สวัสดีครับ ผมขอเล่าเรื่องแบบไม่ยืดยาวนะครับ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวานนี้ผมกับแฟนได้ไปดูหนังรอบบ่าย 3 โมงในห้างย่านฝั่งธน โดยที่นั่งที่เลือกไว้คือแถว A ซึ่งก็คือแถวบนสุดรองจากแถวเก้าอี้โซฟาสำหรับมาเป็นคู่ ซึ่งด้านบนที่นั่งของผมก็ตรงกับแถวโซฟาพอดี เรื่องก็คือพอหนังเริ่มฉายไปได้สักพักเดียว ผมก็รู้สึกว่าเท้าของเก้าอี้โซฟามากระเทือนที่เก้าอี้ที่ผมนั่ง ซึ่งแน่นอนว่าตรงนี้ผมเองหรือใครหลายๆคนก็คงจะต้องเคยเจอเหมือนกันที่คนที่นั่งเก้าอี้ด้านหลังเราจะมาชนถูกเก้าอี้ที่เรานั่งโดยบังเอิญหรือไม่ได้ตั้งใจ หรือเราเองบ้างก็เผลอไปโดน ซึ่งเราก็เค้าใจได้โดยปรกติ แต่สักพักเดียวก็ใช้เท้าเตะมาที่เก้าอี้ที่ผมนั่งอีก แต่เราก็คิดดีไว้ว่าคงจะพลาดอีกมั่ง ไม่อยากเสียอารมณ์เพราะหนังก็สนุกดี ก็ไม่อยากเอาตรงนี้มาเป็นเหตุให้ตัวเองไม่หนังสนุก
แต่กรณีของผมคือภายในระยะเวลาไม่เกิน 20 นาทีที่นั่งดู เก้าอี้โซฟาด้านหลังผมเค้าใช้เท้าเตะมาถูกเก้าอี้ผมไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง จนผมรู้สึกไม่พอใจ จนหันหลังกลับไปมองว่าเป็นใคร อายุเท่าไหร่ ซึ่งก็พอมองเห็นว่าเป็นชายอายุประมาณ 30 กว่ารูปร่างท้วม ซึ่งคงมาดูกับแฟนเค้าซึ่งก็รูปร่างพอๆกัน ซึ่งการที่ผมทำแบบนี้ก็คือเป็นการบอกในคนข้างหลังเค้ารู้สึกตัวได้ว่าคุณต้องเกรงใจคนที่นั่งด้านหน้าบ้างไม่ใช่เอาเท้ามาเตะโดนเก้าอี้คนนั่งหน้าถึงไม่จะไม่ตั้งใจก็ตาม แต่คุณต้องนั่งแบบระวังได้แล้ว ซึ่งเชื่อว่าเค้าต้องรู้ว่าเท้าเค้ามาโดนเก้าอี้เราบ่อยแน่ๆ ซึ่งมันยังไม่จบแค่นั้น
เพราะอีกสักพักเดียวก็เหมือนเดิม เท้ายังคงเตะมาโดนเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่เป็นระยะหนักบ้าง เบาบ้าง รวมๆแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งซึ่งในตอนนั้นบอกตรงๆว่าผมรู้สึกดูหนังไม่สนุกแล้ว อยากกลับมากกว่าแต่เห็นว่าแฟนกำลังดูสนุกอยู่ ก็เลยทนนั่งไปสักพัก ต้องบอกให้ทราบว่าผมเองก็ไม่ได้นั่งแบบเอาหลังพิงทิ้งน้ำหนักตัวมาก (ผมหนัก 53 กิโล) สุดท้ายไม่ไหวจริงๆ เลยนั่งตัวตรงเลยดูซิว่าจะยังโดนอีกหรือเปล่า ซึ่งก็เหมือนเดิม เท้าเค้าก็ยังคงเตะเก้าอี้ผมอีก ผมเลยบอกกับแฟนว่าผมจะขอออกไปรอข้างนอกก่อน เพราะอะไรก็บอกไป ซึ่งแฟนผมก็เค้าใจและออกจากโรงหนังพร้อมๆกัน เพราะแฟนผมเองก็โดนแบบเดียวกันแต่ว่านานๆที ไม่เท่าผม ตอนลุกออกมาก็เลยพูดเบาๆไปคำว่าไม่มีมารยาทบ้างเลย
