สวัสดีค่ะ
ขอแนะนำตัวก่อน ชื่อแป้งจี่ค่ะ แต่ก็เรียกกันว่าแป้งละกัน เรื่องที่เล่านี้มันเกิดขึ้นนานหลายปีแล้ว
เราก็ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะสถานที่นี้ห้ามถ่ายเวลาเข้าไป แต่ตอนนี้เราไม่ได้เข้าไปสอนแล้ว
เพราะเราย้ายกลับมาอยู่บ้านเพื่อทำงานที่ต่างจังหวัดหลังจากเราเรียนจบค่ะ เราคงอาจเล่าให้ได้ไม่ครบหรืออะไร
แต่มันเป็นความรู้สึกดีๆที่มีให้กับสถานที่แห่งนี้ก็เลยอยากจะเอามาแชร์ให้ชาวพันทิพได้รู้กันนะคะ
เหตุที่อยากจะมาเล่าเพราะวันนี้มีจดหมายฉบับหนึ่งส่งมาถึงเราที่บ้าน มันเป็นสคส.ที่จ่าหน้าถึงเรา
ไม่ว่าจะวันเกิด วันปีใหม่ สถานที่นี้ก็ไม่เคยลืมเราเลย มูลนิธิสอนคนตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์
หรือง่ายๆเราเรียกกันก็โรงเรียนสอนคนตาบอดแหละค่ะ
สาเหตุที่เราได้รู้จักกับที่นั่นก็เพราะการลงเรียนวิชาเลือกในมหาวิทยาลัย อาจารย์บังคับให้ไปทำความดีกับสังคม
จับกลุ่มกัน ไอ้เราก็ไม่รู้ เพราะเราเป็นเด็กตจว. ทำความดีในกทม.มันมีที่ไหน ไปวัด? สังคมช่างกว้างใหญ่ คิดไม่ตก
เราเลยรู้สึกว่า โอ้ยยย เอาที่ไหนที่มันรถไฟฟ้าไปถึงเพราะการเดินทางที่เด็กบ้านนอกอย่างอิชั้นไปเป็นคือบีทีเอส
ที่เราสามารถกลับบ้านถูกไม่มีคนโดนหลอก แถมเวลาที่จะไปสะดวกแต่วันธรรมดาอีก แล้วก็ต้องหลังเลิกเรียน
ใครๆก็รู้ว่าจะมานัดเพื่อนในกลุ่มได้ช่างยากเย็นแสนเข็ญ เราก็เลยตกลงไปที่นี่กัน แต่สำคัญก็คือ ต้องหาข้อมูล
เพราะเราไม่เคยไป และเป็นการทำรายงานค่ะ มันต้องมีการถ่ายรูป สถานที่แบบนี้ เขารักษาสิทธิของผู้พิการทางสายตาแน่นอน
วันที่เรานัดไป ก็ตื่นเต้นมากกกกก เพราะเราไม่เคยเจอคนตาบอด เอ๊ย! ไม่ใช่ค่ะ เราไม่เคยไปสอนการบ้านเด็กพิการทางสายตา
ขอใช้คำว่าน้องตาบอดนะคะ ตอนที่หน้าประตู้รั้วเขาจะมิดชิดหน่อย แต่รอบๆแถวๆนั้นก็จะสังเกตได้ว่าจะมีเลนถนนขรุขระทำไว้ให้สำหรับคนตาบอดโดยเฉพาะเลย แต่พอเราเข้าไปเราต้องแลกบัตรกับป้อมยามค่ะ อย่างเช่นบัตรประชาชน บัตรนักศึกษา บัตรนิสิต
จากนั้นเราก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนค่ะ เพื่อลงชื่อและลงเวลาเข้าไว้ว่าเรามาติดต่ออะไร ถ้าเราจะมาสอน
เราสามารถสอนวิชาอะไรได้บ้าง ถ้าเราถนัด อังกฤษ คณิต เคมี สังคม ไทย ก็ระบุไปเลย พอน้องคนไหนมีการบ้านอะไร
