองกับทางรีสอร์ทโดยตรงเองค่ะ
ออกจากกรุงเทพกันเวลาประมาณ 10.00น กะว่าจะแวะกินนั่นนี่ระหว่างทางและไปถึงที่พักบ่ายแก่ๆเย็นๆชิลๆค่ะ (ขอบอกว่าแวะกันตลอดจริงๆ เดี๋ยวก็ไก่ย่างบัวตอง เดี๋ยวก็ร้านแปลกๆในปั๊มต่างๆ หมูย่าง ลูกชิ้นทอด แหนมทอด ฯลฯ เรียกว่ากินกันจนพุงกางตลอดเวลา)
กว่าจะมาถึงช่วงขึ้นเขาค้อก็พระอาทิตย์เกือบตกพอดี กำลังสวยเลย
ระหว่างทางบนเขาค่ะ (ทางขึ้นเขาค้อมี 3 ทางค่ะ ดูเหมือนว่าแก๊งค์ของเราจะเลือกขึ้นทางที่ถึงก่อน ทางคดเคี้ยวและบางตอนเป็นลูกรังอยู่พอสมควร แต่วิวสวยบาดใจค่ะ เพื่อนๆที่จะไปลองดูนะคะเผื่ออยากขึ้นทางนี้เปลี่ยนบรรยากาศ ^^)
มาถึงรีสอร์ทพระอาทิตย์ตกพอดี
วันนั้นพระอาทิตย์กับก้อนเมฆเป็นใจทำท้องฟ้าสีส้มต้อนรับเราค่ะ
ทางรีสอร์ทจัดที่พักให้ห่างกันพอสมควร จขกท อยู่ด้านริมสุดด้านนึง (ด้านเตี้ยแต่ติดแหล่งทะเลหมอก) ส่วนคุณแม่กับน้องชายพักอยู่ริมสุดอีกด้านนึงที่โดยตำแหน่งห้องแล้วจะสูงกว่าแต่ว่าไกลคุ้งหมอกกว่าค่ะ
พอนั่งชิลกันจนพอใจและหายอิ่ม พวกเราก็ออกตระเวณหาของอร่อยกินกันต่อ ก็เลือกไปร้านใกล้ๆ "แทนรักทะเลหมอก"
เลือกที่นั่งริมระเบียงโต้ลมหนาวกันสุดๆ ผู้คนใส่แฟชั่นกันหนาวกันแบบจัดเต็มมมมม
(แอบสารภาพว่าทริปนี้เป็นทริปด่วนนิดนึงเพราะได้วันหยุดมาอย่างกะทันหัน แถมไปตอนที่อากาศ กทม ยังไม่ค่อยหนาว
จขกท กะ สามี และ น้องชายก็เลยไปแบบเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นค่ะ >< พอพระอาทิตย์ลับตาปุ๊บหนาวสั่นเป็นเจ้าเข้ากันเลยทีเดียว อยากจะขอบริจาคเสื้อหนาวและผ้าห่มจากคนอื่นๆมากๆ มีแต่คุณแม่ที่เตรียมตัวมาดีจริงๆ)
[ช่วงนี้ไม่มีรูปนะคะ จริงๆคือมีแต่ว่าติดสมาชิกร่วมแก๊งค์เลยขออนุญาตไม่เอามาลงนะคะ ^^"]
ทานอาหารเสร็จน้องชายตัวดีชวนกินไอติมต่อ หนาวสั่นสะใจมากๆค่ะ
จากนั้นก็กลับห้องพักแยกย้ายกันเข้านอนฝันดี มาที่นี่จะอยากสละร่างอยู่บนเตียงตลอดเวลา เพราะมันนุ่ม อบอุ่น หอม สบายมากๆค่ะ
แอบถ่ายห้องน้ำมาให้ดูนิดนึง ห้องน้ำกว้าง น้ำร้อน มีสายฉีดชำระที่สะอาด
และที่สำคัญสำหรับโรงแรมแนวโรแมนติกคือสามารถเปิดม่านระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำได้อีกด้วย คิคิ