จากนั้นก็เดินออกมาตรงประตูทางเข้า ที่พนักงานเค้าตรวจตั๋วก่อนเค้าไปนั่นแหละ ก็มีเล่าให้พนักงานฟังซึ่งตอนนั้นพนักงานยืนอยู่ 3 คน พนักงานผู้หญิง 2 คน ชาย 1 คน พนักงานผู้หญิงอีกคนจึงอาสาว่าจะพาเข้าไปดำเนินการให้ แต่ผมบอกว่าไม่ต้องหรอกเพราะไม่อยากดูแล้ว และคิดเองว่าคนแบบนี้พูดไปจะฟังรู้เรื่องหรือเปล่าก็ไม่รู้ และก็ไม่อยากจะทำให้คนอื่นๆที่เค้าดูหนังกันเสียบรรยากาศ พนักงานผู้ชายอีกคนก็ถามว่าต้องการจะเปลื่ยนที่นั่งไหม ผมก็บอกว่าไม่เป็นไรเพราะอารมณ์ตอนนั้นคือไม่อยากดูแล้ว พนักงานก็ได้บอกว่าต้องขอโทษด้วย ซึ่งผมก็บอกไปว่าขอบคุณครับแต่มันไม่ได้เกี่ยวกับโรงหนังหรือการบริการของโรงหนังแต่มันเป็นเพราะคนต่างหาก
ทั้งหมดที่เล่ามาคือเหตุการณ์ที่ผมเพิ่งเคยเจอ โชคไม่ดีที่ไปเจอคนแบบนี้ จึงอยากนำมาเล่าสู่กันฟังเผื่อว่าใครเคยเจอลักษณะคล้ายๆกันก็จะได้รู้ว่ายังมีคนแบบนี้อยู่ในสังคม อยากจะบอกไปถึงคุณคนนั้นว่าการที่คุณเลือกเก้าอี้โซฟา ก็เพื่อที่ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ทำไมถึงมาทำนิสัยแบบนี้กับคนอื่น เก้าอี้โซฟาเค้าให้ความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง นั่งสบายกว่าก็ในระดับนึง แต่ไม่ใช่จะถึงขั้นนอนเหยียดแข็งเหยียดขาซะเต็มที จนถ้าเท้าพาดเก้าอี้คนนั่งหน้าได้ก็คงจะพาดไปแล้ว โดนไม่สนใจคนอื่นว่าจะเป็นยังไง ซึ่งเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องพื้นฐานมากๆ ผมไม่รู้ว่าต้องทำโฆษณารถรงค์เหมือนเวลาที่ต้องปิดมือถือในโรงภาพยนตร์ด้วยหรือเปล่า คนแบบนี้ถึงจะเข้าใจได้ เพราะถ้าไม่ทำก็คงคิดเองไม่ได้ คิดเองไม่เป็น ขอบคุณที่อ่านมาจนจบครับ
ไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ แต่ดูไม่จบเพราะโดนเตะ
แต่กรณีของผมคือภายในระยะเวลาไม่เกิน 20 นาทีที่นั่งดู เก้าอี้โซฟาด้านหลังผมเค้าใช้เท้าเตะมาถูกเก้าอี้ผมไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง จนผมรู้สึกไม่พอใจ จนหันหลังกลับไปมองว่าเป็นใคร อายุเท่าไหร่ ซึ่งก็พอมองเห็นว่าเป็นชายอายุประมาณ 30 กว่ารูปร่างท้วม ซึ่งคงมาดูกับแฟนเค้าซึ่งก็รูปร่างพอๆกัน ซึ่งการที่ผมทำแบบนี้ก็คือเป็นการบอกในคนข้างหลังเค้ารู้สึกตัวได้ว่าคุณต้องเกรงใจคนที่นั่งด้านหน้าบ้างไม่ใช่เอาเท้ามาเตะโดนเก้าอี้คนนั่งหน้าถึงไม่จะไม่ตั้งใจก็ตาม แต่คุณต้องนั่งแบบระวังได้แล้ว ซึ่งเชื่อว่าเค้าต้องรู้ว่าเท้าเค้ามาโดนเก้าอี้เราบ่อยแน่ๆ ซึ่งมันยังไม่จบแค่นั้น
