ปีที่แล้วดูหนังไทยในโรงไป 30 กว่าเรื่อง รวมค่าตั๋วก็ 3000 กว่าบาท
ขอย้อนเล่าความรู้สึกก่อนที่จะถึงวันนี้ที่หมดศรัทธากับหนังไทย
เป็นเวลาช่วงหนึ่งของชีวิตที่ชอบดูหนังไทย จุดเริ่มต้นน่าจะมาจากโรงต่างจังหวัดหนังฝรั่งมักจะพากย์ไทยไม่มีเสียงอังกฤษ แต่ถึงแม้ต่อมาจะมีหนัง soundtrack ให้ดูบ้าง ก็ยังคงชอบดูหนังไทยอยู่ ดูแทบทุกเรื่องที่เข้าฉาย อยากให้มีหนังไทยใหม่ๆเข้าทุกสัปดาห์ หน้าหนังจะแย่แค่ไหนก็อยากจะเข้าไปดู บอกไม่ถูกนะ ชอบความเป็นหนังไทย ภาษาไทย คนไทย ดูหนังชาติอื่นก็ไม่ได้ความรู้สึกแบบนี้ บางคนอาจจะบอกก็ดูละครโทรทัศน์ไปก็ได้ แต่เราไม่ชอบดูละครเท่าไหร่ เป็นคอหนังมากกว่า หนังจะดีจะห่วยก็รู้สึกอยากดูเพราะเป็น "หนังไทย"
ก่อนหน้านี้เวลามีคนดูถูกหนังไทยว่าไม่ดูหรอก-ห่วย จะออกตัวเถียงแทน(ในใจ)ว่ามันก็ไม่ขนาดนั้นนะ ก็มีข้อดีอยู่บ้าง ยิ่งคนออกความเห็นทำนองว่า "ผมเลิกดูหนังไทยมานานแล้ว" อ่านแล้วจะหมั่นไส้ว่าคนพวกนี้ชอบดูถูกจัง แต่มาถึงวันนี้เราเริ่มเข้าใจว่าเขา "เลิกดู" เพราะอะไร เพราะหนังไทยย่ำอยู่กับที่ ไม่ยอมทำอะไรใหม่ๆ เมื่อมันขาดความสดใหม่ มีแต่ความซ้ำซากจำเจ ก็ดูไม่น่าดูไม่น่าค้นหาอีกต่อไป และที่ยิ่งกว่าย่ำอยู่กับที่คือ ดูเหมือนมันจะถอยหลังลงคลอง คุณภาพต่ำลง ทั้งด้านงานสร้างที่เริ่มมีหนังที่โปรดักชั่นเหมือนหนังแผ่นเข้าฉายในโรงมากขึ้น อาจจะเพราะยุคนี้ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอล สะดวกมากขึ้นแต่ก็ทำให้ความละเอียดลดลง ไม่เหมือนยุคที่ถ่ายด้วยฟิล์มที่การถ่ายทำยังสัมผัสได้ถึงความเป็นหนัง คิดว่าน่าจะมีส่วนบ้างเหมือนกัน และหนังไทยหลายเรื่องการนำเสนอไม่ต่างจากละครโทรทัศน์มากนัก ทำให้คิดว่าดูละครฟรีอยู่กับบ้านไม่ดีกว่าหรือ
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเท่าไหร่ว่าหนังไทยปีนี้มีเรื่องอะไรเข้าฉายบ้าง แต่ในเดือนนี้เท่าที่เห็นขอบอกผ่านทั้ง 4 เรื่อง (หมายถึงหนังตลาดนะ หนังไทยอินดี้ที่เข้าเดือนนี้น่าดูอยู่ แต่ไม่มีโอกาสเพราะอยู่ต่างจังหวัด) ซึ่งถ้าเป็นปีที่แล้วคิดว่าน่าจะดูทุกเรื่องแน่ๆ แต่วันนี้เราเริ่มคิดได้ว่า เสียเวลาไปดูอะไร... หนังไทยทุกวันนี้ที่แตกต่างจากละครก็คือ มันมีอภิสิทธิ์ที่จะใช้คำหยาบได้มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งทำให้หนังที่คุณภาพแย่อยู่แล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ คำหยาบไม่ได้ช่วยหนังไทยให้ดูอินเตอร์ขึ้นเลย มีแต่จะซ้ำเติมตัวเอง
