ความรักสัตว์ของแม่ เป็นการทรมานสัตว์ของดิฉัน

เรื่องมีอยู่ว่า ครอบครัวดิฉัน คุณแม่เป็นคนชอบสะสมของมาก
สะสมเก็บของทุกอย่างจนกองพะเนิน ทั้งที่เป็นขยะและไม่เป็นขยะ สุมรวมกันจนแทบไม่มีทางเดินในบ้านค่ะ
แต่ปัญหาของดิฉันวันนี้ ไม่ใช่เรื่องของการสะสมสิ่งไม่มีชีวิต แต่การสะสมของคุณแม่ลุกลามไปถึงสิ่งมีชีวิตค่ะ

คือเดิมทีคุณแม่มีพื้นฐานเป็นคนรักสัตว์มาก มักเก็บสุนัขมาเลี้ยงไว้มากมาย
กินอยู่และขับถ่ายรวมกันกับที่อยู่คุณแม่ ดิฉันทนรับสภาพไม่ได้จึงแยกตัวออกมา
(เคยมีการจ้างคนมาเคลียร์บ้านให้โล่งแล้ว แต่ก็อยู่ในสภาพนั้นได้ไม่นาน)

พักหลัง คุณแม่ เริ่มสะสมสัตว์ชนิดต่างๆ เลี้ยงไว้ในกรงแบบแกนๆ คือให้ข้าวให้น้ำ แต่ปีหนึ่งจะล้างกรงสักหนึ่งครั้ง
เพราะท่านบ่นว่าแก่แล้ว ทำไม่ไหว

มีนก กิ้งก่า และแมว

ก่อนหน้าที่จะจับแมวขัง คุณแม่ก็ให้ข้าวให้น้ำปล่อยมันวิ่งเล่น
ครอกแรกที่คลอดลูกก็ยังปล่อยอยู่ จนโดนหมาไทยที่เก็บมาเลี้ยงกัดตายไปบ้าง 
ครอกที่สองที่ออกมา คุณแม่ก็จับขังทั้งแม่แมวลูกแมวในกรง ปล่อยจนลูกแมวห้าตัวเริ่มโตจนคับกรง

ดิฉันสงสาร ก็พามาหาบ้าน หาได้สองบ้าน สามตัวที่เหลืออยู่ในกรงอีกเกือบปีจนขาหลังเริ่มอ่อนแรงเดินลำบาก
ด้วยความสงสาร จึงรับมาอยู่ด้วย รวมกับเดิมที่มีอยู่ที่บ้าน เป็น5ตัว พร้อมกับหวังว่าจะไม่มีแมวตัวไหนถูกเลี้ยงอัดในกรงอีก

ผ่านไปได้ไม่นาน พอกรงว่าง คุณแม่ก็ไปจับเอาตัวที่เหลือจากครอกแรก(ซึ่งเป็นแมวโต)
มาใส่กรงใหม่ โดยให้เหตุผลว่ากลัวหมากัด มันกัดตายไปหลายตัวแล้ว

ดิฉันเคยบอกให้คุณแม่ล่ามหมา เป็นครั้งคราว แล้วปล่อยแมวมายืดเส้นยืดสายบ้างแต่ท่านก็ไม่ทำ
อ้างว่า หมาเห่าเกรงใจข้างบ้าน ไม่มีเวลาดู ไล่จับไม่ไหว ฯลฯ

น้องแมวมีความเป็นอยู่จมกองอึในกรงอยู่ร่วมปีแล้วค่ะ
สองสามครั้งล่าสุดที่ดิฉันไปที่บ้าน น้องแมวตัวนี้นอนนิ่งๆ เรียกแล้วไม่มีปฎิกิริยาเลย ไม่ลุก ไม่เดิน ไม่ขยับตัว ซึมมาก

ซ้ำร้าย มีลูกแมวจากไหนไม่รู้มาเพิ่มอีกอยู่กรงข้างๆ คุณแม่บอกว่า อุ้มมาจากข้างถนน กลัวมันโดนรถชน
ดิฉันเห็นความเป็นอยู่แมวสองตัวนี้แล้ว บอกตามตรงว่าหดหู่มาก ดิฉันไม่รู้จะช่วยอย่างไร
ตัวแมวโต ไม่รู้ว่าปล่อยออกมาแล้วจะยังเดินได้มั้ย ถ้าแกล้งปล่อยออกมาแล้วเดินไม่ได้ หมาก็กัดตายอยู่ดี