เพราะอีกสักพักเดียวก็เหมือนเดิม เท้ายังคงเตะมาโดนเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่เป็นระยะหนักบ้าง เบาบ้าง รวมๆแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งซึ่งในตอนนั้นบอกตรงๆว่าผมรู้สึกดูหนังไม่สนุกแล้ว อยากกลับมากกว่าแต่เห็นว่าแฟนกำลังดูสนุกอยู่ ก็เลยทนนั่งไปสักพัก ต้องบอกให้ทราบว่าผมเองก็ไม่ได้นั่งแบบเอาหลังพิงทิ้งน้ำหนักตัวมาก (ผมหนัก 53 กิโล) สุดท้ายไม่ไหวจริงๆ เลยนั่งตัวตรงเลยดูซิว่าจะยังโดนอีกหรือเปล่า ซึ่งก็เหมือนเดิม เท้าเค้าก็ยังคงเตะเก้าอี้ผมอีก ผมเลยบอกกับแฟนว่าผมจะขอออกไปรอข้างนอกก่อน เพราะอะไรก็บอกไป ซึ่งแฟนผมก็เค้าใจและออกจากโรงหนังพร้อมๆกัน เพราะแฟนผมเองก็โดนแบบเดียวกันแต่ว่านานๆที ไม่เท่าผม ตอนลุกออกมาก็เลยพูดเบาๆไปคำว่าไม่มีมารยาทบ้างเลย
จากนั้นก็เดินออกมาตรงประตูทางเข้า ที่พนักงานเค้าตรวจตั๋วก่อนเค้าไปนั่นแหละ ก็มีเล่าให้พนักงานฟังซึ่งตอนนั้นพนักงานยืนอยู่ 3 คน พนักงานผู้หญิง 2 คน ชาย 1 คน พนักงานผู้หญิงอีกคนจึงอาสาว่าจะพาเข้าไปดำเนินการให้ แต่ผมบอกว่าไม่ต้องหรอกเพราะไม่อยากดูแล้ว และคิดเองว่าคนแบบนี้พูดไปจะฟังรู้เรื่องหรือเปล่าก็ไม่รู้ และก็ไม่อยากจะทำให้คนอื่นๆที่เค้าดูหนังกันเสียบรรยากาศ พนักงานผู้ชายอีกคนก็ถามว่าต้องการจะเปลื่ยนที่นั่งไหม ผมก็บอกว่าไม่เป็นไรเพราะอารมณ์ตอนนั้นคือไม่อยากดูแล้ว พนักงานก็ได้บอกว่าต้องขอโทษด้วย ซึ่งผมก็บอกไปว่าขอบคุณครับแต่มันไม่ได้เกี่ยวกับโรงหนังหรือการบริการของโรงหนังแต่มันเป็นเพราะคนต่างหาก
ทั้งหมดที่เล่ามาคือเหตุการณ์ที่ผมเพิ่งเคยเจอ โชคไม่ดีที่ไปเจอคนแบบนี้ จึงอยากนำมาเล่าสู่กันฟังเผื่อว่าใครเคยเจอลักษณะคล้ายๆกันก็จะได้รู้ว่ายังมีคนแบบนี้อยู่ในสังคม อยากจะบอกไปถึงคุณคนนั้นว่าการที่คุณเลือกเก้าอี้โซฟา ก็เพื่อที่ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ทำไมถึงมาทำนิสัยแบบนี้กับคนอื่น เก้าอี้โซฟาเค้าให้ความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง นั่งสบายกว่าก็ในระดับนึง แต่ไม่ใช่จะถึงขั้นนอนเหยียดแข็งเหยียดขาซะเต็มที จนถ้าเท้าพาดเก้าอี้คนนั่งหน้าได้ก็คงจะพาดไปแล้ว โดนไม่สนใจคนอื่นว่าจะเป็นยังไง ซึ่งเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องพื้นฐานมากๆ ผมไม่รู้ว่าต้องทำโฆษณารถรงค์เหมือนเวลาที่ต้องปิดมือถือในโรงภาพยนตร์ด้วยหรือเปล่า คนแบบนี้ถึงจะเข้าใจได้ เพราะถ้าไม่ทำก็คงคิดเองไม่ได้ คิดเองไม่เป็น ขอบคุณที่อ่านมาจนจบครับ