ก็จะมาให้เราสอนตัวต่อตัวค่ะ น้องก็จะบอกเลยว่า วะนนี้มีการบ้านอะไร หน้าไหนก็จะพับไว้
หน้าที่สำหรับเราที่ต้องทำคือ ทำการบ้านให้น้อง 55555+ จริงๆค่ะ คือเราก็อ่านการบ้านนี่แหละ
แต่เราก็รอคำตอบการบ้านของน้อง ว่าน้องจะตอบอะไร เราก็เขียนให้ เพราะน้องเขาไปเรียนโรงเรียนกับนักเรียนปกติค่ะ
(จากที่เราเข้าใจนะคะ เพราะหนังสือเรียนที่เอามาก็เหมือนกันหมด ไม่มีแนวตัวอักษรเบลล์หรืออะไร แต่นอกนั้นแล้ว
น้องเขาจะมาจดบันทึกส่วนตัว ความเข้าใจกับเรา หรือเทคนิคพิเศษที่เราแนะนำ เป็นตัวอักษรเบลล์เก็บไว้อ่านเอง
มันก็จะเป็นตารางรูเล็กๆ กระดาษreused เอามาใช้ เป็นเราเราก็ไม่รู้น้องเขาบันทึกอะไร เพราะฉะนั้น
การบ้านที่นำไปส่งอาจารย์ก็จะอ่านการบ้านที่เป็นลายมือเรา ถ้าลายมือเราขี้เหร่อาจารย์ก็จะว่าเรา ไม่ได้ว่าน้อง 5555+
หนังสือทั้งเล่มลายมือก็จะไม่เหมือนกันเลย มันก็เป็นเสน่ห์อย่างนึงนะคะ พอทำการบ้านให้น้องเสร็จเราก็นั่งคุยกัน
นั่งเล่นจนกว่าน้องจะเข้าหอ
เพราะข้างในโรงเรียนสอนคนตาบอดจะเป็นหอพักค่ะ
หลังจากที่แป้งไปโรงเรียนวันนั้น แป้งรู้สึกประทับใจมากค่ะ แม้ว่าส่งรายงานไปแล้ว แป้งเลยตัดสินใจมาทำการบ้านให้น้องอีก
แม้ว่าจะมาคนเดียว วันไหนที่เราไม่มีการบ้าน ว่าง ก็จะมา ....เรารู้สึกว่าการได้มาช่วยน้องทำการบ้านเป็นการเสียสละที่ดี
เราได้เพื่อนใหม่ ทั้งน้อง อาสาสมัครผู้สอนคนอื่นๆ อีกอย่างนึง คือ เวลาเรามาสอน เขาคิดถึงเรา เขามีเพื่อนใหม่ๆ
เราได้แบ่งปันประสบการณ์ เล่าเรื่องราวต่างๆกันและกัน ความรู้สึกที่ประทับใจมากๆคือทพอเรามาบ่อยๆเข้าน้องเขาจำเสียงเราได้
อันนี้บอกความรู้สึกไม่ถูกเลยค่ะ พอเวลาเราเดินเข้าไปในโรงเรียน เขาก็จะเรียกเราทันทีว่า พี่แป้งมาเหรอๆ
แล้วเดินมาหาเราตามเสียงเลยค่ะ
....แต่เราก็รู้ว่าเวลาก็ต้องเปลี่ยนไป แป้งก็ต้องเรียนจบ ก็ต้องย้ายกลับมายังบ้านที่ตจว. แต่แป้งก็ยังหวังว่าจะมีโอกาสได้แวะไปอีกค่ะ
พอแป้งเห็นสคส.ใบนี้ก็เลยรู้สึกว่าโรงเรียนนี้ยังไม่เคยลืมเราเลย และแป้งก็ยังไม่เคยลืมความรู้สึกดีๆนี้เช่นกัน
....ขอบคุณสำหรับรายงานครั้งนั้นจริงๆค่ะ
ท้ายนี้ ถ้าคนไหนมีโอกาสก็อย่าลืมแวะไปสอนการบ้านน้องๆบ้างนะคะ แล้วคุณจะรู้ว่ามันไม่เหมือนที่คุณคิดค่ะ ^^