ดิฉันเคยสั่งกรงมาสำหรับให้คุณแม่ขังหมาเป็นครั้งคราวนะคะ
แต่สุดท้ายท่านไม่ขังค่ะ กลางวันท่านอ้างว่าหมาเห่า เกรงใจข้างบ้าน
ส่วนกลางคืนท่านบอกว่า ท่านนอนไม่หลับถ้าท่านไม่ได้นอนกับหมา

ดิฉันเคยถึงขั้นบอกคุณแม่เลยว่า ถ้าจะเลี้ยงแมวแบบนี้ ก็เลวร้ายไม่ต่างกับปล่อยให้หมากัดตาย 
สู้ให้หมากัดตายให้ไปเกิดที่อื่น อาจจะสุขสบายกว่า

และกลับมานั่งคิดๆดู ดิฉันว่า ถึงถ้าดิฉันรับมาเลี้ยงเพิ่ม ก็จะมีแมวเคราะห์ร้ายถูกจับมาขังกรงเรื่อยๆ
เพราะว่าปัญหาอยู่ที่คน......ไม่ใช่แมว

เล่ามาซะยืดยาว  สรุปก็คือ
ดิฉันอยากปรึกษาเพื่อนๆค่ะว่า ควรจะทำอย่างไรกับน้องแมวที่น่าสงสารสองตัวนี้
เพราะที่บ้านดิฉัน ไม่สามารถรองรับแมวได้เกินห้าตัวแล้ว
(เพราะไม่เช่นนั้นจะดูแลไม่ทั่วถึง........ดิฉันไม่อยากเป็นเหมือนคุณแม่ค่ะ)

ถ้าเอาเค้ามารักษา หาบ้าน.....แล้วไม่มีคนรับไปเลี้ยง ดิฉันควรทำอย่างไรกับเค้าดีคะ
ถ้าเอากลับไปไว้ที่เดิม ก็ไม่ต่างกับส่งกลับไปตกนรกเหมือนที่ผ่านมา

หรือในกรณีแบบนี้ ไม่ทราบว่าดิฉันแจ้งหน่วยงานพิทักษ์สัตว์ ให้เข้ามาตรวจสอบความเป็นอยู่สัตว์ในบ้านดีหรือไม่

พูดกันด้วยเหตุผลภายในครอบครัวแล้วไม่รู้เรื่องจริงๆค่ะ


ขอแท็คห้องสุขภาพจิตด้วยนะคะ เผื่อมีจิตแพทย์ท่านใดพอมีคำแนะนำบ้าง
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
บอกได้ว่า คุณแม่ของคุณมีความผิดปกติทางจิตใจค่ะ คือ เป็นโรคสะสมสมบัติบ้า (Hoarding) ค่ะ แต่ว่าหนักกว่านั้นเพราะลุกลามกลายเป็นการสะสมสัตว์แล้ว (Animal Hoarding) การสะสะมสมบัติบ้า เจ้าตัวจะมีความรู้สึกผูกพันกับของที่ตัวเองเก็บสะสมอย่างรุนแรงจนไม่อาจตัดใจได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่มีความสามารถที่จะดูแลรักษาจัดระเบียบ ได้แต่กอง ๆ ไว้แล้วใช้ชีวิตอยู่อย่างนั้น

คนเป็นแบบนี้เยอะนะคะ การที่เริ่มลุกลามจนเป็นการสะสมสัตว์ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมีผลต่อสุขภาพอนามัย และเป็นการทารุณสัตว์ด้วย เราคิดว่า จะต้องลองปรึกษาจิตแพทย์ดูค่ะ

อยากให้ลองอ่านบทความเกี่ยวกับจิตวิทยาของการเก็บสะสมดู จะมีสองบทความนะคะ แต่โพสต์ทีเดียวไม่ได้ ค่อนข้างยาวเลยเกินจำนวนคำที่พันทิปกำหนด

จิตวิทยาของการเก็บสะสม (บทความ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่