ภาคต่อของ ทหารอเมริกัน เมื่อออกจากทหารแล้ว มาเป็นพนักงาน State ได้อย่างไร

ภาคต่อของ ทหารอเมริกัน
เมื่อออกจากทหารแล้ว มาเป็นพนักงาน State ได้อย่างไร

ผมเคยเป็นทหารอเมริกัน........ เรื่องเล่าจากประสบการณ์จริง  http://ppantip.com/topic/32575084

ผมก็เป็นคนๆหนึ่งที่ไม่รู้ว่าอยากจะทำอะไรในชีวิต ตอนอยู่มัธยมก็ตั้งมั่นว่าต้องเอนทรานซ์ให้ติด
คิดว่ามันคือทุกอย่างของชีวิต ยอมเรียนสาขาที่ไม่ชอบ เพราะเลือกสถาบัน
(เด็กฝรั่ง มศว. ทั้งหลาย ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยชอบ literature , novel และ grammar
แต่ มันเป็นช่วงที่สนุกมากๆของชีวิตนะครับ)  


credit # SWU FR รุ่นไร จำไม่ได้ละ

พอเรียนจบก็ย้ายมาเมกา รู้ว่าต้องเรียนต่อปริญญาโทให้จบ จบแล้วก็ได้แค่ภูมิใจ อัศวินเหงื่อตก
ทำร้านอาหารเพราะได้เงินก็จริง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำไปตลอดชีวิต
แล้วก็เข้าไปเป็นทหาร ภูมิใจมากครับ ดูเท่ห์ ใครๆก็ตื่นเต้น ใครๆก็บอกว่าสบาย
เพราะbenefitดี แต่หารู้ไม่ครับ มันดูดเวลาของเราไป เราพลาดงานแต่ง งานวันเกิด
เพื่อนป่วย น้องอกหัก เราทำอะไรไม่ได้ครับ เพราะมัวแต่อยู่ค่าย



ด้วยหน้าที่ของทหาร “Mission comes first” and “Selfless Service”
ผมยอมรับว่า ผมไม่พร้อมที่จะเสียสละ...........
เลยตัดสินใจออกมา ส่วนออกมาแล้วจะทำอะไรเหรอครับ ไม่รู้เลย เม่าหนาว
แต่อายุก็เริ่มเยอะ งานที่มั่นคง คงจะเป็นคำตอบสุดท้ายของผม
https://jobs.ca.gov/ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี



ช่วงออกมาจากทหารก็ตื่นเต้นครับ น้องสาวเปิดร้านอาหาร
ก็ขยันๆๆๆ ตื่นเช้า ซื้อของเข้าร้าน เสริฟบ้าง ครัวบ้าง ช่วงที่ทำ






ก็ส่งใบสมัครงานไปเรื่อยๆครับ ใจอยากได้งานออฟฟิตเพราะชอบนั่งหน้าคอม ทำเอกสารอยู่  
เลยพยายามหางาน admin ใส่degree และความสามารถเต็มที่ สมัครตำแหน่งintermediate
ส่งไป20-30ใบ package ใหญ่มาก บางครั้งใหญ่ไปจนเค้าคงขี้เกียจอ่าน แล้วก็หยุดส่ง
เพราะไม่มีใครตอบกลับมาก็เริ่มท้อ

ทำร้านอาหารต่อครับ แต่ว่ามันไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด ยิ่งทำก็ยิ่งไม่ชอบ

ผมเลยฮึดขึ้นมาสู้อีกครั้งถ้าส่งเป็นสิบไม่ได้ก็ต้องส่งเป็นร้อยแล้วกัน
ถ้าตำแหน่งสูงๆไม่ได้ ก็ต้องใช้มาตรการ “get your foot in the door”
เข้าตำแหน่งต้นๆแล้วไปไต่เต้าเอา กว่าจะเกษียณ ก็คงจะได้ตำแหน่งสูงๆบ้างละ


มีเพื่อนคนไทยที่ทำงาน State บ้างนะครับ แต่ได้แค่คำแนะนำว่าสมัครไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆ
เดี๋ยวก็ได้ ผมก็เข้าใจนะครับ ก็แค่ไม่รู้ต้องกรอกใบสมัครตรงไหนอะไรยังไงให้ดี ก็งงๆ อ่ะครับ
แล้วก็เห็นเพื่อนคนไทยหลายๆคนที่มีความสามารถแต่ก็ทำงานร้านอาหาร  บางคนก็ไม่รู้จะเข้ายังไง
ผมก็เลยอยากพิสูจน์ให้ทุกคนรู้ครับว่า คนธรรมดาๆ อย่างผม ไม่ใช้วุติสมัคร แต่ใช้ประสบการณ์ไม่กี่ปีใส่ลงไป
ถ้าผมได้งาน ทุกคนก็มีโอกาศจะได้ครับ แต่ต้องพยายามครับ