ปล. ในห้องไม่มีไดร์เป่าผมให้นะคะ ตอนเช็คเอ้าท์แอบแซวกับ จนท นิดนึงว่าหนาวแทบขาดใจตอนสระผมเสร็จ จนท บอกว่าที่จริงเค้ามีบริการนะแต่ไม่ได้เอาไว้ตามห้อง T_T
เช้าวันรุ่งขึ้นกับบรรยากาศจากเตียง จขกท ตั้งเวลาปลุกไว้ 6.00 เลยค่ะ (เช้ามากกกกก ปกติตื่นต้อง 10-11 โมงขึ้นไปค่ะ)
วันนั้นโชคไม่เข้าข้างลมแรงมาก หมอกไม่เกิดค่ะ T___T
หลับๆตื่นๆรอลุ้นหมอกทุกครึ่งชั่วโมงแต่ก็ไม่มี สุดท้ายเลยหลับยาวถึง 9.45น
สะดุ้งตื่นรีบพุ่งไปล้างหน้าแปรงแฟนแล้วทานอาหารเช้าอย่างเร็วรี่ (ดีนะที่คุณสามีตักเอาไว้เผื่อ)
ข้าวต้มหมูอร่อย
ออมเล็ตก็ดี
น้ำเสาวรสอร่อยมากกกกกกกกก กินคนเดียวสองขวดเลยค่ะ (อีกวันนึงกินสี่ขวดเลยค่ะ 55555)
จากนั้นก็ไปเที่ยววัดผาซ่อนแก้วกัน ^_^
ล่าสุดที่มาคือสักเมื่อสามปีก่อน มาคราวนี้ตกก๊ะใจทุกอย่างเปลี่ยนไปใหญ่บึ้มอลังการขึ้นไปอีก
จขกท เคยมาราวๆ 8-9 ปีก่อน ตั้งแต่วัดเป็นเหมือนที่นั่งสมาธิ แทบไม่มีคนเลยสักคนนอกจากคนมานั่งสมาธิจริงๆ
มาวันนี้ตะลึงสุดๆค่ะ
สวยอลังการจริงๆ
ขอไม่ลงรูปเยอะนะคะเข้าใจว่าน่าจะมีรีวิวกันเยอะแล้ว
พอทำบุญ สนทนากับพระท่าน เดินเล่นถ่ายรูปรำลึกความหลังกันเสร็จแล้วก็กลับรีสอร์ทมานอนเล่นในห้องดูพระอาทิตย์ตกค่ะ
และอีกเช่นเคย นอนเล่นกลิ้งไปมาบนเตียงอันแสนนุ่มจนเริ่มหิวแล้วค่อยออกมาหาของกิน
ซึ่งวันนี้เราจะกินกันที่โรงแรมค่ะ
ที่แรกเราเลือกนั่งกันตรงนี้แต่คุณสามีทนลมหนาวไม่ไหวเลยต้องย้ายไปมุมที่มีเสาบังค่ะ 5555
เพื่อนๆที่จะไปอย่านิ่งนอนใจนะคะ เขาค้อหนาวมากกว่าที่เราคิดจริงๆ ^^"
อาหารเย็นเมนูไม่มากค่ะ แต่ทุกรายการอร่อยเข้มข้นจริงๆ
ทุกคนสั่งอาหารไทย แต่ จขกท อยากกินคาโบนาร่าค่ะ 555555555555
คหสต นะ เราว่าอาหารไทยอร่อยจริงแต่ก็แบบสู้ความอร่อยเจ้มจ้นของคาโบนาร่าเราไม่ได้เลย
สืบทราบมาว่าที่นี่มีทั้งพ่อครัวไทยและเชฟอาหารฝรั่งนะคะ เริ่ดไหมหล่ะนั่น ^^
กินเสร็จก็กลิ้งกลับห้องไปนอนจู๋จี๋กอดกันกะคนรักที่ห้อง
คุณแม่เหมือนรู้คิวไม่มาสุงสิงด้วยเลยค่ะ ปล่อยลูกสาวกับสามีเข้าห้องโดยสงบ 5555555
เหมือนเดิมค่ะ เช้า 6 โมง ตั้งนาฬิกาปลุกมาดูหมอก
วันนี้โชคดีกว่าเมื่อวานลมไม่แรงมากเท่าไหร่ หมอกมาแย้ววววว ^______^