ที่จริงก็ยังมีหนังไทยที่พอดูได้อยู่บ้าง คงไม่ถึงกับเลิกดู ยังอยากเข้าไปดูในโรงอยู่ แต่ที่จะเปลี่ยนคือไม่ดูสะเปะสะปะทุกเรื่อง แต่ขอเลือกเรื่องที่คิดว่าน่าดูจริงๆ อาจจะเลือกจากดารา ค่ายหนัง ผู้กำกับ ตัวอย่าง
ความตื่นเต้นที่จะได้ดูหนังไทยในแต่ละเรื่องในเกือบทุกสัปดาห์ ตอนนี้หายไปเยอะ รู้สึกแค่ว่าต้องรอเรื่องที่น่าจะพอใช้ได้จริงๆ ช่วงหลังหนังไทยรายได้โดยเฉลี่ยตกต่ำลงค่อนข้างมาก มีหนังที่รายได้ต่ำอย่างน่าใจหายหลายเรื่อง ทำให้เราคิดว่าเพราะมีแฟนหนังไทยเก่าๆหลายคนเขาเริ่มรู้สึกเช่นที่เรารู้สึกวันนี้หรือเปล่า พฤติกรรมการดูเลยเปลี่ยนไป เพราะเขาไม่ไว้ใจและไม่ให้ใจกับหนังไทยเหมือนเดิมอีกแล้ว
ขอฝากทิ้งท้ายว่ามีแต่ผู้สร้างหนังไทยเท่านั้นที่จะเรียกความศรัทธาในหนังไทยกลับคืนมา ถ้าปล่อยให้วงการเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แฟนหนังเก่าๆก็จะเริ่มหันหลังให้ไปทีละคนๆ
ยังรอหนังไทยดีๆอยู่นะ...
ปีนี้คงไม่ดูหนังไทยในโรงมากเหมือนปีที่แล้ว : จากใจแฟนหนังไทยคนหนึ่งที่เริ่มเบื่อหน่าย
ขอย้อนเล่าความรู้สึกก่อนที่จะถึงวันนี้ที่หมดศรัทธากับหนังไทย
เป็นเวลาช่วงหนึ่งของชีวิตที่ชอบดูหนังไทย จุดเริ่มต้นน่าจะมาจากโรงต่างจังหวัดหนังฝรั่งมักจะพากย์ไทยไม่มีเสียงอังกฤษ แต่ถึงแม้ต่อมาจะมีหนัง soundtrack ให้ดูบ้าง ก็ยังคงชอบดูหนังไทยอยู่ ดูแทบทุกเรื่องที่เข้าฉาย อยากให้มีหนังไทยใหม่ๆเข้าทุกสัปดาห์ หน้าหนังจะแย่แค่ไหนก็อยากจะเข้าไปดู บอกไม่ถูกนะ ชอบความเป็นหนังไทย ภาษาไทย คนไทย ดูหนังชาติอื่นก็ไม่ได้ความรู้สึกแบบนี้ บางคนอาจจะบอกก็ดูละครโทรทัศน์ไปก็ได้ แต่เราไม่ชอบดูละครเท่าไหร่ เป็นคอหนังมากกว่า หนังจะดีจะห่วยก็รู้สึกอยากดูเพราะเป็น "หนังไทย"
ก่อนหน้านี้เวลามีคนดูถูกหนังไทยว่าไม่ดูหรอก-ห่วย จะออกตัวเถียงแทน(ในใจ)ว่ามันก็ไม่ขนาดนั้นนะ ก็มีข้อดีอยู่บ้าง ยิ่งคนออกความเห็นทำนองว่า "ผมเลิกดูหนังไทยมานานแล้ว" อ่านแล้วจะหมั่นไส้ว่าคนพวกนี้ชอบดูถูกจัง แต่มาถึงวันนี้เราเริ่มเข้าใจว่าเขา "เลิกดู" เพราะอะไร เพราะหนังไทยย่ำอยู่กับที่ ไม่ยอมทำอะไรใหม่ๆ เมื่อมันขาดความสดใหม่ มีแต่ความซ้ำซากจำเจ ก็ดูไม่น่าดูไม่น่าค้นหาอีกต่อไป และที่ยิ่งกว่าย่ำอยู่กับที่คือ ดูเหมือนมันจะถอยหลังลงคลอง คุณภาพต่ำลง ทั้งด้านงานสร้างที่เริ่มมีหนังที่โปรดักชั่นเหมือนหนังแผ่นเข้าฉายในโรงมากขึ้น อาจจะเพราะยุคนี้ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอล สะดวกมากขึ้นแต่ก็ทำให้ความละเอียดลดลง ไม่เหมือนยุคที่ถ่ายด้วยฟิล์มที่การถ่ายทำยังสัมผัสได้ถึงความเป็นหนัง คิดว่าน่าจะมีส่วนบ้างเหมือนกัน และหนังไทยหลายเรื่องการนำเสนอไม่ต่างจากละครโทรทัศน์มากนัก ทำให้คิดว่าดูละครฟรีอยู่กับบ้านไม่ดีกว่าหรือ
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเท่าไหร่ว่าหนังไทยปีนี้มีเรื่องอะไรเข้าฉายบ้าง แต่ในเดือนนี้เท่าที่เห็นขอบอกผ่านทั้ง 4 เรื่อง (หมายถึงหนังตลาดนะ หนังไทยอินดี้ที่เข้าเดือนนี้น่าดูอยู่ แต่ไม่มีโอกาสเพราะอยู่ต่างจังหวัด) ซึ่งถ้าเป็นปีที่แล้วคิดว่าน่าจะดูทุกเรื่องแน่ๆ แต่วันนี้เราเริ่มคิดได้ว่า เสียเวลาไปดูอะไร... หนังไทยทุกวันนี้ที่แตกต่างจากละครก็คือ มันมีอภิสิทธิ์ที่จะใช้คำหยาบได้มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งทำให้หนังที่คุณภาพแย่อยู่แล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ คำหยาบไม่ได้ช่วยหนังไทยให้ดูอินเตอร์ขึ้นเลย มีแต่จะซ้ำเติมตัวเอง
ที่จริงก็ยังมีหนังไทยที่พอดูได้อยู่บ้าง คงไม่ถึงกับเลิกดู ยังอยากเข้าไปดูในโรงอยู่ แต่ที่จะเปลี่ยนคือไม่ดูสะเปะสะปะทุกเรื่อง แต่ขอเลือกเรื่องที่คิดว่าน่าดูจริงๆ อาจจะเลือกจากดารา ค่ายหนัง ผู้กำกับ ตัวอย่าง
ความตื่นเต้นที่จะได้ดูหนังไทยในแต่ละเรื่องในเกือบทุกสัปดาห์ ตอนนี้หายไปเยอะ รู้สึกแค่ว่าต้องรอเรื่องที่น่าจะพอใช้ได้จริงๆ ช่วงหลังหนังไทยรายได้โดยเฉลี่ยตกต่ำลงค่อนข้างมาก มีหนังที่รายได้ต่ำอย่างน่าใจหายหลายเรื่อง ทำให้เราคิดว่าเพราะมีแฟนหนังไทยเก่าๆหลายคนเขาเริ่มรู้สึกเช่นที่เรารู้สึกวันนี้หรือเปล่า พฤติกรรมการดูเลยเปลี่ยนไป เพราะเขาไม่ไว้ใจและไม่ให้ใจกับหนังไทยเหมือนเดิมอีกแล้ว
ขอฝากทิ้งท้ายว่ามีแต่ผู้สร้างหนังไทยเท่านั้นที่จะเรียกความศรัทธาในหนังไทยกลับคืนมา ถ้าปล่อยให้วงการเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แฟนหนังเก่าๆก็จะเริ่มหันหลังให้ไปทีละคนๆ
ยังรอหนังไทยดีๆอยู่นะ...