"กระทู้นี้ของผม ตั้งใจจะช่วยคนไทยทุกคนในเมกา ที่สามารถทำงานได้ถูกต้อง มีพื้นฐานภาษาอังกฤษพอใช้
พิมดีดได้(ถ้าไม่เป็นรีบฝึกโลดครับ ไม่สาย)  ให้มาทำงานราชการครับ
อยากเห็นคนไทยอยู่ในกระทรวงมากกว่าร้านอาหารครับ”
(ผมไม่ได้ว่างานร้านอาหารนะครับ แต่เราคงทำไม่ไหวเมื่อวันที่เราแก่ตัว ทุกวันนี้ผมยังรับเสริฟอยู่นิดหน่อย เงินมันดีครับ)


ปริ้น

ในเวลา 1เดือนเตรียมเอกสารและ สี่เดือนผมส่งใบสมัคร 144ใบ 13 สัมภาษณ์งานครับ
(เฉลี่ยคนที่ได้จะได้งานจะสัมภาษณ์ประมาณ 8-12ทีครับ นอกจากเก่งและดวงดีก็จะได้เร็วกว่านั้น)
อย่าท้อ อย่าท้อ อย่าท้อ!!!!  ถ้า คุณรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา ยังไงก็ทำได้ครับ งาน นี้
ต้องส่งใบสมัครทุกอาทิตย์ครับ เข้าเวปไซค์แล้วก็ส่งไปตามกรมที่เค้าเปิด ส่งให้หมดครับ


ใส่ซอง แล้วก็ส่ง

เนื่องจากไม่มีเส้นสาย ไม่มีความรู้ระบบของการรับเข้าทำงานของ California State  
วิธีและตำแหน่งที่เข้าง่ายที่สุดคือ ตำแหน่ง Office Technician ครับ
แค่จบ  typing certificate 40wpm, แล้วก็สอบ OT Exam ของ state นั้นๆครับ
http://www.calhr.ca.gov/pages/job-seekers-office-assistant-and-office-technician.aspx
แล้วค่อยไปเลื่อนตำแหน่งเอาครับ


ผมส่ง cover letter, STD678 (แบบฟอร์มสมัครงาน สองหน้าแรก),
คะแนนสอบ, typing certificate  แม็กรวมกันแล้วก็ส่งไปตามที่อยู่ที่มีตำแหน่งเปิดครับ
http://jobs.spb.ca.gov/wvpos/search_p_ejv.cfm?classcode=1139&criteria=office tech
ตามเวปนี้เลย อย่าลืมซื้อซองและแสตมป์ไว้เยอะๆนะครับ




ทำซ้ำไปซ้ำมาครับ

จนกระทั่งเดือนตุลาก็มีสัมภาษณ์ 3 ครั้ง    พฤศจิกา 6ครั้ง    ธันวา 4ครั้ง
แต่ละ department ก็โหดแตกต่างกันไป บางที่ 15นาทีถาม7-8คำถาม บางที่เป็นชั่วโมง
มีสอบเขียนและสำภาษณ์ บางที่บรรยากาศ เพื่อนร่วมงานก็น่าทำ มากๆ  แต่บางที่ก็ดูหดหู่  โหด หิน
สัมภาษณ์ 5ครั้งแรกเกร็งมากครับ ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย รู้ว่าทำเปิ่นๆเยอะ บางครั้งก็ไม่เข้าใจที่เค้าถาม
ก็จำไว้ครับว่า เรามาสัมภาษณ์ให้ชิน หน้าด้านเข้าไว้ เอาให้ชิน  เม่าฝนตก


ผมเตรียมตัวสัมภาษณ์โดยการให้ index card ครับ จดคำถามตามเวปไซน์ต่างๆประมาณ 30 คำถาม
มาท่องๆ แต่เวลา สัมภาษณ์ก็เป็นตัวของตัวเองครับไม่ต้องจำทุกตัวอักษร
หลังจากนั้นสัมภาษณ์ซัก 7 ครั้ง ก็ไม่ท่องไม่เครียดแล้วครับ
เป็นตัวเราเองเลย รับก็ดี ไม่รับก็ถือว่าเค้าอดคนดีๆอย่างเรา เข้ามาดู
อย่าลืมแต่งตัวให้ดูภูมิฐานนะครับ Dress for Success




แต่พอถึงสัมภาษ์ถึงครั้งที่สิบผมก็เริ่มท้อละครับว่าทำไมไม่มีใครรับซักที
แต่การได้งานมันก็ขึ้นอยู่กะว่า เค้าชอบเรามากน้อยแค่ไหน
บางครั้งถึงเราก็ qualified แต่ไม่ใช่ดวงของเรา ก็ไม่ได้.  
อีกอย่างภาษาผมก็สำเนียงไทยเลยทีเดียว