7 โมงคุณแม่โทรมากรี้ดกร๊าดว่าให้ลุกมาดูหมอกและแอบประหลาดใจที่ลูกสาวจอมขี้เกียจบอกว่าตื่นแล้วและกำลังดูอยู่ (ตื่นแล้วแต่อยู่บนเตียง อิอิ)
พอคุณสามีถ่ายรูปจนพอใจแล้วเราก็ร้องเมี้ยวๆเรียกคุณสามีกลับมานอนกอดกันบนเตียงกันต่อค่ะ อบอุ่นหัวใจจริงๆ
(และไม่ต้องสืบต่อเลยว่าต้องวิ่งงงงไปทานข้าวเช้าอีกเช่นเคย 55555)
เหมือนวันนี้ จนท จะเป็นใจเก็บอาหารช้ากว่าปกติ เลยได้มีโอกาสได้เห็นว่ารีสอร์ทนี้ใช้แต่ของดีๆทั้งนั้น
แก้วน้ำงี้บางใสแจ๋ว กินน้ำอร่อยกว่าเดิมเยอะเลย ^^
สรุปทริปนี้ อิ่ม อ้วน อบอุ่นหัวใจมากๆค่ะ
สมใจกับความอยากไปนอนกลิ้งๆชิลๆสบายๆมากค่ะ
ปล. โรงแรมนี้ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุนะคะเพราะต้องมีการเดินบันไดหลายขั้น (ราวๆ 20-30 ขั้น) เพื่อลงไปถึงห้องพักค่ะ
ปล. เตียงมันฟินจริงๆนะคะ ^^ ไม่คิดว่าจะมีเตียงที่ไหนฟินได้กว่าอภิมหาอลังการเตียงที่บ้านตัวเอง แต่ต้องยอมรับว่าเตียงที่บ้านเราไม่ได้หอมๆสปาแบบนี้และได้วิวสวยๆแบบนี้ค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านนะคะ ไม่ค่อยได้รีวิวอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่แต่มีความสุขกับทริปนี้มากจริงๆจนต้องมาบอกต่อ
หากมีอะไรผิดพลาดช่วยแนะนำด้วยนะคะ ^_^
[CR] SIRINATI @ KHAO KHO อ้อมกอดแห่งทะเลหมอก
อยากจะมาบอกเล่าประสบการณ์ดีๆจากการได้ไปเที่ยวเขาค้อกับครอบครัวมาค่ะ
ทริปนี้ประกอบไปด้วย จขกท + สามี + คุณแม่ + น้องชาย
เราเลือกไปวันธรรมดาก่อนคริสมาสเล็กน้อย คือ 22-24 ธันวาคมที่ผ่านมาค่ะ
กะว่าจะพาคุณแม่ไปวัดผาซ่อนแก้ว ทำบุญ พักผ่อนส่งท้ายปีกันสักหน่อย
โดยส่วนตัวแล้วเราเคยมาเขาค้อ 3-4 ครั้งแล้วค่ะ และจะเลือกพักช่วงเขาตรงนี้นี่หล่ะเพราะเห็นทะเลหมอกได้จากห้องเลย โดยรีสอร์ทส่วนมากก็จะเป็นกระจกกว้างๆหันหน้าออกทางด้านที่จะเห็นหมอกในยามเช้าเนอะ สายขี้เกียจตื่นเช้าอย่างเราก็ไม่ต้องทรมานมาก ตื่นมาก็มองเห็นวิวสวยๆได้ทันที อิอิ
เหตุผลที่เลือกรีสอร์ทนี้เพราะว่า
1. เห็นหมอกจากเตียง (ย้ำว่ามันต้องจากเตียงเท่านั้น ถ้าต้องออกจากห้องนี่กินพลังงานคนขี้เกียจเยอะไปหน่อย อิอิ
