Price Action อาจจะไม่ยากอย่างที่คิดก็ได้
ผมรู้สึกเบื่อกับการหลงทางไปกับ Indicator บ่อยๆ ต้องหลงอยู่ในตลาด side way
กว่าจะรู้ตัว ก็คัทลอสติดๆกัน 3-4 ครั้งเข้าไปแล้ว (แล้วจะเหลืออะไรวะ)
หรือ...
พอ MACD ตัดเส้น 0 ในส่วนของ sto ก็พร่ำบอกว่า overbought หรือ oversold ทำให้ลังเลไม่เข้าออเดอร์
กะรอให้ sto มันเข้าโซนธรรมดาก่อน ปรากฎว่าราคาวิ่งไปแล้ว เสียโอกาสดีๆไปอย่างน่าเจ็บใจ
ผมเคยศึกษาเรื่องกราฟแท่งเทียน ตอนแรกรู้สึกมันยากมากๆ แพทเทิร์นอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด
สุดท้ายจำได้แต่ hammer กับ shooting star แล้วก็เลิกไป
แต่แล้ว ผมก็คิดอยากกลับมาศึกษากราฟแท่งเทียนเปล่าๆอีกจนได้
จึงเสิร์ชคำว่า Price Action ลงไป แล้วสิ่งที่ปรากฎขึ้นมาก็ดุจดังแสงสว่าง
Inside Bar & Outside Bar Strategy
ทีนี้ผมก็ไม่ต้องกังวลและปวดหัวไปกับแพทเทิร์นต่างๆอีกต่อไป เพราะ Inside Bar และ Outside Bar เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ง่ายๆ
Inside Bar คือแท่งเทียนที่เกิด lower high และ higher low จากแท่งเทียนก่อนหน้า
ทำให้แท่งเทียนแท่งก่อนมีความยาวครอบคลุมแท่งใหม่มิดทั้งแท่ง ดังภาพ
แท่งยาวนั้นเรียกว่า Mother Bar และจุดที่เป็นราคาสูงสุดและต่ำสุดของ Mother Bar นี่เอง
ที่กลายเป็นแนวรับแนวต้านไปโดยปริยาย
ราคาที่เคลื่อนไหวภายในแนวรับแนวต้านนี้ จะว่าไปมันก็เหมือนกับเป็นตลาด side way นั่นแหละ
คือมันลังเลว่าจะขึ้นหรือจะลงดี จนกระทั่งมีความชัดเจน มันก็จะ break out ไปทางใดทางหนึ่ง
หากมันทะลุแนวต้านขึ้นไป นั่นคือให้เรา Buy หากมันทะลุแนวรับลงมา เราก็จะ Sell
นี่คือวิธีการเข้าออเดอร์ มันดีที่ทำให้เราได้หลบเลี่ยงตลาด side way ที่น่ารังเกียจไปได้เปลาะหนึ่ง
คุณจะเห็นว่ามันเป็นกลยุทธ์ที่ดี ที่รอให้เกิดการ break out
แต่นะครับแต่ ไม่มีอะไรที่ 100% ในโลกของการเทรด เพราะฉะนั้น เผื่อใจไว้สำหรับคำว่า "ผิดทาง" ด้วย
โดยการตั้ง stop loss และใช้ money management อย่างเหมาะสม
การ take profit ก็ตั้งตามแนวรับแนวต้านของภาพใหญ่นั่นแหละครับ
หาก buy ก็ตั้ง TP ที่ high เดิม อาจจะเป็นราคาสูงสุดของเมื่อวาน หรือเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ได้
หาก sell ก็ตั้ง TP ไว้ที่ low เดิมของเมื่อวานหรือเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน
แต่ก็ต้องติดตามดูด้วยนะครับว่ามันจะถึงจริงหรือเปล่า
เอาให้แน่ใจ ถ้าได้กำไรประมาณหนึ่งก็เลื่อน stop loss ตามขึ้นไปในจุดที่เท่าทุน
