ไปเที่ยวต่างประเทศ กลับมาน้อยใจในชะตาชีวิตกันไหม?

ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี จีน ฯลฯ

ขนส่งมวลชน บ้านเขาดีกว่า

ค่าครองชีพ สัมพันธ์กับรายได้

อากาศดี ไม่มีมลพิษ ไม่มีควันดำ

หันกลับมาดูชีวิตอินไทยแลนด์

เฮ้ออออออออออออ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ไม่ค่อยเห็นด้วยที่เราจะไปเปรียบเทียบกับประเทศที่ด้อยพัฒนากว่า ไม่งั้นไม่มีวันเจริญแน่ๆ ประเทศนี้ -*-
ความคิดเห็นที่ 5
มาช่วยกันทำให้บ้านเราน่าอยู่เหมือนประเทศที่พัฒนาแล้วกันมั้ย
ความคิดเห็นที่ 3
งั้นลองไปเที่ยวอินเดียดูสิครับ คุณจะได้รู้ถึงความโชคดีในชะตาชีวิตของคุณ

.........................................................

ทุกประเทศมันก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ประเทศไทยเราก็มีบางเรื่องที่ดีกว่า เกาหลี ญี่ปุ่น ยุโรป ครับ อย่ามัวแต่น้อยใจ เรื่องไหนที่เห็นว่าดีก็เอาเป็นแบบอย่าง ไม่ต้องมัวมานั่งน้อยใจ เรื่องไหนที่พอทำได้ก็เริ่มที่ตัวเราก่อนเลยครับ
ความคิดเห็นที่ 34
คิด เพราะตัวเองได้ชื่อว่ามาจากปรเเทศด้อยพัฒนามาตั้งแต่เกิด และท่าทางจะยังคงด้อยพัฒนาต่อไป ไม่รู้ถ้าแก่ก่อนตายจะได้ชื่อว่ามาจากประเทศพัฒนาแล้วหรือเปล่า
เราๆท่านๆในนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนชนชั้นกลางในเมือง ไม่ค่อยได้สัมผ้สความแร้นแค้นในชนบทถึงบอกว่าประเทศเราดีกว่า ถ้าเราดีกว่า ทุกท้องถิ่นเราต้องมีสาธารณูปโภคพื้นฐานทัดเทียมกันหมด
ไม่ใช่กระจุกอยู่อย่างทุกวันนี้ ถ้าได้มองจากมุมของคนจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ คุณทั้งหลายอาจคิดต่างจากนี้ก็เป็นได้...
เม่าติดดอย
ความคิดเห็นที่ 45
ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่คนไทยมาอยู่อเมริกาอย่างถาวรไม่มีใครเอ่ยถึงหรือแกล้งไม่เอ่ยถึงหรืออาจจะไม่รู้ (จริงๆ) นั่นก็คือ ความไม่มั่นคงในการทำงาน ใครจะเข้ามาแย้งไปหาข้อมูลดีๆก่อนแล้วค่อยแย้ง ซึ่ถ้าไม่ใช่ตำแหน่งงจะบอกให้ทราบว่า งานที่คนที่นี่สมัครๆและเขารับเข้าไปทำงานนั้นนะ ถ้าไม่ใช่ต่ำแหน่งที่สำคัญ Extra ordinary skill จริงๆแล้วละก้อ ทุกคนถูกจ้างภายใต้ข้อสัญญาที่ว่า คือ Employment at will. หมายความว่า นายจ้างมีสิทธิ์จะบอกเลิกจ้าง และลูกจ้างมีสิทธิ์บอกลาออกเมื่อใดก็ได้ โดยที่ปราศจากความผิด ทั้งนี้ให้แต่ละฝ่ายต้องทำการแจ้งต่ออีกฝ่ายเป็นการล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ อาทิตย์ อันนี้แหละคือความไม่มั่นคงของอาชีพการงาน ไม่เหมือนเมืองไทย ที่นายจ้างตกลงจ้าง หลังจากผ่านโปรแล้ว ถ้าจะเลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยแก่ลุกจ้างตามระยะเวลาการทำงานหรืออายุงาน โดยที่มีกฏหมายแรงงานกำหนดระบุไว้ชัดแจ้ง ดังนั้น สภาพการจ้างงานของเมืองไทยจะมั่นคงแข็งแรงกว่าของอเมริกามากนัก คนในสังคมอเมริกัน นี่คนทำงานที่ใจตุ๊มๆต่ำๆทุกคน ทุกวันต้องคอยดูสีหน้าบอส (นายจ้าง) หูต้องไวคอยสดับตับฟังความเคลื่อนไหวในหน่วยงานที่ตนทำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น ผู้บริหารประชุมเสร็จเนื่องด้วยสูญเสียลูกค้ารายสำคัญไปรายหนึ่ง เท่านั้น คนทำงานในบิรษัททุกคนหนาวๆร้อนๆไปตามกัน ว่ารายการ Lay off จะมีเกิดขึ้นหรือไม่และเมื่อไหร่ ตนจะโดนแจ๊คพอร์ทหรือเปล่า เป็นต้น

ที่เรากล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นที่หวาดผวาของผู้คนที่เป็นอเมริกันชนและผู้อยู่อย่างถาวร สำหรับโรบินฮู๊ดหรือผู้อยู่อย่างผิดกฏหมาย ไม่ได้รวมอยู่ในนี้ เนื่องด้วยโรบินฮู๊ดไม่ต้องกลัวเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็กลับเมืองไทย เพราะความเป็นโรบินฮู๊ดย่อมต้องเตรียมตัวเตรียมใจกลับเมืองไทยตลอดเวลาอยู่แล้ว  คนที่มาอยู่ประเดี๋ยวประด๋าว เช่นพวกเด็กๆที่มาโครงการแลกเปลี่ยน ที่เรียกชื่อซะสวยหรูว่า โครงการทำงานๆ+ท่องเที่ยวๆ
WAT (Work & Travel) มาทำงานสามเดือนอยู่เที่ยวอีกหนึ่งเดือน แหมกลับไปเมืองไทย แสดงออกถึงความประทับใจอย่างสุดซึ้ง บ้างก็คิดถึง โฮส ถึงกับต้องดิ้นรนขอวีซ่ากลับมาเยี่ยม พุทโธ่เอ๋ย ที่มาทำงานเดี๋ยวเดียวนั้นนะ มันแค่งานเด็กๆ จะลิ้มชิมรสชีวิตการทำงานที่แท้จริงของอเมริกันชนนั้น ยังอีกห่างไกลหลายพันโยชน์ เราถึงบอกกล่าวในนี้ว่า อยู่อเมริกานานๆหน่อย แล้วเรียนรู้ให้มากขึ้น (Live longer to learn more) แล้วจึงรู้ซึ้งถึงแก่นแท้ของชีวิตในอเมริกาจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่