2. เปิดใหม่ (เข้าใจว่าเปิดเมื่อวันที่ 5 ธค ที่ผ่านมานะคะ)
3. เห็นคนคอมเม้นต์ว่า โรแมนติกมากแบบว่ามาสวีทกันสามีภรรยา 2 คน แต่อาจจะกลับ 3 คนเลยทีเดียว (คิคิ)
4. มีคนคอมเม้นต์ (อีกเช่นกัน) ว่าอาหารอร่อย คือบางทีก็ขี้เกียจไปไหนไกลอะนะอยากจะกินชิลอยู่ในโรงแรมงิ ^^
5. มีคนคอมเม้นต์ (อีกเช่นกัน) ว่าเจ้าของน่ารักใจดี ส่วนตัวแล้วคิดว่ามันมีผลกับการตัดสินใจจริงๆนะเพราะเรามั่นใจว่าเจ้าบ้านที่น่ารักย่อมทำให้วันหยุดอันหายากยิ่งของเรามีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
และปัจจัยแถมสุดท้ายคือ ไปแล้วต้องสบายกว่าอยู่บ้าน เตียงต้องสบาย ห้องน้ำต้องสะอาด เจริญอาหารกว่าปกติ (ให้ไปลำบากเดี๋ยวนี้ขอผ่านนะคะ อายุชักจะมากแล้วขอไปแบบชิลๆช้าๆค่ะ ^^)
ปล. อ่านคอมเม้นต์จากเว็บจองโรงแรมทั้งหลายเอาค่ะ แต่ จขกท โทรไปจองกับทางรีสอร์ทโดยตรงเองค่ะ
ออกจากกรุงเทพกันเวลาประมาณ 10.00น กะว่าจะแวะกินนั่นนี่ระหว่างทางและไปถึงที่พักบ่ายแก่ๆเย็นๆชิลๆค่ะ (ขอบอกว่าแวะกันตลอดจริงๆ เดี๋ยวก็ไก่ย่างบัวตอง เดี๋ยวก็ร้านแปลกๆในปั๊มต่างๆ หมูย่าง ลูกชิ้นทอด แหนมทอด ฯลฯ เรียกว่ากินกันจนพุงกางตลอดเวลา)
กว่าจะมาถึงช่วงขึ้นเขาค้อก็พระอาทิตย์เกือบตกพอดี กำลังสวยเลย
ระหว่างทางบนเขาค่ะ (ทางขึ้นเขาค้อมี 3 ทางค่ะ ดูเหมือนว่าแก๊งค์ของเราจะเลือกขึ้นทางที่ถึงก่อน ทางคดเคี้ยวและบางตอนเป็นลูกรังอยู่พอสมควร แต่วิวสวยบาดใจค่ะ เพื่อนๆที่จะไปลองดูนะคะเผื่ออยากขึ้นทางนี้เปลี่ยนบรรยากาศ ^^)
มาถึงรีสอร์ทพระอาทิตย์ตกพอดี
วันนั้นพระอาทิตย์กับก้อนเมฆเป็นใจทำท้องฟ้าสีส้มต้อนรับเราค่ะ
ทางรีสอร์ทจัดที่พักให้ห่างกันพอสมควร จขกท อยู่ด้านริมสุดด้านนึง (ด้านเตี้ยแต่ติดแหล่งทะเลหมอก) ส่วนคุณแม่กับน้องชายพักอยู่ริมสุดอีกด้านนึงที่โดยตำแหน่งห้องแล้วจะสูงกว่าแต่ว่าไกลคุ้งหมอกกว่าค่ะ
พอนั่งชิลกันจนพอใจและหายอิ่ม พวกเราก็ออกตระเวณหาของอร่อยกินกันต่อ ก็เลือกไปร้านใกล้ๆ "แทนรักทะเลหมอก"
เลือกที่นั่งริมระเบียงโต้ลมหนาวกันสุดๆ ผู้คนใส่แฟชั่นกันหนาวกันแบบจัดเต็มมมมม
(แอบสารภาพว่าทริปนี้เป็นทริปด่วนนิดนึงเพราะได้วันหยุดมาอย่างกะทันหัน แถมไปตอนที่อากาศ กทม ยังไม่ค่อยหนาว