แล้วเลื่อนตามไปเรื่อยๆทีละนิดก็ได้ เผื่อมันกลับตัวกะทันหันจะได้ไม่ขาดทุน
นี่เป็นตัวอย่างการเทรดโดยใช้กลยุทธ์ Inside Bar ใช้ TF H4
TF ยิ่งเล็กโอกาสพลาดก็ยิ่งเยอะนะครับ ไม่แนะนำให้เทรด TF เล็กๆ H1 ก็ยังพอไหวนะ แต่ H4 น่ะดีกว่า
เรามาดู Outside Bar กันบ้าง Outside Bar ก็คือแท่งเทียนที่เกิด higher high และ lower low
ก็คือแท่งที่เกิดใหม่มีความยาวครอบคลุมแท่งเก่ามิดแท่งนั่นเอง
ตามที่เห็น มี 2 รูปแบบ เป็น Outside ขาขึ้นกับ Outside ขาลงครับ รูปแบบนี้ง่ายๆเลย
ดูว่าแท่ง Outside ราคาปิดทางไหน ก็เปิดออเดอร์ทางนั้น
ถ้ามันปิดข้างบนก็ Buy ถ้ามันปิดข้างล่างก็ Sell เรียกว่าเปิดออเดอร์ตามน้ำได้ทันที
อย่าลืมตั้ง stop loss และใช้ money management ที่เหมาะสม
ตัวอย่างการเทรด พอดีเห็น Outside Bar ใน TF H1 ผมก็ sell เลย
ก็ตั้ง stop loss ที่แนวต้านเส้นสีแดงนั่นแหละ ส่วน TP ผมตั้งที่ low เดิมเมื่อสัปดาห์ก่อน
ซึ่งราคาก็ทะลุไปเรียบร้อยครับ กำไรก็ไม่เท่าไร ประมาณ 1000 กว่า pips หึๆ
Outside Bar นี่หาเจอยากกว่า Inside Bar ครับ Inside Bar นี่เจอบ่อย
หวังว่ากลยุทธ์นี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อย
นี่คือ Price Action กราฟเปล่าๆ + แนวรับแนวต้าน, Indicator ไม่ต้อง(เจือกเลย)ครับ
มึนกับ Indicator กันบ้างมั้ยครับ เอามันออกให้หมดแล้วเทรดกราฟเปล่ากันบ้างดีมั้ย
ผมรู้สึกเบื่อกับการหลงทางไปกับ Indicator บ่อยๆ ต้องหลงอยู่ในตลาด side way
กว่าจะรู้ตัว ก็คัทลอสติดๆกัน 3-4 ครั้งเข้าไปแล้ว (แล้วจะเหลืออะไรวะ)
หรือ...
พอ MACD ตัดเส้น 0 ในส่วนของ sto ก็พร่ำบอกว่า overbought หรือ oversold ทำให้ลังเลไม่เข้าออเดอร์
กะรอให้ sto มันเข้าโซนธรรมดาก่อน ปรากฎว่าราคาวิ่งไปแล้ว เสียโอกาสดีๆไปอย่างน่าเจ็บใจ
ผมเคยศึกษาเรื่องกราฟแท่งเทียน ตอนแรกรู้สึกมันยากมากๆ แพทเทิร์นอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด
สุดท้ายจำได้แต่ hammer กับ shooting star แล้วก็เลิกไป
แต่แล้ว ผมก็คิดอยากกลับมาศึกษากราฟแท่งเทียนเปล่าๆอีกจนได้
จึงเสิร์ชคำว่า Price Action ลงไป แล้วสิ่งที่ปรากฎขึ้นมาก็ดุจดังแสงสว่าง
Inside Bar & Outside Bar Strategy
ทีนี้ผมก็ไม่ต้องกังวลและปวดหัวไปกับแพทเทิร์นต่างๆอีกต่อไป เพราะ Inside Bar และ Outside Bar เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ง่ายๆ
Inside Bar คือแท่งเทียนที่เกิด lower high และ higher low จากแท่งเทียนก่อนหน้า
ทำให้แท่งเทียนแท่งก่อนมีความยาวครอบคลุมแท่งใหม่มิดทั้งแท่ง ดังภาพ
แท่งยาวนั้นเรียกว่า Mother Bar และจุดที่เป็นราคาสูงสุดและต่ำสุดของ Mother Bar นี่เอง