ส่วนใหญ่จะ 10 คำถามครับ คนสัมภาษณ์2-4คน แล้วแต่ เค้าจะสลับกัน(อ่าน)
ถามแล้วเรา พอเราตอบ เค้าก็จดๆ อึดอัดครับเวลาตอบเสร็จและเค้าจดไม่เสร็จ
Tip: ตอบเนื้อๆ ไม่ต้องตอบยาว เค้าจะได้ไม่จดนาน ถ้าเค้าถามว่ามีอะไรอยากเพิ่มมั้ย
อยากถามมั้ย   ไม่ต้องครับ No, but thank you for your time อย่างเดียวโลด



จนกระทั่ง สัมภาษณ์ สองครั้งสุดท้าย เป็นวันเดียวกัน
อันนึงตอนเช้า Board of Nursing and Psychiatric Technicians สอบเขียนครับ
เค้าจะดูว่า เราเขียนได้มั้ย grammar โอรึเปล่า สัมภาษณ์ชั่วโมงนึงครับ ถามเยอะมาก

อันที่สอง Department of Real Estate ครับ ตอนบ่าย คนสัมภาษณ์3คน แค่10นาที
สัมภาษณ์สองที่ล่าสุดมีลุ้นครับ เพราะ เค้าโทรหาคน References
(อันนี้สำคัญครับ ต้องเป็นหัวหน้างาน หรือใครก็ได้ที่ แสร้งเป็นหัวหน้างาน(อิอิ)
และต้องเป็นคนที่อยากเห็นเราได้งานจริงๆ เพราะเค้าจะถามว่าเราทำงานยังไง
ควรจะรับเรามั้ย ผมเอาเพื่อนที่ไว้ใจได้สามคนแล้วเตี๊ยมกัน)   นางพญาเม่า
(ย้ำว่าถ้าเค้าโทรแล้วจะมีลุ้นมาก คนส่งใบสมัคร ร้อยกว่าคนครับ
สัมภาษณ์ประมาณ 16-20คน แล้วเค้าจะคัดอีกครึ่งนึงเพื่อโทรถามReferences)


ในที่สุด สองที่นี้โทรมาเสนองานครับ(จริงๆแล้วมีอีกสองที่ที่มีลุ้นแต่ก็วืดครับ)
ผมเลือกที่ Department of Real Estate ครับ เพราะบรรยากาศและ เจ้านาย
ดูสบายใจกว่าอีกที่นึงครับ เหมือนว่างานเสร็จเหมือนกัน แต่อีกที่จะให้ซับซ้อนกว่า

อย่างว่าละครับ งานเข้า ก็ งานเข้า อัศวินขี่ม้าขาว


ผมเริ่มทำงานมาได้อาทิตย์นึงแล้วครับ เข้างาน 8-5 ใช้ trust system ไม่มีใครมานั้งเช็กชื่อ
ถึงเวลาก็พักเบรก เพื่อนร่วมงานและเจ้านายเป็นกันเองมาก งานก็แอบงงๆนิดนึง เพราะไม่เคยทำมาก่อน เม่าสงสัย
แต่ก็เรียนรู้กันไป แต่ว่าช่วงนี้ก็ต้องพยายามก่อนครับ ถ้าไม่ผ่าน pro ละจะยุ่ง (probation 6-12เดือนครับ)
อยู่ฝ่ายการเงินครับ(Fiscal)  งานจะใช้ Outlook, Word, Excel และระบบฐานข้อมูลของราชการครับ
ใช้อีเมล์หากันในการติดต่อกะเพื่อนร่วมงานมากกว่าโทรตามกัน มีโต๊ะทำงาน คอมส่วนตัวครับ
บรรยากาศทำงาน ดีมากครับ เลยไม่อยากได้ดีคนเดียว อิอิ





รกหน่อยนะครับ เอกสารมันเยอะ
ปล. ถึงเพื่อนๆที่ทำงานเสริฟทั้งหลายคงไม่เข้าใจว่า เสริฟแล้วจะทำ ออฟฟิตได้ยังไง
มันขึ้นอยู่กับใบสมัครครับ ว่าเราจะเขียนอะไรลงไป วีไอกับเทคนิค

จากกระทู้ที่แล้ว เรื่องทหาร มีเพื่อนๆสนใจกันเยอะ แต่ผมไม่ค่อยได้เช็ก inbox ครับ คราวนี้ผมเอา อีเมล์สำรองให้เลยละกัน
minuzz@msn.com
ถ้าใครสนใจนะครับ แนะนำให้ได้คะแนนสอบ Office Technician Exam แล้วก็ Typing Certificate 40wpm
ส่งมาให้แล้วผมจะช่วยทำ package ให้ครับ


คราวหน้า อาจจะมีกระทู้ดีๆของการทำงานที่กระทรวงและแนวทางการเลื่อนขั้นครับ
ตอนนี้ผมยังเป็น Newby อยู่ ขอเรียนรู้งานแพป เม่าเนิร์ด
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ ครั้งนี้อาจจะน่าเบื่อไปซักนิด ไม่บู๊เหมือนคราวก่อน

โชคดีครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่