จขกท กะ สามี และ น้องชายก็เลยไปแบบเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นค่ะ >< พอพระอาทิตย์ลับตาปุ๊บหนาวสั่นเป็นเจ้าเข้ากันเลยทีเดียว อยากจะขอบริจาคเสื้อหนาวและผ้าห่มจากคนอื่นๆมากๆ มีแต่คุณแม่ที่เตรียมตัวมาดีจริงๆ)
[ช่วงนี้ไม่มีรูปนะคะ จริงๆคือมีแต่ว่าติดสมาชิกร่วมแก๊งค์เลยขออนุญาตไม่เอามาลงนะคะ ^^"]
ทานอาหารเสร็จน้องชายตัวดีชวนกินไอติมต่อ หนาวสั่นสะใจมากๆค่ะ
จากนั้นก็กลับห้องพักแยกย้ายกันเข้านอนฝันดี มาที่นี่จะอยากสละร่างอยู่บนเตียงตลอดเวลา เพราะมันนุ่ม อบอุ่น หอม สบายมากๆค่ะ
แอบถ่ายห้องน้ำมาให้ดูนิดนึง ห้องน้ำกว้าง น้ำร้อน มีสายฉีดชำระที่สะอาด
และที่สำคัญสำหรับโรงแรมแนวโรแมนติกคือสามารถเปิดม่านระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำได้อีกด้วย คิคิ
ปล. ในห้องไม่มีไดร์เป่าผมให้นะคะ ตอนเช็คเอ้าท์แอบแซวกับ จนท นิดนึงว่าหนาวแทบขาดใจตอนสระผมเสร็จ จนท บอกว่าที่จริงเค้ามีบริการนะแต่ไม่ได้เอาไว้ตามห้อง T_T
เช้าวันรุ่งขึ้นกับบรรยากาศจากเตียง จขกท ตั้งเวลาปลุกไว้ 6.00 เลยค่ะ (เช้ามากกกกก ปกติตื่นต้อง 10-11 โมงขึ้นไปค่ะ)
วันนั้นโชคไม่เข้าข้างลมแรงมาก หมอกไม่เกิดค่ะ T___T
หลับๆตื่นๆรอลุ้นหมอกทุกครึ่งชั่วโมงแต่ก็ไม่มี สุดท้ายเลยหลับยาวถึง 9.45น
สะดุ้งตื่นรีบพุ่งไปล้างหน้าแปรงแฟนแล้วทานอาหารเช้าอย่างเร็วรี่ (ดีนะที่คุณสามีตักเอาไว้เผื่อ)
ข้าวต้มหมูอร่อย
ออมเล็ตก็ดี
น้ำเสาวรสอร่อยมากกกกกกกกก กินคนเดียวสองขวดเลยค่ะ (อีกวันนึงกินสี่ขวดเลยค่ะ 55555)
จากนั้นก็ไปเที่ยววัดผาซ่อนแก้วกัน ^_^
ล่าสุดที่มาคือสักเมื่อสามปีก่อน มาคราวนี้ตกก๊ะใจทุกอย่างเปลี่ยนไปใหญ่บึ้มอลังการขึ้นไปอีก
จขกท เคยมาราวๆ 8-9 ปีก่อน ตั้งแต่วัดเป็นเหมือนที่นั่งสมาธิ แทบไม่มีคนเลยสักคนนอกจากคนมานั่งสมาธิจริงๆ
มาวันนี้ตะลึงสุดๆค่ะ
สวยอลังการจริงๆ
ขอไม่ลงรูปเยอะนะคะเข้าใจว่าน่าจะมีรีวิวกันเยอะแล้ว
พอทำบุญ สนทนากับพระท่าน เดินเล่นถ่ายรูปรำลึกความหลังกันเสร็จแล้วก็กลับรีสอร์ทมานอนเล่นในห้องดูพระอาทิตย์ตกค่ะ
และอีกเช่นเคย นอนเล่นกลิ้งไปมาบนเตียงอันแสนนุ่มจนเริ่มหิวแล้วค่อยออกมาหาของกิน