ที่กลายเป็นแนวรับแนวต้านไปโดยปริยาย
ราคาที่เคลื่อนไหวภายในแนวรับแนวต้านนี้ จะว่าไปมันก็เหมือนกับเป็นตลาด side way นั่นแหละ
คือมันลังเลว่าจะขึ้นหรือจะลงดี จนกระทั่งมีความชัดเจน มันก็จะ break out ไปทางใดทางหนึ่ง
หากมันทะลุแนวต้านขึ้นไป นั่นคือให้เรา Buy หากมันทะลุแนวรับลงมา เราก็จะ Sell
นี่คือวิธีการเข้าออเดอร์ มันดีที่ทำให้เราได้หลบเลี่ยงตลาด side way ที่น่ารังเกียจไปได้เปลาะหนึ่ง
คุณจะเห็นว่ามันเป็นกลยุทธ์ที่ดี ที่รอให้เกิดการ break out
แต่นะครับแต่ ไม่มีอะไรที่ 100% ในโลกของการเทรด เพราะฉะนั้น เผื่อใจไว้สำหรับคำว่า "ผิดทาง" ด้วย
โดยการตั้ง stop loss และใช้ money management อย่างเหมาะสม
การ take profit ก็ตั้งตามแนวรับแนวต้านของภาพใหญ่นั่นแหละครับ
หาก buy ก็ตั้ง TP ที่ high เดิม อาจจะเป็นราคาสูงสุดของเมื่อวาน หรือเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ได้
หาก sell ก็ตั้ง TP ไว้ที่ low เดิมของเมื่อวานหรือเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน
แต่ก็ต้องติดตามดูด้วยนะครับว่ามันจะถึงจริงหรือเปล่า
เอาให้แน่ใจ ถ้าได้กำไรประมาณหนึ่งก็เลื่อน stop loss ตามขึ้นไปในจุดที่เท่าทุน
แล้วเลื่อนตามไปเรื่อยๆทีละนิดก็ได้ เผื่อมันกลับตัวกะทันหันจะได้ไม่ขาดทุน
นี่เป็นตัวอย่างการเทรดโดยใช้กลยุทธ์ Inside Bar ใช้ TF H4
TF ยิ่งเล็กโอกาสพลาดก็ยิ่งเยอะนะครับ ไม่แนะนำให้เทรด TF เล็กๆ H1 ก็ยังพอไหวนะ แต่ H4 น่ะดีกว่า
เรามาดู Outside Bar กันบ้าง Outside Bar ก็คือแท่งเทียนที่เกิด higher high และ lower low
ก็คือแท่งที่เกิดใหม่มีความยาวครอบคลุมแท่งเก่ามิดแท่งนั่นเอง
ตามที่เห็น มี 2 รูปแบบ เป็น Outside ขาขึ้นกับ Outside ขาลงครับ รูปแบบนี้ง่ายๆเลย
ดูว่าแท่ง Outside ราคาปิดทางไหน ก็เปิดออเดอร์ทางนั้น
ถ้ามันปิดข้างบนก็ Buy ถ้ามันปิดข้างล่างก็ Sell เรียกว่าเปิดออเดอร์ตามน้ำได้ทันที
อย่าลืมตั้ง stop loss และใช้ money management ที่เหมาะสม
ตัวอย่างการเทรด พอดีเห็น Outside Bar ใน TF H1 ผมก็ sell เลย
ก็ตั้ง stop loss ที่แนวต้านเส้นสีแดงนั่นแหละ ส่วน TP ผมตั้งที่ low เดิมเมื่อสัปดาห์ก่อน
ซึ่งราคาก็ทะลุไปเรียบร้อยครับ กำไรก็ไม่เท่าไร ประมาณ 1000 กว่า pips หึๆ
Outside Bar นี่หาเจอยากกว่า Inside Bar ครับ Inside Bar นี่เจอบ่อย
หวังว่ากลยุทธ์นี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อย
นี่คือ Price Action กราฟเปล่าๆ + แนวรับแนวต้าน, Indicator ไม่ต้อง(เจือกเลย)ครับ