เมื่อฉันคิดถึงโรงเรียนสอนคนตาบอด
ขอแนะนำตัวก่อน ชื่อแป้งจี่ค่ะ แต่ก็เรียกกันว่าแป้งละกัน เรื่องที่เล่านี้มันเกิดขึ้นนานหลายปีแล้ว
เราก็ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะสถานที่นี้ห้ามถ่ายเวลาเข้าไป แต่ตอนนี้เราไม่ได้เข้าไปสอนแล้ว
เพราะเราย้ายกลับมาอยู่บ้านเพื่อทำงานที่ต่างจังหวัดหลังจากเราเรียนจบค่ะ เราคงอาจเล่าให้ได้ไม่ครบหรืออะไร
แต่มันเป็นความรู้สึกดีๆที่มีให้กับสถานที่แห่งนี้ก็เลยอยากจะเอามาแชร์ให้ชาวพันทิพได้รู้กันนะคะ
เหตุที่อยากจะมาเล่าเพราะวันนี้มีจดหมายฉบับหนึ่งส่งมาถึงเราที่บ้าน มันเป็นสคส.ที่จ่าหน้าถึงเรา
ไม่ว่าจะวันเกิด วันปีใหม่ สถานที่นี้ก็ไม่เคยลืมเราเลย มูลนิธิสอนคนตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์
หรือง่ายๆเราเรียกกันก็โรงเรียนสอนคนตาบอดแหละค่ะ
สาเหตุที่เราได้รู้จักกับที่นั่นก็เพราะการลงเรียนวิชาเลือกในมหาวิทยาลัย อาจารย์บังคับให้ไปทำความดีกับสังคม
จับกลุ่มกัน ไอ้เราก็ไม่รู้ เพราะเราเป็นเด็กตจว. ทำความดีในกทม.มันมีที่ไหน ไปวัด? สังคมช่างกว้างใหญ่ คิดไม่ตก
เราเลยรู้สึกว่า โอ้ยยย เอาที่ไหนที่มันรถไฟฟ้าไปถึงเพราะการเดินทางที่เด็กบ้านนอกอย่างอิชั้นไปเป็นคือบีทีเอส
ที่เราสามารถกลับบ้านถูกไม่มีคนโดนหลอก แถมเวลาที่จะไปสะดวกแต่วันธรรมดาอีก แล้วก็ต้องหลังเลิกเรียน
ใครๆก็รู้ว่าจะมานัดเพื่อนในกลุ่มได้ช่างยากเย็นแสนเข็ญ เราก็เลยตกลงไปที่นี่กัน แต่สำคัญก็คือ ต้องหาข้อมูล
เพราะเราไม่เคยไป และเป็นการทำรายงานค่ะ มันต้องมีการถ่ายรูป สถานที่แบบนี้ เขารักษาสิทธิของผู้พิการทางสายตาแน่นอน
วันที่เรานัดไป ก็ตื่นเต้นมากกกกก เพราะเราไม่เคยเจอคนตาบอด เอ๊ย! ไม่ใช่ค่ะ เราไม่เคยไปสอนการบ้านเด็กพิการทางสายตา
ขอใช้คำว่าน้องตาบอดนะคะ ตอนที่หน้าประตู้รั้วเขาจะมิดชิดหน่อย แต่รอบๆแถวๆนั้นก็จะสังเกตได้ว่าจะมีเลนถนนขรุขระทำไว้ให้สำหรับคนตาบอดโดยเฉพาะเลย แต่พอเราเข้าไปเราต้องแลกบัตรกับป้อมยามค่ะ อย่างเช่นบัตรประชาชน บัตรนักศึกษา บัตรนิสิต
จากนั้นเราก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนค่ะ เพื่อลงชื่อและลงเวลาเข้าไว้ว่าเรามาติดต่ออะไร ถ้าเราจะมาสอน
เราสามารถสอนวิชาอะไรได้บ้าง ถ้าเราถนัด อังกฤษ คณิต เคมี สังคม ไทย ก็ระบุไปเลย พอน้องคนไหนมีการบ้านอะไร