ซึ่งวันนี้เราจะกินกันที่โรงแรมค่ะ
ที่แรกเราเลือกนั่งกันตรงนี้แต่คุณสามีทนลมหนาวไม่ไหวเลยต้องย้ายไปมุมที่มีเสาบังค่ะ 5555
เพื่อนๆที่จะไปอย่านิ่งนอนใจนะคะ เขาค้อหนาวมากกว่าที่เราคิดจริงๆ ^^"
อาหารเย็นเมนูไม่มากค่ะ แต่ทุกรายการอร่อยเข้มข้นจริงๆ
ทุกคนสั่งอาหารไทย แต่ จขกท อยากกินคาโบนาร่าค่ะ 555555555555
คหสต นะ เราว่าอาหารไทยอร่อยจริงแต่ก็แบบสู้ความอร่อยเจ้มจ้นของคาโบนาร่าเราไม่ได้เลย
สืบทราบมาว่าที่นี่มีทั้งพ่อครัวไทยและเชฟอาหารฝรั่งนะคะ เริ่ดไหมหล่ะนั่น ^^
กินเสร็จก็กลิ้งกลับห้องไปนอนจู๋จี๋กอดกันกะคนรักที่ห้อง
คุณแม่เหมือนรู้คิวไม่มาสุงสิงด้วยเลยค่ะ ปล่อยลูกสาวกับสามีเข้าห้องโดยสงบ 5555555
เหมือนเดิมค่ะ เช้า 6 โมง ตั้งนาฬิกาปลุกมาดูหมอก
วันนี้โชคดีกว่าเมื่อวานลมไม่แรงมากเท่าไหร่ หมอกมาแย้ววววว ^______^
7 โมงคุณแม่โทรมากรี้ดกร๊าดว่าให้ลุกมาดูหมอกและแอบประหลาดใจที่ลูกสาวจอมขี้เกียจบอกว่าตื่นแล้วและกำลังดูอยู่ (ตื่นแล้วแต่อยู่บนเตียง อิอิ)
พอคุณสามีถ่ายรูปจนพอใจแล้วเราก็ร้องเมี้ยวๆเรียกคุณสามีกลับมานอนกอดกันบนเตียงกันต่อค่ะ อบอุ่นหัวใจจริงๆ
(และไม่ต้องสืบต่อเลยว่าต้องวิ่งงงงไปทานข้าวเช้าอีกเช่นเคย 55555)
เหมือนวันนี้ จนท จะเป็นใจเก็บอาหารช้ากว่าปกติ เลยได้มีโอกาสได้เห็นว่ารีสอร์ทนี้ใช้แต่ของดีๆทั้งนั้น
แก้วน้ำงี้บางใสแจ๋ว กินน้ำอร่อยกว่าเดิมเยอะเลย ^^
สรุปทริปนี้ อิ่ม อ้วน อบอุ่นหัวใจมากๆค่ะ
สมใจกับความอยากไปนอนกลิ้งๆชิลๆสบายๆมากค่ะ
ปล. โรงแรมนี้ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุนะคะเพราะต้องมีการเดินบันไดหลายขั้น (ราวๆ 20-30 ขั้น) เพื่อลงไปถึงห้องพักค่ะ
ปล. เตียงมันฟินจริงๆนะคะ ^^ ไม่คิดว่าจะมีเตียงที่ไหนฟินได้กว่าอภิมหาอลังการเตียงที่บ้านตัวเอง แต่ต้องยอมรับว่าเตียงที่บ้านเราไม่ได้หอมๆสปาแบบนี้และได้วิวสวยๆแบบนี้ค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านนะคะ ไม่ค่อยได้รีวิวอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่แต่มีความสุขกับทริปนี้มากจริงๆจนต้องมาบอกต่อ
หากมีอะไรผิดพลาดช่วยแนะนำด้วยนะคะ ^_^