ก็จะมาให้เราสอนตัวต่อตัวค่ะ น้องก็จะบอกเลยว่า วะนนี้มีการบ้านอะไร หน้าไหนก็จะพับไว้
หน้าที่สำหรับเราที่ต้องทำคือ ทำการบ้านให้น้อง 55555+ จริงๆค่ะ คือเราก็อ่านการบ้านนี่แหละ
แต่เราก็รอคำตอบการบ้านของน้อง ว่าน้องจะตอบอะไร เราก็เขียนให้ เพราะน้องเขาไปเรียนโรงเรียนกับนักเรียนปกติค่ะ
(จากที่เราเข้าใจนะคะ เพราะหนังสือเรียนที่เอามาก็เหมือนกันหมด ไม่มีแนวตัวอักษรเบลล์หรืออะไร แต่นอกนั้นแล้ว
น้องเขาจะมาจดบันทึกส่วนตัว ความเข้าใจกับเรา หรือเทคนิคพิเศษที่เราแนะนำ เป็นตัวอักษรเบลล์เก็บไว้อ่านเอง
มันก็จะเป็นตารางรูเล็กๆ กระดาษreused เอามาใช้ เป็นเราเราก็ไม่รู้น้องเขาบันทึกอะไร เพราะฉะนั้น
การบ้านที่นำไปส่งอาจารย์ก็จะอ่านการบ้านที่เป็นลายมือเรา ถ้าลายมือเราขี้เหร่อาจารย์ก็จะว่าเรา ไม่ได้ว่าน้อง 5555+
หนังสือทั้งเล่มลายมือก็จะไม่เหมือนกันเลย มันก็เป็นเสน่ห์อย่างนึงนะคะ พอทำการบ้านให้น้องเสร็จเราก็นั่งคุยกัน
นั่งเล่นจนกว่าน้องจะเข้าหอ
เพราะข้างในโรงเรียนสอนคนตาบอดจะเป็นหอพักค่ะ
หลังจากที่แป้งไปโรงเรียนวันนั้น แป้งรู้สึกประทับใจมากค่ะ แม้ว่าส่งรายงานไปแล้ว แป้งเลยตัดสินใจมาทำการบ้านให้น้องอีก
แม้ว่าจะมาคนเดียว วันไหนที่เราไม่มีการบ้าน ว่าง ก็จะมา ....เรารู้สึกว่าการได้มาช่วยน้องทำการบ้านเป็นการเสียสละที่ดี
เราได้เพื่อนใหม่ ทั้งน้อง อาสาสมัครผู้สอนคนอื่นๆ อีกอย่างนึง คือ เวลาเรามาสอน เขาคิดถึงเรา เขามีเพื่อนใหม่ๆ
เราได้แบ่งปันประสบการณ์ เล่าเรื่องราวต่างๆกันและกัน ความรู้สึกที่ประทับใจมากๆคือทพอเรามาบ่อยๆเข้าน้องเขาจำเสียงเราได้
อันนี้บอกความรู้สึกไม่ถูกเลยค่ะ พอเวลาเราเดินเข้าไปในโรงเรียน เขาก็จะเรียกเราทันทีว่า พี่แป้งมาเหรอๆ
แล้วเดินมาหาเราตามเสียงเลยค่ะ
....แต่เราก็รู้ว่าเวลาก็ต้องเปลี่ยนไป แป้งก็ต้องเรียนจบ ก็ต้องย้ายกลับมายังบ้านที่ตจว. แต่แป้งก็ยังหวังว่าจะมีโอกาสได้แวะไปอีกค่ะ
พอแป้งเห็นสคส.ใบนี้ก็เลยรู้สึกว่าโรงเรียนนี้ยังไม่เคยลืมเราเลย และแป้งก็ยังไม่เคยลืมความรู้สึกดีๆนี้เช่นกัน
....ขอบคุณสำหรับรายงานครั้งนั้นจริงๆค่ะ
ท้ายนี้ ถ้าคนไหนมีโอกาสก็อย่าลืมแวะไปสอนการบ้านน้องๆบ้างนะคะ แล้วคุณจะรู้ว่ามันไม่เหมือนที่คุณคิดค่ะ ^^